Stolen Life
Rated: T
Angst/Romance - Alice & Claire R.
English – LM Quin
Translate to Thai – Anhy
อลิซมาถึงอลาสก้าโดยใช้เวลาสี่วัน หลังจากไปทำภารกิจในการช่วยกอบกู้โลก
โลกที่เวลานี้ที-ไวรัสระบาดไปทั่ว เวสเกอร์หนีรอดไปได้ในนาทีสุดท้าย
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลงในวันนั้น อลิซพบว่าเธอมองจ้องไปยังขอบฟ้าที่ที่มีชิ้นส่วนของสิ่งก่อสร้างลอยล่องขึ้นมา จากการเป่าของหนึ่งในร่างโคลนนิ่งของเธอเอง
ดวงตะวันกำลังขึ้น การต่อสู้สิ้นสุด และนี่คงจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โลกสูญสิ้นที่อลิซสูดลมหายใจ
ขณะที่เธอมองพระอาทิตย์กำลังขึ้น และทอแสงอาบไปทั่วผืนมหาสมุทรแปซิฟิก เธอรู้สึกได้ถึงความเหงาอันแท้จริง เธอได้ช่วยโลกที่แทบไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่ นอกจากผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน
หยดหนึ่งของน้ำตาเล็ดลอดออกมาจากสองตาของเธอ จากความโศกเศร้าสำหรับทุกคนที่เสียชีวิตไปกับสงครามอันไร้สาระ
ทันใดนั้น..พลันความคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งก็พาเธอออกจากภวังค์...
แคลร์.....
สายตาอันเฉียบคมของอลิซสามารถจับภาพอะไรบางอย่างได้ วัตถุขนาดเล็กข้างใต้ตัวเธอ
-อาร์คาเดีย- เสียงเธอกระซิบออกมา
เฮลิคอปเตอร์ของเธอแล่นลงจอดอย่างสง่างามบนผืนดิน เมื่อหมอกสีขุ่นจางหายไป อลิซดับเครื่องยนต์และกระโดดลงจากเครื่องบิน เพื่อเดินด้วยสองขาของเธอเอง
สองดวงตากวาดมองรอบๆสถานที่แห่งนั้น มันดูคล้ายสุสานของเครื่องบิน ไร้ซึ่งมนุษย์คนใดที่นี่
ความรู้สึกไม่ดีบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในใจ พาเธอให้เดินไปยังชายหาด ที่ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ปราศจากม่านหมอกบังตา เธอนั่งลงกับท่อนซุงตรงจุดนั้น สาวผมบลอนด์จัดการหยิบกล้องวิดีโอขึ้นมาและบรรจงเปิดมัน
-ในที่สุดฉันก็มาถึงอลาสก้า ดินแดนแห่งคำสัญญา แต่ไม่มีใครอยู่ที่นี่ ฉันเริ่มจะคิดว่า..ฉันเป็นมนุษย์คนเดียวที่เหลืออยู่- แต่ในนาทีนั้น..เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทำลายความเงียบของบรรยากาศ
ยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่..
อลิซพลิกตัวเองอย่างว่องไว เพื่อพยายามใช้สายตาของเธอจับภาพเงารางๆอันพร่าเบลอนั้น หาหนทางที่เงานั่นมุ่งหน้าไป เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลรีบรุดวิ่งอย่างรวดเร็ว หวังตามไล่ตามหลังร่างของเขาหรือเธอที่มีความเร็วมากมายนั่น
แต่ในไม่ช้า..ร่างนั้นก็หายไปจากสายตา..
อลิซกลับมายังที่ที่เธอจอดเฮลิคอปเตอร์ไว้ สถานที่ที่ปราศจากม่านหมอกบังสายตา เธอรู้ดีว่าคนคนนั้นอยู่ที่นี่ หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักที่หนึ่ง เธอรู้สึกเช่นนั้น
อลิซปล่อยให้สัญชาตญาณพาเธอเดินไปเรื่อยๆจนมาถึงเครื่องบินที่แตกหัก
-เฮลโล..?
