The Phantom of the night [Sisters Side Story] Ch.15
Pairing : Anh x Shizuru x Alyssa
Rate : M
Genre : Drama - Romance
By : Anhy
My Curse - 5 : Alyssa’s POV
ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่า การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของฉันพร้อมรักครั้งใหม่ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของคำสาปใหม่สำหรับฉันด้วยเหมือนกัน การตัดสินใจของฉันที่คิดจริงจังกับผู้หญิงที่ฉันเพิ่งเคยเจอเค้าแค่สองครั้งและมีเซ็กซ์กันนั่น มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยฉันก็แสดงให้เธอเห็นว่า ฉันเป็นคนมีความรับผิดชอบ ใช่..เพราะฉันไม่อยากให้คนอื่นเจอกับอะไรที่ฉันเคยเจอมาเองกับตัว
ฉันรู้ว่ามันไม่เหมือนกันหรอกนะ มันเอามาเทียบกันไม่ได้ ครั้งนั้นของฉันกับแอน มันไม่ใช่ว่าเค้าจะไม่รับผิดชอบในเรื่องที่เค้าทำกับฉัน เพียงแต่ว่าฉันต่างหากที่ยอมรับมันไม่ได้ ฉันไม่ต้องการได้เค้ามาแต่ตัว แต่หัวใจไม่รู้อยู่ที่ไหน ไม่ใช่สิ..หัวใจของเค้าอยู่กับพี่สาวอีกคนของฉัน ที่เดียวกันกับที่หัวใจฉันอยู่ที่นั่นตลอดเวลา..ชิซึรุ
หากฉันยอมรับความรับผิดชอบของแอนในเวลานั้น เราคงได้อยู่ด้วยกันไปแล้ว และฉันอาจจะไม่ต้องเสียลูกไปให้คนอื่น แอนคงจะหาวิธีให้ฉันสามารถเลี้ยงลูกของเราได้ เพราะมันไม่มีอะไรในโลกนี้ที่พี่สาวคนนี้ของฉันทำมันไม่ได้ ถึงเค้าจะทำไม่ได้ด้วยตัวเค้าเอง แต่เค้าก็คงจะหาทางช่วยเหลือและประคับประคองให้เราสามคน พ่อแม่ลูก ได้อยู่พร้อมหน้ากันจนได้แน่ๆ ฉันมั่นใจในตัวของเค้า แต่ฉันก็รู้ดีอีกเหมือนกันว่า ถ้าวันนั้น ฉันบอกเค้าเรื่องลูก จะมีอีกคนต้องเสียใจ ใช่แล้วล่ะ..ชิจัง
ชิจังแสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่า เค้าอยู่ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีแอนอยู่ข้างๆ มันก็อาจจะเป็นเพราะเค้าสองคนเป็นฝาแฝดร่วมวิญญาณกัน สายสัมพันธ์มันเหนียวแน่นมากกว่าการเป็นพี่น้อง ชิจังก็เลยสนิทและผูกพันกับแอนมากกว่าฉันที่เป็นน้องคนเล็ก และยังคนละแม่กับเค้าอีกด้วย มันก็ช่วยไม่ได้เลยที่ฉันจะต้องคล้ายเป็นแค่ส่วนเกินสำหรับเค้าสองคนอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าฉันจะท้องกับแอนก็ตาม
ความเป็นจริงแล้ว จากเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ฉันควรต้องอยู่และแต่งงานกับแอน ในฐานะที่เป็นสามี ภรรยากัน ให้คนอื่นๆได้รับรู้กันให้ทั่ว ไม่ใช่ฉันควรจะเก็บตัวอยู่ในปราสาทของท่านพ่อตลอดเวลาที่ท้องลูกของเค้า เพราะต้องการเก็บเรื่องทุกอย่างให้เป็นความลับกับทุกคน แม้กระทั่งพ่อเด็ก ทั้งที่มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้ว แอนควรจะรับผิดชอบฉันและลูกในท้องอย่างออกหน้าออกตา ไม่ใช่ให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงที่ท้องไม่มีพ่อแบบนี้ แต่เพราะฉันดันรักชิจังมากกว่าพ่อของลูกในท้องฉัน ฉันจึงเลือกที่จะไป ฉันไม่อยากทำร้ายชิจัง ถ้าแยกแอนมาจากเค้า
