Human Again.
Rated: M
English - Horror/Romance
Alice & Claire R.
By : andella07/FanFiction.net
Translated to Thai : Anhy
Chapter 9 : Mirror.
อาหารหมดไปแล้ว.. แต่อลิซกับแคลร์ ยังคงนั่งอยู่กับที่ที่โต๊ะอาหารนั้น จานอาหารสไตล์จีนวางอยู่ตรงหน้าของเธอทั้งสอง ความเงียบมันน่าอึดอัดใจ และมันก็ชัดเจนว่า อลิซอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่คำพูดจากลับไม่ยอมออกมา
อลิซกำลังนึกสมเพชตัวเอง เธอไม่ต้องการจะยอมรับมัน แต่ก็รู้ดีว่า ตัวเองตกหลุมรักแคลร์เข้าเต็มเปา ใช่..เธอทั้งสองไม่ควรจะต้องจากกันเลยในเวลาดีๆแบบนั้น แต่ทุกอย่างมันแตกต่างไปแล้วในเวลานี้ เธอเป็นมนุษย์ และมันทำให้ทุกอย่างในโลกนี้แตกต่าง.. และไม่แตกต่างอะไรเลย เธอจะจำฉันได้มั้ย ? เราจะต้องเริ่มต้นใหม่ใช่มั้ย..?
วิดิโอเทปเหล่านั้น บอกไว้มากมายถึงความรู้สึกผิดของอลิซ และนั่นก็ทำให้เธอรู้ แคลร์เห็นมันได้ เธอไม่ได้ตาบอดที่จะไม่รู้ถึงความทรมานที่อลิซเป็น แม้ว่าเธอจะไม่สามารถอ่านความหมายจากการเคลื่อนไหวของสาวตัวสูงกว่า แต่เธอสังเกตเห็นได้จากการกระทำต่างๆ อลิซกำลังผิดหวัง เสียใจ แต่สาวผมสีแดงก็แค่สงสัยว่าทำไม จากนั้นอลิซก็หาว และมันเป็นสัญญาณที่จะทำให้แคลร์สามารถแปลความหมายจากมันได้โดยง่าย
“อืม..ฉันง่วงแล้วล่ะ..” สาวผมแดงเอ่ยขึ้นเหมือนกำลังเสนอแนะ เธอเลื่อนเก้าอี้ของตัวเองออกและลุกขึ้นยืน
“อืมมมม..” อลิซเห็นด้วย เธอลุกขึ้นบ้างเพื่อจะนำจานของตัวเองไปยังห้องครัว แต่ระหว่างนั้นแคลร์ก็เดินอ้อมโต๊ะมายืนข้างๆและนำจานในมือเธอไป มันเป็นสัญญาณง่ายที่อลิซสามารถจะอ่านมันออก แคลร์ต้องการจะทำตัวให้มีประโยชน์ แต่นั่นก็ทำให้อลิซยิ้มได้เหมือนกัน
“ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงนะ.. แต่เตียงคิงไซส์นั่นกำลังร้องเรียกชื่อฉันอยู่..” แคลร์ออกความเห็น ขณะที่ทั้งสองเดินกลับมายังห้องนอนใหญ่
“ก็ไปนอนสิ.. ฉันจะนอนที่พื้น..” อลิซตัดบท พยายามที่จะบอกตัวเองว่า เตียงนั่นจะต้องนุ่มเกินไป เมื่อเทียบกับที่เธอเคยใช้ เธอพยายามทุกอย่างที่จะเอาความคิดที่จะนอนเตียงเดียวกับแคลร์ออกจากหัว
“อย่าล้อเล่นน่า..อลิซ เตียงนั่นมันใหญ่พอสำหรับเราสองคน นอกจากนั้น เวลาไหนกันอีกล่ะที่เธอจะได้นอนในที่ที่ดีแบบนี้..” มันเป็นคำถามแบบลองเชิง ซึ่งเป็นคำตอบเสียมากกว่า
อลิซไม่สามารถจะหาความผิดพลาดใดๆได้ในสิ่งที่แคลร์บอก แม้ว่า..เธอจะพยายามอย่างมากก็ตาม
“อา...งั้นก็ได้..” อลิซถูกทำให้พ่ายแพ้อย่างราบคราบ กับความคิดที่จะนอนเตียงเดียวกับแคลร์ แม้ว่าเธอจะหวาดหวั่นกับการกระทำของตัวเอง