ทันใดนั้นเอง..ฝูงกาจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านในของเครื่องบินลำนั้น ทำเอาสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนตกใจจนต้องดึงอาวุธคู่กายออกมา
เมื่อสามารถหายใจได้อย่างโล่งท้อง เพราะรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังกลัวนั่นมันไม่ใช่ เธอก้าวเข้าไปใกล้ตัวเครื่องบินทั้งที่สองมือยังกุมปืนอยู่ จากนั้นก็มีอะไรบางอย่างกระโดดเข้ามา อาศัยในช่วงเวลาของความตกใจทำให้เธอร่วงหล่นลงไปนอนหงายกับพื้นดิน
คนที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วนั่นคือ..ผู้หญิง หญิงสาว..และตอนนี้ผู้หญิงสาวคนนั้นก็กำลังนั่งคร่อมตัวเธอ พยายามที่จะทำร้ายเธอด้วยมีด
อลิซรีบลุกขึ้น เพื่อจัดการให้ผู้หญิงคนนั้นออกจากตัวของเธอ และเริ่มต้นต่อต้านอีกฝ่ายด้วยการต่อสู้
หญิงสาวผู้นั้นเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว จนทำให้อลิซโดนหมัดของเจ้าหล่อนอย่างเต็มที่ที่ใบหน้า ก่อนที่เธอจะสามารถหลบมันได้ทัน แต่ไม่นาน..อลิซก็สามารถทำได้.. เธอส่งสาวคนนั้นกระเด็นออกจากตัวเธอไปกระแทกกับปีกของเครื่องบิน ทำให้ร่างนั่นหล่นลงนอนแน่นิ่งกับพื้น
อลิซผ่อนลมหายใจออกมา และพลิกตัวของสาวผู้นั้นด้วยเท้าของเธอเอง สิ่งที่ได้เห็นทำเอาหัวใจแทบจะหยุดเต้น
แคลร์..
สาวอ่อนวัยกว่าที่เธอจำได้ยากเวลานี้จากความเปรอะเปื้อนของใบหน้าและเนื้อตัว อีกทั้งรูปร่างที่ผอมบางลงไป แต่อลิซรู้ดีว่า..ใช่เธอ..
เธอเคลื่อนย้ายสายตามองต่ำลงมาจากใบหน้านั้น มาจบลงตรงวัตถุสีแดงตรงหน้าอกของสาวผมแดงคนเดิม นำวัตถุประหลาดนั่นออกมาจากจุดที่มันเกาะติดอยู่ เพื่อมองสำรวจมันใกล้ๆ
-อัมเบรลล่า- เธอคำรามชื่อนั้นออกมา ก่อนหักเหความสนใจของตัวเองมายังร่างที่ยังนอนอย่างไร้สภาพอยู่ใกล้เท้า
แคลร์รู้สึกตัวตื่นในตอนดึกของคืนนั้นเอง อลิซพยายามจะพูดคุยกับเธอ แต่เหมือนว่าแคลร์จะจำเธอไม่ได้ว่าเธอคือใคร มิหนำซ้ำยังพูดไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
ที่นี่อากาศยามค่ำคืนหนาวเย็นเหลือใจ อลิซจึงต้องจัดการก่อกองไฟขึ้นมา สร้างความอบอุ่นให้เกิดขึ้นสักหน่อยกับบรรยากาศใกล้ๆตัวเอง เธอจำเป็นต้องมัดสองมือของแคลร์เข้าไว้ด้วยกัน ด้วยเกรงว่าจะถูกโจมตีตอนเผลอ ตอนเวลาหลับ แต่สิ่งที่เธอกลัวก็กลับไม่เกิดขึ้น กระนั้น..สาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนก็ยังคงนอนครึ่งหลับครึ่งตื่นตลอดคืน
อลิซนอนอยู่ในถุงนอนใกล้กองไฟ มองเรื่อยเปื่อยไปยังดาวบนฟ้า ปล่อยจิตใจให้ลงลึกไปกับความคิดของตัวเอง แต่เมื่อรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากใครบางคนที่กำลังก่ายกอดตัวของเธอ จึงรีบหันหน้าไปหาคนผู้นั้น
-แคลร์ ?- เธอเอ่ยถาม ประหลาดใจที่เห็นสาวผมแดงผู้นั้นเกาะติดตัวเธอแนบแน่น
สาวอายุน้อยกว่ามองประสานสายตากับเธอ คล้ายกับว่ากำลังต้องการอยากจะเอ่ยพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่มีอะไรออกมา.. เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้อีก สาวคนนั้นจึงพาศีรษะตัวเองมาซุกอยู่ใต้คางของอลิซ
-เฮ้..- อลิซพยายามมองตาของแคลร์ ภายหลังสามารถพาตัวเธอลงมายังจุดที่สามารถจะมองเห็นกันได้ ดวงตาสีเขียวสวยของสาวผมแดงค่อยๆชำเลืองมาสบตากัน -อะไรเหรอ..แคลร์..?
