2553-12-15

Human Again Ch.3-Resident Evil Fiction.[TH]


Human Again.

Rated: M

English - Horror/Romance

Alice & Claire R.

By : andella07/FanFiction.net

Translated to Thai : Anhy


Chapter 3 : My name is Alice.

มันเป็นเวลาก่อนแสงตะวันยามเช้าจะสาดส่องลงมา หนึ่งชั่วโมง ตอนที่แคลร์รู้สึกตัวตื่นขึ้น อลิซแก้มัดเธอออกจากเครื่องบิน แต่ยังมัดมือทั้งสองข้างของเธอไว้ด้วยกัน เพื่อความปลอดภัย

อีกครั้งแล้วที่อลิซเลือกที่จะเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวในตัวแคลร์ที่จะทำอะไรกลับมายังเธอ จิตใจของเธอพยายามไล่ต้อนตัวเองออกจากความไม่ไว้วางใจในตัวของสาวผมแดง ดังนั้นเธอจึงพยายามยื่นส่งมือให้กับแคลร์ หวังช่วยให้หล่อนลุกขึ้นยืน แต่สาวคนนั้นไม่ยอมรับมัน

แคลร์ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองและถอยห่างจากตัวอลิซ เพื่อจะหยิบมีดที่เธอทำหล่นไว้เองบนหญ้า เธอจำไม่ได้หรอกว่ามันเป็นมีดจากวันนั้น ก่อนที่เธอจะใช้มันเพื่อจู่โจมอลิซ แต่เธอรู้ว่าเธอต้องการมัน อลิซเห็นอาการว่าแคลร์ต้องการจะทำสิ่งใด เธอจึงหยิบมันขึ้นก่อน

นั่นมีดของฉันนะ..!” แคลร์ร้องบอก

เธอจำมันได้..? เจ้าของผมสีน้ำตาลถามอย่างประหลาดใจ แคลร์พยักหน้าให้ พลันรู้สึกประหลาดใจตัวเอง

ฉันจำเป็นต้องเก็บมันไว้สักพัก จนกว่าเราจะรู้จักกันมากกว่านี้อีกสักหน่อย.. อลิซชี้แจง สาวผมแดงหรี่ตาของเจ้าหล่อน และนาทีนั้น อลิซก็คิดว่า อีกฝ่ายคงจะเข้าปะทะเธออีกครั้ง แต่เมื่อไม่มีอะไรมาอย่างที่คาด เธอจึงโล่งใจ

ตอนนี้อะไรเกิดขึ้น..คำถามหนึ่งดังออกมาจากปากสาวผมแดง

ฉันคิดว่าเธอมีทางเลือกนะ เธอจะไปหรือเธอจะอยู่กับฉัน.. อลิซพูดขึ้นและกลืนน้ำลายระหว่างกระดิกมีดเล่นไปมา เกรงกลัวกับคำตอบที่จะได้ แต่พยายามไม่ให้มันแสดงออกมา เธอมองใบมีดอย่างพิจารณา จากปลายที่เป็นส่วนแหลมคมของมัน ไล่ตามความยาวของใบมีดและจรดถึงด้ามจับ มันเป็นอาวุธที่ถึงพร้อมด้วยสวยงามและควรค่าต่อการใช้งาน

อะไรที่เธอใช้มันตัดกันนะ..แคลร์ ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆเหรอ.. ความคิดที่เกิดขึ้นในสมองของสาวตัวสูงกว่า ทำให้ตัวเธอเองรู้สึกขนลุก

พวกเธอทั้งหลายเคยทำในเรื่องน่ากลัวกันมาก่อน ตั้งแต่ตอนที่การระบาดนั่นเริ่มขึ้น และบางอย่างก่อนที่อลิซจะรับรู้ แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามที่แคลร์ได้ทำลงไปในระหว่างที่เธออยู่ใต้อาณัติจากฤทธิ์ยาในแมงมุมนั่น มันไม่ใช่ความผิดของเธอ อลิซคิดว่าเธอมีเหตุที่จะเชื่อเช่นนั้น แต่กระนั้น..เธอก็ยังเชื่อตามหลักความคิดของเธอด้วยว่า สาวผมแดงคนนี้ไม่เคยเป็นปีศาจ เธอเห็นมันจากข้างในด้วยตัวเอง

