For Hope I Would Give Everything
Rated: T
English - Romance/Friendship
Fandom: Resident Evil: Afterlife.
Pairing: Alice/Claire
By : startaxriotinme / Fanfiction.net
Translated to Thai : Anhy
Chapter 4 : Here Is Gone.
ลาสเวกัส : 18 เดือนที่แล้ว
อลิซผลักเปิดประตูเพื่อขึ้นสู่หลังคาดาดฟ้า มือแต่ละข้างของเธอกำอาวุธปืนประจำกายเอาไว้ เท้าทั้งสองนำพาเธอไปยังเต้นท์ที่เข้าใจว่าเป็นของอัมเบรลล่า เธอจะต้องแก้ไขทุกอย่าง เธอจะฆ่าพวกมัน เพื่อตอบแทนทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันทำไว้
ขณะที่เธอไปถึงจุดนั้น อลิซยกปืนทั้งสองของเธอขึ้นและยิงทหารคนแรก จากนั้นพวกที่เหลือก็ตายตามกันไป เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่เธอได้ยินเสียงหัวเราะเยาะใส่ใบหน้าในระหว่างที่เธอยิง และเมื่อเธอแน่ใจแล้วว่า..พวกมันทั้งหลายตายกันหมดเรียบร้อย เธอก็ เก็บปืนทั้งสองใส่ซอง
เต็นท์ที่เธอก้าวเข้ามา เต็มไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ อลิซจึงได้พบว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงภาพทุกอย่างที่เธอเห็นอยู่ เหมือนพวกมันตั้งกล้องอยู่เบื้องหลังดวงตาทั้งสองของเธอ ไม่น่าสงสัยเลยว่า ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าไม่ได้มีเธอเพียงลำพังในสมองของตัวเอง
อลิซหักเหสายตาออกจากบรรดาคอมพิวเตอร์ เมื่อเธอได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ เธอรีบร้อนออกมายังภายนอกเต็นท์ทันที มือทั้งสองขยับชักปืนขึ้นมาอีกครั้งและเล็ง แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็พยายามรั้งรอการส่งกระสุนปืนออกไปจากลำกล้อง เพราะมันอาจจะเป็นกระสุนที่เปล่าประโยชน์ก็ได้ และเธอก็มีบางอย่างที่คิดออกด้วย
เคมาร์ทวิ่งเข้ามาหาเธอ พร้อมเสียงตะโกน “ทำไมคุณไม่ยิงล่ะ..?”
“เพราะเราจะไม่ขับรถไปอลาสก้าไงล่ะ เราต้องการเฮลิคอปเตอร์นั่น..” อลิซตอบ จากนั้นก็พยักหน้าไปทางเต็นท์ “ไปเช็คคอมพิวเตอร์กันดีกว่า.. ดูว่ามันไปทางไหน..”
เมื่อทั้งสองไปถึงทางเข้าเต็นท์ เคมาร์ทก็หยุดกะทันหัน อลิซจึงหันกลับมามองดูหน้าเธอ และนั่นก็ทำให้รู้ว่าทำไมเคมาร์ทถึงหยุด คนตาย..ที่มีรูกลวงโบ๋ของกระสุนอยู่ตรงกะโหลก
“เธออยู่ข้างนอกก็ได้นะ..” อลิซเอ่ยบอก รู้สึกทันทีเลยว่าตัวเธอเหมือนปีศาจร้ายอย่างที่บรรดาเด็กๆคิดว่าเธอเป็น
“ไม่เป็นไร.. ฉันโอเค..” เคมาร์ทแย้งและเดินตามอลิซเข้าไปด้านใน เด็กสาวเดินเหยียบศพหนึ่งแล้วนั่งลงกับเก้าอี้ตรงหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เธอเริ่มต้นมองอย่างค้นหาเข้าไปในจอ ไม่นานนักเธอก็ชี้นิ้วด้วยความตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็น “นี่.. ฉันเจอแล้ว.. มันตรงไปที่นั่น.. ฉันจะปริ้นแผนที่ให้นะ..”
อลิซยิ้ม “เก่งมาก..”