ถ้อยคำหวานหูของอลิซ ทำให้หัวใจเธอรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที โดยที่ไม่รู้สาเหตุของมัน มันจะต้องมีอะไรสักอย่างเกี่ยวกับความรู้สึกประหลาดแบบนี้ คล้ายกับว่า..เธอรู้จักผู้หญิงตรงหน้าตัวเอง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ไม่ว่าจะพยายามค้นหาความทรงจำที่ขาดหายไปนั่น ทุกๆอย่างกลับมืดมน
แคลร์กระหายที่จะรู้.. ที่จะเติมเต็มส่วนที่ขาดหายนั่น.. เธอจึงพาตัวเองขยับไปด้านหน้า เพื่อให้ริมฝีปากของตัวเองสัมผัสกับเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจทีเดียว
ร่างกายของอลิซเกร็งขึ้นจากการกระทำอันกะทันหันเช่นนั้น แต่ไม่นานเกินกว่านาที เธอก็ปล่อยตัวเองไปกับจุมพิต สำราญกับริมฝีปากของสาวอ่อนวัยกว่าบนริมฝีปากของเธอเอง
หลายนาทีต่อมา.. แคลร์เป็นฝ่ายผละตัวเองออกจากการสัมผัสอีกคน เพื่อมองอย่างตั้งคำถามไปยังฝ่ายนั้น ราวกับกำลังกลัวว่าอลิซจะฆ่าเธอในสิ่งที่เธอทำลงไป
อลิซสังเกตเห็นมัน เห็นสายตาที่ขาดความเชื่อมั่นจากดวงตาของสาวผมแดงตรงหน้าเธอ จึงนำมือของตัวเองขึ้นมา จัดการนำเส้นผมยาวนั่นไปทัดหูให้ พร้อมส่งยิ้มหวาน
แคลร์ต้องการที่จะแน่ใจในสิ่งที่เธอคิด จึงลุกขึ้นแล้วนำตัวเองมาอยู่เบื้องบนตัวของคนผมสีน้ำตาลอ่อนในจังหวะเดียว เธอต้องการให้อีกฝ่ายจัดการในสิ่งนั้นแทนเธอ
เธอนำริมฝีปากของตัวเองลงสัมผัสกับของอลิซ พาเข้าสู่จุมพิตอันเร่าร้อน สัมผัสในครั้งนี้เต็มปรี่ไปด้วยความต้องการ ลิ้นของทั้งสองล้อเล่นกันอยู่ภายในปากของแต่ละคน มือทั้งสองของอลิซขยับขึ้นเพื่อสอดเข้าไปด้านของเสื้อของคนเบื้องบน นำมันขึ้นและจัดการเอามันออกจากลำตัว
สาวอายุน้อยกว่าพยายามจะควานหาบราของเธอเอง แต่ก็ต้องหยุดลงกลางคัน เมื่อเห็นว่ามือทั้งสองยังคงถูกมัดไว้ เธอส่งเสียงรำคาญมันออกมา แต่ด้วยความไวของอลิซ เชือกนั้นได้ถูกตัดออกด้วยมีด แคลร์จึงเริ่มต้นทำในสิ่งที่พยายามทำไปเมื่อครู่อีกครั้ง ปลดปล่อยตัวเองออกจากบรา จากนั้นก็กางเกง..
ดวงตาคู่สวยของเธอมองประสานกับอลิซ ขณะค่อยๆนำมันออกจากตัวพร้อมกางเกงชั้นใน
เมื่อร่างกายปราศจากสิ่งใดๆที่จะเป็นอุปสรรคได้อีก เธอจึงกดคนผมสีน้ำตาลเบื้องล่างไว้ มอบจุมพิตอีกครั้ง
อลิซส่งเสียงหายใจหอบถี่ในขณะที่นำสองมือขึ้นสัมผัสกับแผ่นหลังของคนเบื้องบน นำร่างนั้นเข้ามาใกล้ตัวของเธอ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนผละตัวเองออกจากจุมพิตอันล้ำลึก เพื่อดูดดื่มกับทรวงอกของอีกฝ่ายแทน
ผู้มีอายุน้อยกว่าแอ่นตัวไปข้างหน้าในทันใดนั้น เมื่อความรู้สึกพึงพอใจพาให้เธอเป็น จากสิ่งที่เธอได้รับจากอีกริมฝีปากบนตัวของเธอ
อลิซใช้นาทีนั้นสอดมือเข้าไปตรงกลางระหว่างขาทั้งสองของสาวผมแดง รีบร้อนในการควานหาเป้าหมายในการนั้น
สะโพกของแคลร์เริ่มยักย้ายไปตามการเคลื่อนไหวของอลิซ ความร้อนผ่าวพวยพุ่งไปทั่วสรรพางค์กาย เอ่อท้นในความรู้สึก
ทันใดนั้น..ภาพของสาววัยรุ่นผมสีบลอนด์ก็เกิดขึ้นในมโนสำนึกของเธอ
เค-มาร์ท