ถ้าฉันแย่งผ้าห่มมาคนเดียวหมดล่ะ...และถ้ามันแย่กว่านั้น.. กรน..? อลิซกำลังคิดเพ้อเจ้อ เธอรู้ดี.. แต่สาวผมแดงนั่นก็ทำให้อลิซรู้สึกอะไรต่างๆที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน เธอกำลังประสาทและตื่นเต้นในคราวเดียวกัน ท้องไส้ของเธอเหมือนกำลังขมวดเป็นปม
เมื่อหมอนเสริมถูกโยนลงพื้น และผ้าคลุมถูกดึงออก และปืนสั้นของอลิซถูกวางไว้ใต้หมอน ทั้งสองก็แทรกตัวเข้าไปอยู่ภายใต้ผ่าห่มผืนเดียวกัน แม้ว่าโลกรอบๆตัวจะมีแต่ความเงียบงัน แต่อลิซก็แน่ใจว่า เสียงการเต้นของหัวใจเธอดังกว่าการวิ่งผ่านไปของรถไฟ
เวลาดำเนินต่อไปและอลิซก็ตกอยู่กับภวังค์ของความคิดตัวเอง นั่นจึงทำให้เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นแคลร์ลุกขึ้น และตอนนี้ไปนั่งอยู่ตรงขอบเตียงไกลจากตัวเธอ มีอะไรกันนะ...
“เป็นอะไรไปแคลร์..”
แคลร์หันกลับมามองอลิซอย่างประหลาดใจ “โอ้..โทษที... ฉันไม่ได้อยากจะปลุกเธอ..”
อลิซลุกขึ้นบ้างและเอ่ยโต้ตอบ “ไม่ต้องขอโทษหรอก.. เป็นอะไรเหรอ..” สาวตัวสูงกว่าเกรงว่าตัวเองจะวุ่นวายมากเกินไป แต่แคลร์ก็ดูคล้ายจะอยากให้ถาม
“ฉัน.. ฉันจำบางอย่างได้..” เสียงคำตอบของแคลร์ดูไม่แน่ใจ และอลิซก็เห็นได้ว่า เธอกลืนน้ำลายขณะที่ฝ่ายนั้นเอ่ยต่อ “พ่อแม่ของฉัน.. ตายตอนที่รถชน ตั้งแต่ฉันยังเด็ก.. ฉันจำงานศพของพวกเค้าได้ และมีบางคนจับมือของฉันไว้ตลอดเวลา..ตอนนั้น พวกเค้าไม่ได้อยากจะไป... ฉันเองก็ไม่อยากให้พวกเค้าไปเหมือนกัน.....”
ลำคอของอลิซแห้งผาด แต่เธอก็พยายามพูดบางอย่างที่เธอคิดได้ “เสียใจด้วยนะ..” เธอรู้ดีว่า มันทำให้สาวผมแดงดีขึ้นได้เล็กน้อย แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอจำเป็นต้องพูด
ท่ามกลางความมืดมิด อลิซสามารถเห็นแคลร์ยิ้ม มันเหมือนหล่อนบังคับมันออกมา สาวผมแดงกลับลงไปนอนบนเตียงและอลิซก็ทำตาม
มันเป็นเวลาดึก ตอนที่แคลร์ตื่นขึ้น เพราะเสียงพึมพำ สัญชาตญาณของเธอในตอนแรก เธอตั้งใจจะปลุกอลิซ แต่จากนั้นเธอเห็นแล้วว่า เป็นอลิซเองที่เป็นต้นเหตุของเสียง อลิซกำลังร้องครวญคราง สองมือขย้ำผ้าห่มแน่น เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นตามหน้าผาก แม้กระทั่งจะเป็นตอนที่ถูกเธอปลุก มันทำให้หัวใจแคลร์แทบสลาย
“อลิซ..” เธอเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ระหว่างค่อยๆสัมผัสที่บ่าของอลิซเพื่อปลุกให้ตื่นจากฝันร้าย
อดีตโปรเจ็คสะดุ้งตื่น สมิทแอนด์เวสสันถูกนำออกมาจากที่เก็บและส่องตรงไปยังทิศทางของประตู เสียงลมหายใจของอลิซแสดงถึงความตื่นตระหนก จนกระทั่งเธอเห็นสีหน้าเห็นอกเห็นใจของแคลร์ เธอจึงได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“โอ้..พระเจ้า.!” อลิซอุทานขณะที่ลดปืนในมือลง แต่ไม่ได้ทิ้งมันลง มีมันอยู่ในมือของเธอแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
“ขอโทษนะ..”