เมื่อแผนที่ปริ้นออกมาเรียบร้อย เธอทั้งสองก็พากันเก็บรวบรวมสิ่งของที่อาจจะเป็นประโยชน์และมุ่งหน้ากลับไปให้คนอื่นๆ คาร์ลอสและผู้ใหญ่อีกคนกำลังขุดหลุมฝังศพ ส่วนแคลร์อยู่ที่ใดก็ไม่ทราบได้
“ทำไมเธอไม่ไปดูพวกเด็กๆล่ะ..เคมาร์ท..?” อลิซแนะนำ สายตาก็มองหาผู้นำสาวคนนั้นที่เธอต้องการเจอ
“โอเคค่ะ..” เด็กสาวตอบตกลง ราวกับว่ากำลังนึกขอบคุณที่เธอไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับการฝังศพบรรดาเพื่อนๆ
อลิซใช้สัญชาตญาณเธอพาไป จนกระทั่งเธอรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของแคลร์ เธอจึงเดินเข้าไปยังสถานที่ที่เป็นกลายเป็นซากปรักหักพังเสียครึ่งหนึ่งซึ่งอยู่ในสายตาและเธอก็ได้พบแคลร์อยู่ตรงนั้น หล่อนกำลังหันหน้าเข้ากำแพงและหันหลังให้อลิซ
เธอจึงเอื้อมมือขึ้นสัมผัสกับแขนของแคลร์และพูดอย่างนุ่มนวล “เฮ้..”
แคลร์สะบัดตัวออก เมื่อเธอหันหน้ากลับมา สองตาของเธอเอ่อท้นด้วยน้ำตาและมันฉายแววความโมโหโกรธาอยู่ตรงนั้น “พวกมันมาจากไหนกัน..”
“อัมเบรลล่า.. พวกมัน----.”
“มันส่งพวกนั้นมาที่นี่เพราะเธอ..ใช่มั้ย..” แคลร์กล่าวโทษ สองตาของเธอหรี่ลงด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่
อลิซก้มหน้าลงมองพื้น มันไม่มีหนทางจะปฏิเสธสิ่งนี้ “ใช่..”
นาทีนี้แคลร์เงียบไป และเมื่ออลิซเงยขึ้นมอง เธอก็ต้องประหลาดใจที่เห็นสาวผมแดงอยู่ห่างจากเธอแค่หนึ่งนิ้ว มือสวมถุงมือข้างหนึ่งวางแนบกับกำแพงข้างๆอลิซ ส่วนมือที่เหลือผลักดันให้ร่างของเธอไปติดชิดกับกำแพงนั่น
“มันเป็นความผิดของเธอ..” แคลร์ขู่ฟ่อ “ถ้าเธอไม่มาหาพวกเรากับสมุดบ้าๆนั่นและอลาสก้าบ้าๆ เรื่องแบบนี้มันก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้น..”
อลิซหลับตาลงและหันหน้าหนีไป มันเป็นเรื่องจริงและเธอก็เกลียดตัวเองเพราะมัน
คำสาปของเธอมันเหมือนจะมากขึ้นทุกที เหมือนซิไซปัส เธอถูกบังคับให้ต้องอดทนตลอดกาลกับวงจรอุบาทว์เช่นนี้ ไม่ว่าเธอจะพยายามอย่างหนักสักเพียงไหนที่จะหลีกหนี เธอก็ไม่สามารถจะหยุดการตายของบรรดาคนที่เธอห่วงใย เหมือนกับที่เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธะที่จะต้องกลิ้งหินกลับขึ้นเนินเขา
“เธอพูดถูก.. ฉันไม่ควรจะมาตั้งแต่แรก..”
แคลร์ไม่พูดอะไรอีก แต่ก็ไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย ความโกรธของเธอที่อลิซได้รับไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ถูกทดแทนด้วยอารมณ์ความรู้สึกใหม่ซึ่งยากมากที่เธอจะรู้สึก
อลิซลืมตาขึ้นอีกครั้งและเห็นสายตาของแคลร์อ่อนลง ความโมโหในแววตากลายมาเป็นความขมขื่น และอาจเรียกได้ว่ารู้สึกผิด มันเหมือนเธอกำลังส่องกระจกอยู่ และนี่มันคงไม่ผ่านพ้นจากสายตาของสาวผมแดงเหมือนกันที่จะรู้สึกมันได้ เวลานี้อลิซเกิดความรู้สึกใหม่ขึ้นในใจ การเอาใจใส่และความเห็นอกเห็นใจ
“ไม่..” แคลร์เอ่ยขึ้นพร้อมส่ายศีรษะ “ถึงพวกเราจะรอดจากพวกอีกา เราก็ไม่มีอาหาร ไม่มีที่จะไป เรามีแต่จะสูญเสียไปเรื่อยๆ เราหลีกเลี่ยงเรื่องนั้นไม่ได้ และฉันรู้มันอยู่แล้ว.. ฉันแค่ไม่ต้องการจะยอมรับมัน... ว่าฉันล้มเหลว..”