ที่ฉันบอกว่า มันไม่ใช่เรื่องผิดธรรมเนียมหรือผิดศีลธรรมอะไร นั่นคือเรื่องจริง เพราะการแต่งงานของเราในหมู่พี่น้อง อันที่จริงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหรือผิดอะไรนักสำหรับเราที่เป็นแวมไพร์ เหมือนกับเรื่องของการมีสัมพันธ์กันเองในหมู่คนในครอบครัวเดียวกัน มันถือเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะพวกเราไม่ใช่มนุษย์ ไม่จำเป็นต้องยึดกฎเกณฑ์เช่นนั้น และที่สำคัญ ลูกของเราที่เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์กันของพี่น้องท้องเดียวกันหรือญาติ ก็ไม่สามารถจะทำให้เด็กที่เกิดมามีความผิดปกติอะไรได้เหมือนกับเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ เด็กที่เกิดจากแวมไพร์จะได้รับการผสมผสานมาจากยีนส์ที่แข็งแรงและโดดเด่นมากที่สุด ลูกของพวกเราจึงมีความสมบูรณ์อย่างที่เราไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย และเรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยันจากตัวของฉันเอง ฉันเป็นตัวอย่างของเด็กที่เกิดมาจากพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน
เพราะฉันเองก็เกิดมาจากท่านพ่อและท่านแม่ที่เป็นพี่น้องกัน จากจุดประสงค์ที่พวกท่านจำเป็นต้องรักษาสายเลือดบริสุทธิ์ของพวกเราไว้ แม้ในตอนแรกที่ท่านพ่อมีท่านแม่ของแอนกับชิซึรุมาก่อน เพราะความที่ท่านเองก็พยายามที่หลีกหนีความจริงข้อนี้ที่ท่านจะต้องมีทายาทที่เกิดมาจากสายเลือดที่ไม่มีการปะปนของเรา แต่ในที่สุดแล้ว ท่านก็จำเป็นต้องมีฉันขึ้นมา สภาอาวุโสบีบบังคับท่าน และใช่..มันมีผลถึงท่านแม่ของฉันด้วย เพราะท่านทั้งสองไม่ได้รักกันฉันท์ชู้สาวที่สมควรจะมีการแต่งงานหรือสัมพันธ์กันแบบนั้น แต่กฎเกณฑ์ของเรามันก็หลีกเลี่ยงได้ยากเหมือนกัน ถึงแม้ท่านจะมีแอนและฝากฝังทุกอย่างไปให้เค้าคนเดียวก็ตาม แต่เค้าก็ยังไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์อยู่ดี ซึ่งมันอาจเป็นข้อจำกัดในเรื่องความสามารถของเค้า ว่าเค้าจะทำตามหน้าที่ที่ท่านพ่อต้องการหรือตามตำแหน่งที่เค้าจะต้องรับมันต่อจากท่านพ่อได้หรือไม่ และในข้อนี้ทำให้ท่านพ่อต้องมีข้อขัดแย้งกับทางสภาอย่างมาก พวกเขาไม่ยอมรับในตัวแอนในตอนแรกและยืนยันว่า ท่านพ่อจะต้องมีทายาทอีกคนที่เป็นสายเลือดบริสุทธิ์ที่แท้จริงขึ้นมา เผื่อว่าแอนไม่สามารถจะทำหน้าที่นั้นได้อย่างสมบูรณ์ ท่านพ่อถึงไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องทำตามมติของสภา เพราะท่านเองก็คงไม่แน่ใจว่า แอนจะทำได้หรือไม่ เค้ายังเด็กมากในเวลานั้น เด็กมากกว่าที่จะรู้ว่า ตัวเค้าทำอะไรได้บ้าง ท่านจึงต้องมีฉัน เป็นหลักประกันให้กับฐานอำนาจของตระกูลเรา
ฟังดูแล้ว เหมือนฉันเป็นตัวสำรองของแอนอยู่ตลอดเวลาแล้วใช่มั้ย มันก็อาจจะใช่..เพราะชิจังก็เห็นฉันเหมือนเป็นตัวสำรองของแอนเสมอเหมือนกัน เวลาที่เค้าไม่มีแอนอยู่ข้างๆ ฉันถึงจะมีความสำคัญกับชิจัง น่าน้อยใจเสียจริง...