อลิซส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจออกมา พร้อมเสียงหอบหายใจ เนื่องจากเสียงของอีกคนที่เธอได้ยิน ร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของแคลร์เริ่มหักหลังเธอเองจากความเหนื่อยอ่อนเพราะกิจกรรมที่กำลังทำ
ร่างกายของเธอจึงพร้อมใจที่จะหล่นลงทาบทับกับอีกร่างเบื้องล่าง เสียดสีกับผิวกายของอลิซ หลอมละลายเข้าด้วยกัน รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ในจังหวะการเคลื่อนไหวในทางเดียวกัน
อีกภาพเกิดขึ้นตามมาในทันใดในหัว
กลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินทางมากับกองคาราวาน ผู้รอดชีวิตจากที-ไวรัส เธอเป็นหัวหน้าของพวกเขา
แคลร์เริ่มรู้สึกว่าตัวเธอเองใกล้จะถึงฝั่งของแรงแห่งปรารถนาในอีกไม่ช้า เธอฝังใบหน้าของตัวเองลงกับซอกคอของอลิซ หวังพยุงร่างของตัวเองไว้
เฮลิคอปเตอร์บนพื้นดิน กำลังจะถูกนำขึ้น สาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอยู่ที่นั่น ตอนนั้นผมของเธอสีอ่อนกว่านี้เป็นสีบลอนด์ทองและสั้นกว่านี้ เธอและเขาแลกเปลี่ยนสายตาแห่งความเศร้าแก่กันและกัน จากนั้น..เฮลิคอปเตอร์ของเธอก็บินขึ้นเพื่อมุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งคำสัญญา
อาร์คาเดีย..
สายตาของเธอเองไม่ยอมละออกจากสาวผู้นั้น จนกระทั่งร่างนั้นลับสายตาไป..
ขณะที่จุดหมายนั้นมาถึง..ไคลแมกซ์ แรงแห่งปรารถนานั้นถึงจุดสิ้นสุด.. ความทรงจำทรงทั้งหมดจากชีวิตที่ถูกขโมยไปก็ได้ถูกนำกลับคืนมา ตื่นขึ้นมาจากพลังอันแข็งแกร่งจากสายใยอันแน่นแฟ้นที่เธอมีร่วมกับผู้หญิงคนนั้น
หลังจากฟื้นตัวจากจุดอันสูงสุดของแรงปรารถนาทางร่างกาย...
แคลร์เอ่ยกระซิบออกมาหนึ่งคำ..
-อลิซ
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนโอบกอดเธอไว้ เต็มตื้นด้วยความรู้สึกเป็นสุข น้ำหยดอุ่นๆรินออกมาจากสองตา
ตอนนี้จิตใจของแคลร์ปลอดโปร่งแล้ว.. เธอจำได้.. จำได้ทุกๆอย่าง.. ความเจ็บปวดในหัวใจได้สูญสลายหายไป และสุดท้าย..ชีวิตของเธอก็ได้กลับคืนมาเป็นของเธอโดยสมบูรณ์..
The End.
1 ความคิดเห็น:
มาอีกเรื่องแล้วคับพ้ม!!
ข้าพเจ้าก็ตามมาอีกรอบแล้วขอรับ.. ฮ่าๆๆๆ
แต่คราวนี้.. ไม่เหมือนเรื่องแรกแฮะ.. อิอิ
ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าวิธีฟื้นความทรงจำของคนที่สูญเสียความจำไปเป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ต้องพูดมาก ไม่ต้องอธิบายให้มากความ.. เพียงแค่ปล่อยให้ร่างกายสัมผัสกันเอง.. อิอิอิ..
คนที่ดีใจที่สุดก็คือคนช่วยฟื้นความจำนี่แหละ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน จะ 18 เดือน หรือ 18 ปี ผู้หญิงผมสีบลอนด์ก็ไม่มีทางที่จะหายไปจากใจ จากความทรงจำของผู้หญิงผมแดงคนนั้นได้หรอก แตี่ที่จำไม่ได้หลังจากที่พบกันทันทีนั้นก็เพราะยังไม่มีตัวเชื่อมโยงที่จะทำให้นึกออก แต่พออะไรๆมันเข้าที่เข้าทาง ความทรงจำที่มีค่าก็ค่อยๆกลับคืนมาทีละน้อย.. ทีละน้อย.. จนในสุดท้าย ความทรงจำที่เลอค่าก็กลับเข้ามาสู่หัวใจของแคลร์เอง.. อลิซ..
ขอบคุณนะคะที่แปลมาให้อ่านกันอย่างต่อเนื่อง(ตามความต้องการขิงใครบางคน.. ฮ่าๆๆๆ) แล้วมาอีกนะคะ ข้าพเจ้าเป็นกำลังใจให้ค่ะ.. ^^
แสดงความคิดเห็น