แคลร์หยุดพักและหักเหสายตาไปจากอลิซ และเมื่อเธอเอ่ยพูดต่อ เสียงของเธอยังคงเคร่งเครียด “อย่างน้อย.. อย่างน้อยตอนที่พวกเค้าตาย.. พวกเค้าก็ยังตายพร้อมกับความหวัง มันเป็นสิ่งที่พวกเค้าต้องการตลอดมา และที่มากกว่าคือพวกเค้ามีมันไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ นั่นเป็นสิ่งที่ฉันทำให้พวกเค้าไม่ได้..”
การสารภาพนี้ทำให้อลิซประหลาดใจ อีกครั้งแล้วที่อลิซไม่รู้สึกอะไรนอกจากยิ่งชื่นชมในความเป็นแคลร์ เธอผู้ไม่เคยคิดถึงความเจ็บปวดทรมานของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้น.. พวกเค้าก็มีความหวังใช่มั้ย.. แล้วเธอล่ะ..” อลิซถาม “ครั้งสุดท้ายที่เธอนึกถึงสิ่งที่เธอต้องการ..มันเมื่อไหร่..แคลร์..”
“ฉัน..” แคลร์ลังเลใจ “ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะให้ฉัน...”
รอยยิ้มบางๆฉาบบนริมฝีปากของอลิซ จากนั้นเธอก็เอื้อมมือข้างหนึ่งขึ้นจับปอยผมสีแดงออกจากใบหน้าของแคลร์ ปล่อยให้มือของเธอหล่นลงวางบนคอของสาวตรงหน้าและพาหล่อนเข้ามาใกล้อย่างนุ่มนวล
“บางทีฉันคงทำได้..” อลิซบอกอย่างอ่อนโยน และปิดปากของเธอด้วยจุมพิต
มันบางเบาในตอนแรก แต่เพียงการสัมผัสที่ริมฝีปาก แต่จากนั้นมือของแคลร์ก็ละออกจากผนังกำแพง เพื่อให้ร่างของเธอขยับเข้าใกล้กับอลิซ ริมฝีปากของเธอเปิดออกในขณะที่เธอกลายมาเป็นฝ่ายควบคุมการจุมพิตนั่น อลิซขยับมือของเธอตรงต้นคอด้านหลังของสาวตรงหน้าให้กระชับมากขึ้น จุมพิตหล่อนให้เหมือนกับที่หล่อนจุมพิตเธอ ราวกับว่าทั้งสองกระหายที่จะได้สัมผัสเช่นนี้จากกันและกัน
แคลร์เป็นฝ่ายละริมฝีปากของเธอออกก่อนและพูดขึ้นพร้อมเสียงหอบหายใจ “เราควรกลับไปหาคนอื่นๆนะ..”
เมื่อเป็นอิสระจากกำแพง อลิซเดินตามหลังแคลร์ไป ระหว่างที่เดินเคียงบ่ากัน เธอเอื้อมมือลงจับมือแคลร์ สาวผมแดงไม่ได้พูดอะไรแต่จับมือเธอเหมือนกัน จนกระทั่งเธอทั้งสองเข้าใกล้บรรดาผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ แคลร์จึงปล่อยมือเธอ
“อืม..” อลิซเริ่มต้นและหันไปหาเธอด้วยรอยยิ้ม “เรามีแผนใหม่..”
%%%%%%%%%%%%%
อลิซยืนอยู่ตามลำพังแผ่นหลังพิงกับแทงก์ มองดูเคมาร์ทกับแคลร์บอกลาคาร์ลอส เด็กสาวกำลังถูกปลอบโยนและนี่คงเป็นสิ่งที่เธอทำได้เพื่อสะกดน้ำตาของตัวเอง เพื่อนหลายคนของเธอตายไปแล้ว และอีกไม่นานก็กำลังจะตายเหมือนกัน คนที่เธอแคร์ได้อย่างรวดเร็วคนนี้
โชคชะตาของคาร์ลอสยากเกินกว่าจะปฏิเสธได้ อีกครั้งแล้วที่เธอไม่เหลือใคร
เมื่อเขาเดินเข้ามาหาเธอ เธอเอ่ยขึ้น “คาร์ลอส..”
“เก็บมันไว้..” เขาขัดขึ้น เหมือนจะรู้ดีว่าเธอกำลังจะพูดอะไร ความเสียใจที่เธอปล่อยให้ทุกสิ่งนี้เกิดขึ้นกับเขา กับพวกเขา “แค่สัญญาอย่างหนึ่งกับผม เมื่อคุณลงไปที่นั่น..”