เธอจะได้มันคืน.. เธอกล่าวต่อ

แคลร์ทำหน้าบึ้ง เมื่อนึกถึงว่า..เธอขาดอาวุธ เธอไม่ชอบเลยกับความรู้สึกที่ว่าเธอมีช่องโหว่ในการป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออลิซเหมือนจะเตรียมพร้อมเสมอกับการปะทะ ในทุกซอกทุกมุม

แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าฉันเชื่อใจเธอได้.. สาวอายุน้อยกว่าเอ่ยถาม

เธอไม่มีทางรู้หรอก.. แต่ฉันคือทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าเธอต้องการจะอยู่รอด.. จริงๆแล้ว อลิซแค่พูดสิ่งนี้เพื่อโน้มน้าวจิตใจแคลร์ให้อยู่กับเธอ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในความจริงเหมือนกัน ไม่มีใครรู้จักไวรัสนี่ดีเท่าอลิซอีกแล้ว

รอด.. รอดจากอะไร..

ถ้าเธออยากรู้ล่ะก็.. มีวิดิโอเทปที่เธอจะดูมันได้ แต่ฉันทิ้งมันไว้ที่ชายหาดน่ะ.. อลิซบอกและเริ่มต้นออกเดินเข้าสู่พงไม้ แต่แค่ห้าก้าว เธอก็หยุด ด้วยรู้ว่าแคลร์ไม่ได้เดินตามหลังเธอ

จะมาด้วยรึเปล่า..

เหมือนว่าฉันจะไม่มีทางเลือกอื่นอีกนี่..

ถึงมันจะค่อนข้างเป็นไปในทางแง่ลบกับสิ่งที่แคลร์บอกเธอ แต่อลิซก็เป็นปลื้มกับมัน เธอทั้งสองพากันเดินไปสู่ชายหาดอย่างเงียบๆ มีเพียงเสียงการเข้ามาและจากไปของคลื่นที่กระทบชายฝั่ง สองสาวดูจะขี้อายและระแวดระวังในกันและกัน

เมื่อพวกเธอได้มาถึงยังเขตที่มีน้ำ อลิซเห็นกล้องวางอยู่บนท่อนซุง มันยังอยู่ในที่ที่เธอวางมันไว้ ทายได้เลยว่า แบตเตอรี่มันคงจะหมดแล้วแน่ๆ แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะเธอมีสำรอง

เดินผ่านเฮลิคอปเตอร์ เพื่อจะมาให้ถึงชายหาด อลิซรู้สึกเศร้าใจที่เห็นแคลร์ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับพาหนะนั้น แต่ทำเหมือนจะรู้จักป้ายโลโก้ของอัมเบรลล่า

รอเดี๋ยวนะ.. ฉันจะจัดการให้.. อลิซแจง ระหว่างกรอเทปไปยังเรื่องแรกที่เธอบันทึกไว้ห้าปีที่ผ่านมา และเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ เมื่อกล้องกลับมามีชีวิต เธอกดปุ่มเปิดและส่งมันให้แคลร์

แคลร์นั่งลงกับท่อนไม้บนพื้นทราย เมื่อหน้าจอของกล้องถูกเติมเต็ม ไม่กี่นาที..ใบหน้าของอลิซก็ปรากฏขึ้น เธอมองใบหน้าอลิซคนก่อนอย่างพิจารณา เธอคนนั้น ดูชัดเลยว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์อันน่าสยองขวัญ แต่อลิซคนนี้ไม่เหมือน เกือบจะนับไม่ได้เลยว่า มีความเหมือนกันของสีหน้าของผู้หญิงในกล้องกับคนที่อยู่ห่างเธอไม่กี่หลานั่น แน่นอน..ใบหน้าของอลิซแสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดกับการอยู่ด้วยความหวาดกลัว แต่มันก็วี่แววของความเมตตา... และความเศร้า..