และฉันก็เป็นได้แค่ตัวสำรองจริงๆ เมื่อแอนโตขึ้นและแข็งแกร่งกว่าใครๆในหมู่สามคนพี่น้อง มันก็อาจจะเพราะท่านพ่อพยายามทำทุกอย่างเพื่อสร้างให้เค้าเป็นแบบนั้น ท่านพ่อยึดหลักที่จะต้องมอบหมายทุกสิ่งของท่านไว้ให้ลูกคนโต นั่นก็คือ..แอน
แอนถือได้ว่า เป็นคนเริ่มต้นคำสาปแรกให้ฉัน นับตั้งแต่วันที่เค้าพรากทุกสิ่งทุกอย่างของฉันไป ทั้งความบริสุทธิ์ของผู้หญิงที่ฉันมี ทำให้ฉันเสียโอกาสที่จะได้แต่งงานกับคนที่เหมาะสมกับแวมไพร์เลือดแท้อย่างฉัน เสียโอกาสที่จะมีแฟน มีคนรักที่รักมากพอที่สามารถทำให้ฉันฮึดสู้กับกฎเกณฑ์บ้าๆของแวมไพร์เลือดแท้ที่สภานั่นบัญญัติไว้ เสียโอกาสที่ฉันจะได้อยู่ข้างๆเค้าในเวลาที่เค้ากลับมาอยู่ที่บ้านด้วยกัน เวลาที่ฉันรอมันมาแสนนาน มันสูญเปล่าทั้งหมด นั่นก็คือ ฉันไม่ได้อยู่กับชิจัง คนที่ฉันรักมากกว่าใคร เพราะอะไร..
เพราะเค้าทำให้ฉันท้อง..
การที่เค้าทำให้ฉันท้องเพราะแค่คืนนั้นของเราสองคน กับแค่คืนแรกและครั้งแรกที่ฉันมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไปตลอดกาล อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นอาจจะเป็นของที่ฉันได้ตอบแทนมาจากสิ่งที่เค้าพรากจากฉันไป เป็นของขวัญที่เค้าทิ้งไว้ให้ฉันดูต่างหน้าเค้า แต่มันไม่ใช่เลย เพราะเค้าไม่ใช่คนที่ฉันรัก..แบบนั้น ถ้าเปลี่ยนจากแอนเป็นชิจังแล้วล่ะก็ ฉันจะยอมรับมันอย่างยินดีมากๆ แต่มันก็ไม่มีทางจะเป็นไปได้ และมันก็ยิ่งแย่กว่า เมื่อฉันไม่สามารถจะเลี้ยงเด็กที่เกิดมาจากตัวฉันได้ด้วยตัวเอง มันก็ใช่ที่ฉันไม่ได้รักพ่อของลูกหรือคิดจะรัก แต่สำหรับลูกแล้ว ฉันจะไม่รักเค้า มันไม่มีทางจะเป็นไปได้ ฉันจะต้องเสียสละอะไรตั้งมากมายที่จะทำให้เค้ามีชีวิตอยู่ในท้องของฉันจนกระทั่งเค้าคลอดออกมา ระยะเวลาที่ฉันอุ้มท้องเค้า มันทำให้ฉันรู้สึกผูกพัน และฉันก็คิดว่า คนเป็นแม่ทุกคนต้องรู้สึกแบบนี้ ฉันรักลูกของฉัน เหมือนที่ท่านแม่รักฉัน
แต่เพราะการเริ่มต้นที่ไม่ได้จงใจของฉันกับเค้า เป็นต้นเหตุให้ฉันต้องสูญเสียอะไรหลายอย่าง ไม่ใช่แค่เท่าที่ฉันเล่าเมื่อกี้ ต่อมาเมื่อฉันคลอดลูกที่เค้าควรจะเป็นของขวัญชิ้นสำคัญหรือสิ่งตอบแทนของการสูญเสียนั้นๆ ฉันก็กลับต้องเสียเค้าไปอีก ฉันจึงโทษความผิดทุกอย่างนั้นให้กับแอน คนที่สร้างเรื่องให้ฉันเป็นแบบนี้ ทั้งที่เค้าก็คงจะไม่ได้ตั้งใจ ใช่..แอนไม่ได้ตั้งใจหรอก เรื่องนั้นฉันรู้ดี เค้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้ามีลูกกับฉัน เพราะคืนนั้นของเรา แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าเค้าไม่ได้มาปล้ำฉัน เรื่องทั้งหมดนั่นก็คงจะไม่เกิดขึ้น
โอ้..นี่ฉันโยนความผิดให้เค้าคนเดียวงั้นเหรอ.. ไม่ได้สินะ เพราะคืนนั้น..ฉันเองก็ต้องการเค้าเหมือนกัน ฉันน่าจะรู้ตัว.. แต่ก็นั่นแหละ.. นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสูญเสียทุกอย่างของฉัน แอนเป็นคนสาปฉันให้เป็นแบบนี้ ทั้งที่เค้าไม่ได้ตั้งใจ..
กับการสูญเสียลูกของฉัน มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นได้เลย ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไม ในเมื่อทั้งพ่อและแม่เป็นแวมไพร์ แต่ลูกของเรากลับไม่ได้เป็นเหมือนเราสองคน หรือมันจะเป็นเพราะว่า ลูกของฉันกับเค้า เอาส่วนที่ดีที่สุดของเราสองคนไป ทำให้เค้าเป็นแบบนั้น เค้ากลายเป็นสิ่งที่อยู่เหนือพวกฉันทั้งสองคน ลูกของฉันเป็นนางฟ้า เซเรน่า..