“เก็บมันให้เรียบ..”
เธอดึงเขาเข้าสู่อ้อมกอด ไม่สามารถที่จะกักเก็บน้ำตาเอาไว้ได้ เมื่อเธอปล่อยตัว เขาก็ปีนขึ้นรถไปโดยไม่มีคำพูดใดออกมาอีก
อลิซเดินกลับไปยังพาหนะอื่นๆ ผู้รอดชีวิตที่เหลือรวมตัวกันอยู่ในรถ 8x8 ส่วนเคมาร์ทขึ้นสู่ด้านหลังของรถจี๊บ
เธอรู้สึกถึงมือหนึ่งวางบนท่อนแขนและเมื่อหันไปก็เห็นแคลร์ สาวอายุน้อยกว่ากำลังทำเหมือนว่าสบายดี แต่อลิซรู้ดีว่าเธอเป็นอย่างไร
“ฟังนะ..อลิซ..” สาวผมแดงเริ่มพูดและหยุดเหมือนอยากจะหลีกเลี่ยงคำพูดของตัวเอง “ฉันคิดผิด เธอไม่ต้องทำสิ่งนี้.. ไปกับพวกเรา..”
อลิซหลับตาลงสักพัก เธอหวังอะไรที่แตกต่างออกไปจากเิดิมแล้วเวลานี้ เธอไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการเดินทางไปอลาสก้า เพื่อปกป้องพวกเขาจากอันตราย แต่เธอก็มีเรื่องที่จะต้องสะสางกับไอแซกซ์ เธอจะไม่เป็นอิสระจากอัมเบรลล่าอย่างแท้จริงถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ เธอจะไม่สามารถเป็นของใครได้อย่างสมบูรณ์จนกระทั่งเธอสามารถหยุดมันได้
“ฉันก็อยากจะไปกับเธอ..” อลิซกล่าว “แต่สิ่งนี้มันต้องจบที่นี่ ฉันจะพยายามไปอลาสก้าให้ได้ เมื่อฉันทำสำเร็จ..”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ แคลร์ก็ดึงเธอเข้าไปกอดไว้แน่น อลิซขยับใบหน้าของเธอเข้าซุกตรงซอกคอของหญิงสาวระหว่างกอดตอบ เมื่อละออกจากกัน สีหน้าของสาวผมแดงแสดงออกเด่นชัดถึงความหนักแน่น
“เธอต้องทำให้ได้นะ.. มันเป็นไอเดียบ้าๆของเธอ..”
ความหมายของทุกๆอย่างนั่น ทำให้เธอยิ้มได้ มันช่วยทำให้เธอพยายามมากขึ้นอีก เมื่อรู้ว่ายังมีเพื่อนๆและแคลร์รอเธออยู่
เมื่อทุกๆคนเตรียมตัวพร้อมที่จะไป อลิซก็ขึ้นมายังที่นั่งคนขับของรถจี๊บ แคลร์นั่งอยู่ตรงเบาะผู้โดยสาร เพื่อเธอจะได้สามารถกระโดดออกอย่างรวดเร็วเพื่อติดเครื่องของเฮลิคอปเตอร์ เมื่อพวกเธอไปถึงที่นั่น
พวกเธอขับเคียงกับรถบรรทุก จนกระทั่งเข้าใกล้สถานี อลิซมองไปยังคาร์ลอสที่พยักหน้าให้ เธอกลับรถและปล่อยให้เขาผ่านเข้าไป ขณะที่เขามุ่งหน้าเข้าไปสู่ความตาย อลิซรู้สึกได้ว่าแคลร์สัมผัสเธอเพื่อให้กำลังใจ
เธอมองดูคาร์ลอสทำสิ่งนั้นต่อไป จนเขาเข้าใกล้ประตูรั้วและจากนั้นรถบรรทุกก็คว่ำและกลิ้ง ชนซอมบี้นับกว่าร้อย เวลาแห่งความเสียใจผ่านไปอย่างเชื่องช้าและจากนั้นสิ่งที่เหลือก็กระจัดกระจายเข้าสู่กองเพลิงซึ่งเผาไหม้อย่างน่ากลัว
อลิซเร่งเครื่อง พารถจี๊บเข้าสู่ช่องว่างเข้าสู่ส่วนในของสถานที่แห่งนั้น ทันทีที่เธอหยุด แคลร์กระโดดออกไปและมุ่งหน้าสู่เฮลิคอปเตอร์ อลิซวิ่งไปพร้อมเคมาร์ทไปยังรถบรรทุกอีกคัน เพื่อช่วยเด็กๆลงมา เธออุ้มเด็กคนสุดท้ายออกจากรถและวิ่งไปหาคอปเตอร์ ที่ที่เธอส่งเขาให้ผู้รอดชีวิตอีกคนไป
“พาเค้าไป..” เธอบอก และส่งหนังสือเล่มแดงให้กับเคมาร์ท “อ่ะนี่..”