ฉันชื่ออลิซ.. ฉันเคยทำงานให้กับบริษัท อัมเบรลล่า คอร์เปอร์เรชั่น บริษัทยักษ์ใหญ่ ในเชิงพาณิชย์ซึ่งมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ฉันเป็นหัวหน้ารักษาความปลอดภัยที่หน่วยปฏิบัติการลับอันทันสมัย ที่เรียกว่า..รวงผึ้ง ห้องทดลองขนาดใหญ่มหึมาใต้ดิน ทดลอง วิจัยและพัฒนา อาวุธชีวภาพไวรัส แต่มันเกิดอุบัติเหตุ ไวรัสหลุดรอดออกมาได้และ....ทุกคนเสียชีวิต ปัญหาก็คือว่า----พวกเขาไม่ได้ตายอยู่อย่างนั้น..

นั่นคือเหตุผลที่อลิซไม่เคยดูเทปนี้ มันช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เธอคิดถึงคนทั้งหลายที่เธอสูญเสียไป ชื่อของพวกเขาเหล่านั่นวิ่งวนอยู่ในหัวบ่อยครั้ง และความตายของพวกเขาก็เป็นเงาตามติดเธอในฝันร้าย เรน แมท คาร์ลอส ....ชื่อพวกนี้ตามหลอกหลอนเธอมากที่สุด

สำหรับแคลร์..วิดิโอเทปนี้ทำให้เธอช็อก แม้เธอจะยอมรับว่าความกลัวเหล่านั้นจะคล้ายกันกับตัวเองก็ตาม วิดิโอเทปหยุดลงแต่ก่อนที่สาวผมแดงจะมีเวลาคิดอะไร อลิซก็กลับมาปรากฏอยู่ในกล้อง คราวนี้ดูเหมือนจะมีอายุมากขึ้น ผมหยักศกยุ่งเหยิง ด้านหลังของอลิซเป็นรถมอเตอร์ไซด์ BMW ฉากหลังไม่มีอะไรนอกจากทะเลทรายและท้องฟ้า ทันใดนั้น..แคลร์ก็ถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกถึงแสงแดดจ้า ลมทะเลทรายและเสียงนกร้อง

แร็คคูนชิตี้ เป็นจุดเริ่มต้น อัมเบรลล่า คอร์ป คิดว่าพวกเขาสามารถจัดการกับการติดเชื้อนั้นได้ แต่พวกเขาคิดผิด ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ ไวรัสทีก็กระจายไปทั่วสหรัฐ ไม่กี่เดือน..ก็ทั่วโลก ไวรัสไม่ได้พรากแค่ชีวิตของมนุษย์เท่านั้น ทะเลสาบ แม่น้ำ ก็แห้งเหือด ป่าไม้กลายเป็นทะเลทราย ส่วนอื่นที่เหลืออยู่ของโลกก็ไม่มีสิ่งใด นอกจากกลายมาเป็นดินแดนที่ไร้ประโยชน์ เกิดขึ้นอย่างช้าๆแต่เป็นไปได้แน่นอน โลกเริ่มตายลง ผู้รอดชีวิตจำนวนไม่มากทำได้เพียงเรียนรู้ที่จะอยู่รอด ด้วยการเคลื่อนย้ายตัวเอง เราพยายามหลีกเลี่ยงเมืองใหญ่ เมืองหลักๆ ถ้าเราหยุดอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานๆ พวกมันก็จะมาจัดการเรา จำนวนน้อยในตอนแรกแต่จากนั้นก็จะมากขึ้น และมากขึ้น ไม่มีจุดสิ้นสุดของกองทัพผีดิบ ด้วยเหตุนั้น เป็นสาเหตุให้เราต้องจากไป อาศัยอยู่บนถนน มันเหมือนจะเป็นทางรอดเดียวของเรา..

เทปม้วนแรกมันดูสั้น แต่เหมือนจะเป็นอะไรที่ไม่น่าดูมากที่สุด ภาพที่มีผู้คนแตกตื่นอยู่ภายนอกรั้วกั้นเขตแดนของอัมเบรลล่า สัตว์กลายพันธ์กระหายเลือดปีนป่ายไปตามเพดานโบสถ์ ซากศพผุดขึ้นมาจากหลุม แม้กระทั่งภาพของผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ที่ตายอย่างน่าสยดสยองในอุ้งมือของเหล่าซอมบี้เด็ก ก็รวมอยู่ในเทปนั้น

และเมื่ออลิซสังเกตว่า แคลร์ไม่ได้ดูเทปนั้นแล้ว หล่อนแค่เอาแต่จ้องมัน เธอจึงเดินเข้าไปหาสาวผมแดงนั่น และนำมันออกจากมือที่สั่นไหว

ฉันขอโทษที่ต้องให้เธอดูมัน..