เซเรน่า.. ถือเป็นของขวัญมาจากดวงจันทร์ หากฉันจะคิดในแง่ดีบ้าง มันก็จะเป็นแบบนั้น เค้าเกิดในคืนวันเพ็ญ ทั้งในตอนปฏิสนธิและตอนเกิด ความพิเศษอย่างนั้นล่ะมั้ง ที่ทำให้เค้าไม่เหมือนพวกเรา ฉันพยายามจะคิดให้มันดูดีขึ้น หลังจากที่ฉันต้องส่งเค้าไปให้อาร์เทมีสเลี้ยงดูเค้าแทนฉัน มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วเท่าที่ฉันจะคิดได้ในเวลานั้น แล้วทำไมฉันไม่ขอความช่วยเหลือจากแอนกันนะ บางทีฉันอาจจะไม่ต้องเสียลูกให้คนอื่นแบบนี้ ฉันมันแย่จริงๆ ฉันคิดอะไรอยู่นะ..ตอนนั้น..
แต่วันนี้ มันไม่มีประโยชน์อีกแล้วที่จะคิดถึงมันให้เศร้าหรือทำให้ฉันเกลียดแอนมากขึ้น เพราะว่าฉันได้กลับมาเจอหน้าเค้าแล้ว..ลูกของฉัน
ในที่สุด เซเรน่าก็ได้มาเป็นของขวัญจากเค้าจริงๆ เพราะเวลานี้ การได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกได้บ้างบางเวลา ก็ทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าอะไรทั้งหมด ฉันมาหาเค้าบ่อยมากแค่ไหนก็ได้ จนกระทั่งได้มีโอกาสทำความสนิทสนมกันมากขึ้น และถึงลูกจะไม่รู้ว่าฉันเป็นแม่ของเค้า แต่เค้าก็ยังเห็นฉันเป็นคนพิเศษเสมอ เค้าดูดีใจทุกครั้งที่ฉันมาเยี่ยม เราเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันมากกว่าเป็นแม่ลูกกัน เพราะไม่เพียงแต่ลูกจะไม่รู้ว่าฉันเป็นแม่เค้า ตัวฉันเองก็ยังไม่มีอะไรที่จะดูเหมือนเป็นแม่ของเค้าได้เลย ก็ไม่ใช่ว่า ฉันดูไม่ดีในสายตาลูกหรอกนะ ฉันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ภาพพจน์ของฉันยังดีอยู่ อย่างน้อยก็ในฐานะแวมไพร์มีสกุลดีที่เกิดในตระกูลผู้ปกครองมวลหมู่แวมไพร์ แต่ที่ฉันบอกว่า ฉันเหมือนไม่ได้เป็นแม่ใครๆเลย ก็เพราะว่า ฉันยังเหมือนสาวอายุสิบเจ็ด ทั้งที่อายุจริงก็ร้อยกว่านี่แหละ ต่อให้ฉันบอกว่าฉันเป็นแม่เค้า ลูกจะเชื่อฉันรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย คงจะงงกันน่าดูทีเดียว
ฉันย้ายตัวเองมาอยู่ใกล้ลูกมากที่สุด มาอยู่ในป่าที่เป็นเขตของความดูแลของเซเรน่าที่อาร์เทมีสยกให้เค้าดูแทน แต่นั่นก็ทำให้ฉันต้องอยู่ใกล้แอนอย่างช่วยไม่ได้เลย ถึงจะอยู่คนละบ้านกันก็เถอะ แต่มันก็ใกล้นิดเดียว ฉันยังมองเห็นบ้านของฉันหลังนั้นได้จากที่ที่ฉันอยู่ในปัจจุบันนี้ เพราะบ้านใหม่ของฉันอยู่เนินเขา และฉันก็เลยได้เห็นแอนกับชิจังบ่อยมากโดยที่พวกเค้าไม่รู้ว่าฉันเห็น ทุกสิ่งที่ฉันเห็นนั่น ทำให้ฉันเชื่อเลยว่า ฉันคิดถูกแล้วที่ไม่ได้บอกเรื่องลูกกับแอน เค้าสองคนพี่น้องฝาแฝดจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่ใช่มีฉันไปทำลายความสุขของพวกเค้า จริงมั้ย..