“คุณไม่มาด้วยเหรอ..” เคมาร์ทถามอย่างเลื่อนลอย
อลิซส่ายศีรษะของเธอแล้วเอ่ยตอบ “ดูแลคนอื่นๆนะ..”
เธอหันไปทางแคลร์ ผู้ซึ่งมีสีหน้าจริงจัง อลิซพยักหน้าให้เธอไปและยกมือของตนขึ้นในท่าทำความเคารพแบบทหาร (Salute) สาวผมแดงจ้องมองเธอกลับมา ที่เธอรู้สึกได้เหมือนนานนับปี การสื่อสารถึงกันเกิดขึ้นอย่างเงียบๆระหว่างเธอทั้งสอง และจากนั้นแคลร์ก็นำเครื่องขึ้นสู่อากาศ
อลิซมองดูพวกเขาจากไป ในใจสงสัยว่า..เธอจะมีทางได้เจอพวกเขาอีกครั้งหรือไม่
คำพูดของแคลร์ถูกเอ่ยซ้ำไปซ้ำมาในหัวใจของเธอ และเธอต้องพิสูจน์มัน
“เธอต้องทำให้ได้นะ..อลิซ..”
To be continue…..
1 ความคิดเห็น:
ตอนที่ 4 มาแว้ววววววว~~~~
และข้าพเจ้าก็ตามมาเก็บไปอย่างเร็วไว.. อิอิ
นั่นไง.. ว่าแล้วว่าแคลร์จะต้องโมโหเมื่อถูกฝูงซอมบี้ทำร้ายอ่ะ แต่ว่านะ อลิซไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องแบบนี้ขึ้นซะหน่อย อลิซก็พยามยามทำฝห้ดีที่สุดแล้ว เขาก็ช่วยหลือทุกคนอย่างเต็มความสามารถของเขา แต่คนมันเยอะเกินไปนะ แล้วแต่ละคนก็วิ่งหนีตายกันไปคนละที่ละทาง ต่อให้อยากจะช่วยไว้ให้หมดทุกคนก็เถอะ มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากเกินไป เพราะฝูงซอมบี้มันเยอะเหลือเกิน.. แคลร์ไม่น่ามาทำอารมณ์แบบนี้กับอลิซเลยนะ..
แต่เอ๊ะ.. ที่มาทำโมโหเพราะหวังผลปะเนี่ย แอบเรียกร้องอะไรจากอลิซน่ะ.. อิอิ.. หรือว่าอลิซรู้ว่าจะดับร้อนในใจแคลร์ได้ต้องใช้วิธีนี้ช่วยเท่านั้น.. แต่มันจะไม่เป็นการเพิ่มความร้อนรุ่มเข้าไปหรอกเหรอเนี่ย.. ฮ่าๆๆๆ.. แต่ก็ดีแล้วล่ะ จะได้เข้าใจกันมากขึ้นนะ.. อิอิ.. อุฮิอุฮิ..
และแล้วภารกิจก็มาถึงจุดสิ้นสุด อลิซจะต้องไปจัดการกับตัวก่อปัญหาด้วยตัวเอง ไม่งั้นเรื่องมันก็ไม่จบไม่สิ้นซะที ไอ่เจ้าไอแซกซ์มันต้องได้รับโทษที่มันก่อไว้.. ให้อลิซไปจัดการ จะได้ชำระหนี้ที่มันทำให้คนในกองคาราวานตายด้วยล่ะ.. แต่อลิซไม่มีทางจะเป็นอะไรไปง่ายๆหรอกนะ.. ยังไงหัวใจของอลิซก็เต้นเพื่อแคลร์อยู่แล้วล่ะ.. แล้วมันก็ไปอยู่กับแคลร์แล้ว อลิซน่ะ ฆ่าไม่ตายหรอก.. อิอิ..
ขอบคุณค่า ที่ลงตอนใหม่ให้อ่านกันทุกวันเลย น่ารักมากค่ะ แล้วมาอีกนะคะ ข้าพเจ้านอและเป็นกำลังใจให้ตลอดไป.. สู้ๆๆๆ
ป.ล. เม้นท์ทีไรติดสแปมทุกที.. ฮ่าๆๆๆ
แสดงความคิดเห็น