“ไม่เป็นไรหรอก..” สาวผมแดงบอก ขณะที่เธอกล้าหาญและมั่นใจกับการยกมือหนึ่งขึ้นสัมผัสตรงแผ่นหลังของอลิซ และลูบมันช้าๆเบาๆ อดีตโปรเจ็ครู้สึกสงบได้อย่างรวดเร็ว เศษเสี้ยวของฝันร้าย ถูกสะลัดให้หายไปด้วยความอ่อนโยนของมือแคลร์
เธอไม่เอาแคลร์ไปเปรียบเทียบกับสเปนซ์อีกต่อไปแล้ว เธอทำไปได้อย่างไร.. พวกเขาสองคนแตกต่างกันอย่างมากมาย ความเย่อหยิ่งของสเปนซ์ คือ..ความบกพร่อง ความเย่อหยิ่งของแคลร์ คือ..ความเป็นที่รัก ความเห็นอกเห็นใจของสเปนซ์ ไม่เคยมี... ในขณะที่..แคลร์.. เธอมีมากมาย.. ท่วมท้นหัวใจ...
To be continue….
1 ความคิดเห็น:
อุฮิ~~.. แวะมาอ่านแล้วจ้า.. อิอิ
อลิซนี่น้า.. คิดมากเกินไปจริงๆนะเนี่ย คิดมากอยู่นั่นแหละ คิดแม้กระทั่งเรื่องนอน.. กรน.. จะบ้าเหรอ.. ฮ่าๆๆๆ.. คงไม่อยากให้แคลร์เห็นในส่วนที่ไม่ดีของตัวเองในตอนที่ตัวเองไม่รู้สึกตัวสินะ.. แต่รู้อะไรมั้ยอลิซ.. บางที การที่เธอทำตัวแบบนี้ เธอยังคงคิดมากอยู่แบบนี้มันจะทำให้คนที่อยู่ด้วยกันกับเธอเครียดมากกว่าเธออีกนะ.. เพราะเค้าจะเป็นห่วง และจะระแวงตัวเองว่าเค้าทำอะไรผิดไป เธอถึงได้นั่งหน้านิ่วตลอด.. เพราะฉะนั้นเธอควรจะปล่อยวางบางเรื่องออกไปบ้าง.. คิดว่าทำแบบนั้นแล้วแคลร์ก็จะรู้สึกดีล่ะ..
แน่นอนที่สุดเลยอลิซ.. เธอจะเอาผู้หญิงคนนี้ไปเปรียบเทียบกับผู้ชายเห็นแก่ตัวพรรค์นั้นได้ยังไง.. มันไม่มีอะไรที่จะเปรียบเทียบได้เลย.. ผู้ชายคนนั้นมันเห็นแก่ตัว.. ในขณะที่แคลร์เป็นห่วงเป็นใยเธอขนาดนี้.. ดังนั้นเพื่อตอบแทนความรู้สึกส่วนนั้นของแคลร์.. อลิซก็ต้องเลิกคิดมากได้แล้วนะ..
ขอบคุณมากนะคะไรเตอร์.. ข้าพเจ้ายิ่งอ่านก็ยิ่งชอบ สองคนนี้ทำข้าพเจ้าแอบอมยิ้มได้ตลอดเลยค่ะ.. อิอิ.. แล้วมาอีกนะคะ.. ข้าพเจ้ารอเสมอ.. ^^
แสดงความคิดเห็น