ที่บ้านหลังใหม่ของฉัน ฉันเริ่มต้นชีวิตใหม่ของฉันที่นี่กับผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันไม่ได้คิดว่า เค้าจะมาเป็นคนสร้างคำสาปใหม่ให้กับฉัน ทั้งที่มันก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะเธอเป็นแม่มด
หลังจากวันนั้นที่เราสองคนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ฉันตัดสินใจถามเธอว่า จะรังเกียจมั้ยถ้าจะอยู่กับฉัน เป็นแฟนของฉัน มันไม่ใช่แค่ว่า ฉันอยากจะรับผิดชอบในสิ่งที่ฉันทำกับเธอเท่านั้น แต่ฉันก็ชอบเธอเหมือนกัน หรือเพราะเธอคล้ายคนที่ฉันรักมาก เธอเหมือนชิจัง พี่สาวที่ฉันรัก
ฉันรอคำตอบจากเธอ ด้วยความรู้สึกลุ้นระทึก แต่เธอก็ตอบตกลงฉัน โดยที่ฉันไม่ได้อ้อนวอนอะไรเธอต่ออีกเลยหลังจากที่ฉันขอเธอ ฉันตกใจและประหลาดใจเหมือนกันกับความง่ายแบบนั้น แต่ฉันก็ได้รู้เหตุผลนั้นในเวลาต่อมา เพราะเธอสารภาพกับฉันว่า เธอชอบฉันตั้งแต่แรกเห็น ตั้งแต่วันที่เธอเจอฉันที่ร้านขายของแม่มด และมันก็เป็นแผนของเธอ ในตอนที่เราสองคนชนกัน ใช่..เพราะเธอตั้งใจชนฉันเต็มที่ เธอไม่กลัวฉันเจ็บเลย เพราะเห็นฉันตัวโต แต่ฉันคิดว่าเธอแปลก และถามเธอกลับไปว่า เธอไม่คิดว่าเธอจะเจ็บบ้างรึไงที่ชนฉันขนาดนั้น และเธอทำให้ฉันดีใจอย่างที่สุดที่ได้รู้ความคิดนี้ของเธอ เธอบอกว่า ถึงจะเจ็บก็ยังคุ้ม เพราะทำแบบนั้น เธอก็ได้อยู่ใกล้ฉัน และตอนนั้นที่ฉันรู้สึกเหมือนถูกจูบเบาๆนั่น มันเป็นฝีมือของเธอ แถมแม่มดจอมแสบคนนี้ ยังตามฉันมาที่นี่ด้วย ตามมาจนได้นอนกับฉันจนได้ ร้ายกาจมากจริงๆ
อาย.. แม่มดที่ตอนนี้มาเป็นแฟนของฉันอย่างเป็นทางการ เธอเป็นลูกสาวของจอมเวทย์คนหนึ่งที่มีบ้านเกิดอยู่อีกเมืองของประเทศอังกฤษ เธอเป็นคนรักสันโดษ ไม่ชอบอยู่กับคนหมู่มาก จึงขอคุณพ่อของเธอมาใช้ชีวิตตามลำพัง เธอเล่าว่า ในครั้งแรก คุณพ่อของเธอไม่อนุญาตให้เธอออกมาจากปราสาทที่เป็นบ้านของเธอ แต่เธอก็หนีท่านมาเรื่อยๆ ออกหาประสบการณ์และความรู้อื่นๆที่ไม่มีในตำราหรือหาไม่ได้จากคนที่สอนเธอมาตั้งแต่เล็ก จากภายนอกตัวปราสาท จนกระทั่งกลายมาเป็นแม่มดที่เก่งแบบทุกวันนี้ และคุณพ่อของเธอก็ไว้ใจเธอในที่สุด เธอสามารถออกมาใช้ชีวิตได้ตามอย่างที่เธออยากจะเป็น และนั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกทึ่งในตัวของเด็กสาวคนนี้เหลือเกิน
ใช่แล้ว..ฉันมีสิทธิ์เรียกอายว่าเด็กสาวได้ เพราะเธอยังเด็กอยู่มาก หากเทียบกับฉันที่มีอายุเกินกว่าร้อยปี เพราะแม่มดก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไป แค่เพียงมีเวทย์มนต์เท่านั้น ถึงทำให้พวกเค้าดูเป็นคนที่แตกต่างจากมนุษย์ธรรมดา