พระเจ้า.. ทุกคนที่ฉันรู้จักคงต้องตายไปกันหมดแล้ว.. แคลร์เอ่ยขึ้นอย่างมีอารมณ์ร่วม

ใครที่เธอจำได้บ้าง.. อลิซถาม อย่างพยายามที่จะไม่คาดหวังอะไรมากกับการที่ความทรงจำของสาวผมแดงจะกลับคืนมา

ฉันแค่เห็นหน้าของพวกเขา ฉันไม่รู้จักชื่อ..

นั่นก็เยี่ยมเลย..

แคลร์มองหน้าอลิซอย่างประหลาดใจ กระทั่งสาวผมสีน้ำตาลรู้ตัวว่าเธอทำอะไร

ฉัน.. ฉันหมายความว่า.. มันดีที่เธอได้ความทรงจำกลับคืนมาน่ะ..

บางอย่างบอกฉันว่า.. ฉันไม่อยากได้ความทรงจำนั่นกลับมา..

มันเจ็บปวดเหลือเกินกับการได้ยินสิ่งนี้ แต่แน่นอน..อลิซเข้าใจถึงความรู้สึกของแคลร์ ใครกันล่ะที่จะต้องการจำได้ว่า ทุกคนที่เขาเคยรัก ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาก็ตาย..ทั้งหมด..

To be continue….

1 ความคิดเห็น:

[ Lightning ] กล่าวว่า...

วันนี้ข้าพเจ้ามาอ่านซะดึกเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้ลืมนะคะ.. อิอิ

โอ่.. แคลร์ยังคงถูกมัดอีกตามเคย แต่ก็ยังดีที่พูดคุยโต้ตอบกับอลิซได้มากกว่าเมื่อวานล่ะ ดูท่าทางแล้วสถานการณ์ระหว่างสองคนนี้คงกำลังดีขึ้นล่ะ แต่ก็ยังมีระแวงไว้บ้างอ่ะนะ ก็แน่นอนล่ะ ในมุมมองของอลิซ แคลร์เป็นเพื่อนก็จริง แต่เธอสูญเสียความทรงจำ และไม่รู้จักเธอแม้แต่น้อย อาจจะทำอะไรห่ามๆออกมาก็ได้ นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้อลิซต้องมัดแคลร์และริบอาวุธ..

แต่ในมุมมองของแคลร์.. ถึงอลิซจะทำดีด้วยยังไง ในสายตาของแคลร์อาจจะเห็นว่าอลิซเป็นคนแปลกหน้าก็ได้ เพราะในตอนนี้เธอไม่ได้รู้จักอลิซเลย (น่าเศร้าเนอะ) ความไว้ใจยังคงน้อยอยู่ จะให้ทำดีด้วยก็คงไม่ได้เหมือนกันล่ะ..

แต่เมื่ออลิซเอาเทปวิดีโอออกมาให้แคลร์ดูก็ได้เห็นอาการที่เปลี่ยนไปของแคลร์ ความทรงจำให้ได้หลุดหายไปค่อยๆกลับคืนมาทีละน้อย.. แต่อลิซก็มีทั้งความดีใจและเศร้าใจในคราวเดียวกัน.. ที่แคลร์จำบางอย่างได้.. แต่ไม่อยากให้มันกลับคืนมา.. เพราะความโหดร้ายได้ปรากฏสู่สายตาเธอ..

ขอบคุณมากค่ะ.. ฝีมือไม่ตกเลยนะเนี่ยไรเตอร์.. อ่านไปก็ยิ่งติดล่ะ.. สนุกมากเลยค่ะ อย่าลืมแวะมาอัพบ่อยๆนะคะ.. อิอิ.. ^^

fiction Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...