ความสัมพันธ์ของเราสองคนมันน่าจะไปด้วยกันได้ดี หลังจากที่เราได้มาอยู่ร่วมกัน แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกว่า คนที่ฉันอยู่ด้วยเป็นใครอีกคนหนึ่ง ซึ่งฉันไม่มีทางได้อยู่กับเค้าแบบนี้ มันไม่ได้เป็นความผิดของเธอเลยแม้แต่น้อย สำหรับความที่เธอคล้ายกันมากกับพี่สาวของฉัน ฉันเองต่างหากที่ผิด และยังมองเธอเหมือนเป็นเงาสะท้อนของชิจังตลอดเวลา ฉันคงจะต้องการหลอกตัวเองไปวันๆ แต่ฉันก็พยายามมากแล้วที่จะไม่ให้เธอรู้ว่า ฉันเห็นเธอเป็นแบบนั้น และอันที่จริง ฉันก็ชอบเธอ ถึงจะยังไม่ได้รักมากเท่ากับอีกคนก็ตาม และยังไงก็ตาม อายก็เป็นแฟนของฉัน
แต่ต่อมา ฉันก็มาได้รู้ความลับของอายในเรื่องที่เธอพยายามปิดฉันมาตลอด ว่าอันที่จริง อายมีคู่หมั้นแล้ว คู่หมั้นที่เธอมีมาตั้งแต่เกิด แต่เธอไม่ยอมรับ มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอขอปลีกตัวมาอยู่ตามลำพังแบบนี้ ก่อนจะมาเจอฉันและอยู่ด้วยกัน ฉันรู้สึกแย่ที่เหมือนฉันไปแย่งของของคนอื่นมา แต่อายก็บอกว่า มันไม่ใช่แบบนั้น เธอไม่ได้รักคนที่เป็นคู่หมั้นของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอไม่เคยเห็นด้วยและไม่เคยยินดีกับการมีคู่หมั้นที่เธอไม่ได้เลือกเอง และตอนนี้เธอก็เลือกฉัน เธอรักฉัน ฉันควรจะดีใจกับเรื่องนี้..
ใช่..ฉันดีใจที่มีคนรักฉันจริงเสียที ฉันดีใจที่ฉันไม่ใช่ตัวสำรองของใครอีกต่อไปแล้ว..
และการตัดสินใจมาอยู่กับอาย คงทำให้ฉันลืมได้ว่า ฉันเคยเป็นของคนอื่นมาเหมือนกัน แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้หรอก ของที่เสียไปแล้ว ไม่มีทางได้กลับคืนมา แต่ก็นั่นล่ะนะ ฉันควรคิดถึงแต่ปัจจุบัน ที่มีเพียงฉันกับอาย
เราสองคนอยู่ด้วยกันอย่างคนรักกันตามปกติ โดยที่อายมีงานของเธอที่ต้องออกไปทำเกือบทุกวัน เปล่าหรอกนะ แม่มดอย่างอายไม่ได้ไปกางเต้นท์ตามตลาดในเมืองและรับดูไพ่ ทำนายดวงชะตา เหมือนพวกยิปซีชอบทำ ครั้งหนึ่งฉันเคยสารภาพกับเธอว่าฉันคิดว่าเธอทำงานประมาณนี้ แล้วฉันก็เห็นอายหัวเราะอย่างหนักจนเสียภาพพจน์สาวสวยไปเลย ฉันเลยถามว่า ฉันเข้าใจผิดใช่มั้ย เธอบอกว่า ผิดอย่างมาก ยังถามว่าฉันคิดแบบนั้นได้ยังไง ฉันก็บอกหน้าซื่อว่า ฉันคิดไม่ออก เรื่องอาชีพอื่นของแม่มด แล้วอายก็กอดฉัน ลูบหลังเบาๆ ทำเหมือนฉันเป็นเด็กแบบนั้น แล้วเฉลยให้ฉันเข้าใจว่า เธอทำงานอยู่ในกระทรวงเวทย์มนต์ ฉันงงทันทีกับข่าวนี้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้จักกระทรวงนี้หรอกนะ แต่ฉันไม่คิดว่า เด็กสาวอย่างอายจะทำอะไรได้ในนั้นล่ะมั้ง ฉันคงจะมองเธอพลาดไป เลยไม่รู้ว่า แฟนฉันเก่งมากจริงๆ
ส่วนตัวฉันเอง ก็อยู่นิ่งเฉยแค่ในบ้านไม่ได้ แต่ในเมื่อฉันไม่อยากไปทำงานกับแอน ฉันก็ต้องทำงานกับคนอื่น แต่ก็ยังต้องเป็นในเครือของตระกูลเราอยู่ดี ท่านพ่อไม่ให้ฉันไปทำงานกับใคร ท่านห่วงชื่อเสียงของตระกูล อันที่จริง ท่านก็ห่วงชื่อเสียงของฉันเหมือนกัน เพราะถ้าฉันทำงานในบริษัทตระกูลตัวเองไม่ได้ ฉันจะไปทำงานที่ไหนก็คงจะมีแต่คนดูถูกแน่ๆ และนั่นก็ทำให้ฉันเลือกที่จะมาทำงานกับชิจัง
ถึงห้องแล็ปกลางของบริษัทจะอยู่ภายในอาณาเขตของปราสาทวิโอล่า แต่เราก็มีสาขาอื่นๆเหมือนกัน ฉันจะไปทำที่ไหนก็ตามแล้วแต่จะเลือก ฉันจึงเลือกอยู่ห้องแล็ปกลาง เพราะที่นั่นมีชิจังคุมอยู่ และที่สำคัญ แอนไม่ค่อยมาที่นี่หรอก เค้าไว้ใจให้ชิจังดูแลงานทั้งหมด แล้วมันก็เป็นหน้าที่ของชิจังอยู่แล้วตามตำแหน่งของเค้า เพราะชิจังเป็นผอ.ของสถาบันวิจัยวิโอล่าและยังควบตำแหน่งรองประธานบริษัทต้นตระกูลเรา ส่วนแอน ตามตำแหน่งแล้ว เค้าเป็นประธานบริษัทที่มีสิทธิ์ขาดทุกอย่างในการตัดสินใจเรื่องเกี่ยวกับบริษัท โดยมีท่านพ่อเป็นที่ปรึกษาให้ แต่ถึงอย่างนั้น เค้าก็ต้องดูทุกอย่างที่เป็นงานในเครือบริษัทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะงั้นเค้าก็เลยไม่มีเวลามากพอที่จะมาสนใจกับสถาบันวิจัย น้อยครั้งมากที่เค้าจะมาหาชิจังที่นี่ ก็เค้ามีโอกาสเจอกันที่บ้านอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาก็ได้ นั่นเลยเป็นเรื่องดีสำหรับฉัน ฉันจะได้ทำงานที่นี่ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอแอน
จริงๆแล้ว ท่านพ่อให้ฉันเป็นเลขาแอน เป็นผู้ช่วยของเค้า เป็นมือขวา มีหน้าที่ต้องตามแอนไปทุกที่ เหมือนที่ฉันเคยทำเมื่อก่อน ต้องออกงานพร้อมเค้า แต่พอหลังจากเกิดเรื่องขึ้นมาคราวนั้น ท่านพ่อก็ยกเลิกตำแหน่งนั้นให้ฉัน ท่านเข้าใจว่ามันยาก หากฉันจะอยู่ใกล้แอนแบบนั้น ต้องขอบคุณท่านพ่อมากๆกับเรื่องนี้ มาตอนนี้ฉันก็เลยเหมือนเป็นคนว่างงาน ไม่ใช่สินะ ต้องเรียกว่า เลือกตำแหน่งการอยู่ได้ตามใจชอบ และฉันก็เลือกแล้วว่า ฉันจะอยู่ข้างชิจัง ฉันสบายใจที่ได้อยู่กับเค้า ฉันมีความสุขที่ได้เห็นเค้าบ่อยๆ
มันเป็นเรื่องที่ยอดมากเลยที่ฉันเหมือนได้อยู่กับชิจังตลอดเวลา ตอนกลางวัน ฉันไปทำงาน ฉันก็ได้อยู่กับชิจังตัวจริง แล้วพอกลับมาบ้าน ฉันก็ได้อยู่กับอาย อายทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันยังได้อยู่กับพี่สาวของฉัน เค้าสองคนเหมือนกันมาก มันไม่ดีเลยสินะที่ฉันทำเหมือนอายเป็นตัวสำรองของคนที่ฉันรักแบบนั้น แต่ฉันก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าฉัน..ไม่ผิดที่คิดแบบนั้น
ฉันไม่ได้คิดเลยว่า มันจะเป็นเรื่องที่ผิดหรือดูไม่ดี กับแค่ที่ฉันเห็นเธอเป็นตัวแทนของคนที่ฉันรักมาก เพราะฉันก็จะทำกับเธอเหมือนกับที่ฉันอยากจะทำกับชิจัง ซึ่งมันก็น่าจะทำให้เธอมีความสุขได้ แต่ฉันคิดผิด เมื่ออายรู้ความจริงเรื่องนี้..
เรื่องมันเกิดจากคืนหนึ่ง ที่ชิจังไปหาฉันที่บ้านเนินเขา ฉันรู้ว่าชิจังจะมาหา เลยขอให้อายไปพักที่บ้านของคุณพ่อของเค้า อ้างว่าชิจังมีปัญหามา และคงไม่สะดวกที่อายจะอยู่ด้วย เพราะเค้าคงจะไม่กล้าพูดอะไรกับฉันถึงปัญหาของเค้า ถ้าอายอยู่กับฉันวันนั้น และเธอยอม
อายออกไปทำงานตามปกติของเธอ แต่แค่ไม่กลับมาอยู่บ้านของเราในคืนที่ฉันบอกเธอว่าชิจังจะมาหาฉัน และฉันก็คิดว่าอายคงจะไม่กลับมาบ้านคืนนั้นจริงๆ แต่มันไม่ใช่.. อายกลับมา เพราะเธอลืมของสำคัญที่ต้องใช้ที่ทำงานวันรุ่งขึ้น แต่ฉันพลาดที่ฉันไม่ได้คิดว่าอายจะกลับมา ฉันไม่ได้ระวังตัว อันที่จริง..ฉันไม่มีสติพอที่จะระวัง หรือรู้ล่วงหน้าตามความสามารถพิเศษของฉันว่าจะมีคนมาบ้าน เพราะฉันกำลังสนใจแต่ชิจังคนเดียว นั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่เลยทีเดียว
เพราะชิจังมาหาฉันในสภาพที่ฉันรับมันไม่ได้ ฉันจึงต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เค้ารู้สึกดีขึ้น จนไม่มีเวลาจะไปสนใจใครหรือสิ่งรอบๆตัว ชิจังมาอยู่กับฉันวันนั้น ด้วยจุดประสงค์เดียวกันกับที่ฉันก็เป็นอยู่ เค้าหนีแอนมา ฉันรู้ตั้งแต่มองตาเค้าแค่แป๊บเดียว เค้ากับแอนมีสัมพันธ์กันเหมือนที่ฉันมีกับแอน ฉันเสียใจมากแต่พยายามจะเก็บมันไว้ เก็บความรู้สึกโกรธแอนไว้ด้วย
เพราะในที่สุด ฉันก็สูญเสียทุกอย่างเพราะแอนอีกครั้งแล้ว แต่จะคิดแบบนั้นก็ไม่ได้สินะ เพราะตอนนั้นชิจังเองก็มีแฟนอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน นั่นเลยทำให้เค้าต้องมาหาฉัน มาเล่าความทุกข์ในเรื่องรักสามเส้าของเค้าให้ฉันฟัง และเพื่อปลอบใจชิจัง ฉันก็เลยทำตามคำขอของเค้าทุกอย่าง กระทั่งให้นอนด้วยกันบนเตียง เพราะฉันคิดว่า มันก็แค่นอนเตียงเดียวกันกับพี่สาวเท่านั้น แต่มันไม่ใช่ ชิจังทำให้มันไม่ใช่แค่นั้น
ชิจังนั่งคร่อมฉันเหมือนท่าเดิมที่เค้าเคยทำตอนที่เค้าไปปลุกฉันที่บ้านของท่านพ่อที่ทรานซิลเวเนีย เค้าจูบฉันเหมือนตอนนั้น แต่ครั้งนี้เค้าไม่ได้จูบเล่น เค้าเอาจริง ฉันเองก็รู้ตัวเองดีว่า ทนไม่ได้นานนักกับการถูกจูบแบบนั้น เราสองคนก็เลยจูบกันอย่างไม่สนใจอะไร ฉันรู้สึกเลยว่า ฉันอยากนอนกับชิจังขึ้นมาทันที อยากสัมผัสตัวเค้าจริงๆ และชิจังก็เหมือนจะรู้มัน เค้าเสนอตัวเค้าให้ฉัน ฉันดีใจมาก ฉันยอมรับมันตามตรง แต่ในความดีใจนั้น ฉันก็รู้สึกผิดเหมือนกัน เพราะทั้งฉันและชิจัง ต่างก็มีแฟนแล้ว ฉันเลยเลือกจะไม่ตามใจชิจัง ฉันสะกดจิตชิจังและพาเค้าให้หลับอยู่กับอกของฉัน มันก็แค่นั้นเอง ตอนเช้า ฉันก็ไปส่งเค้าที่ปราสาท จูบลาเค้าที่หน้าผากเท่านั้น ก่อนจะขอตัวกลับบ้าน และก่อนที่ฉันจะไปทำงาน
แต่พอกลับมาบ้าน ฉันก็ต้องตกใจมากถึงมากที่สุดที่เห็นอายนั่งอยู่ที่ห้องโถงรอฉัน เธออยู่ในชุดที่เหมือนไม่ได้ไปไหนมาเลย และในตอนนั้นเอง ที่อายมองตาฉัน ฉันก็รู้แล้วว่า อายกำลังโกรธมาก แต่มันไม่ใช่แค่นั้นที่ฉันรู้จากการมองตาของอาย ฉันแทบช็อคกับเรื่องที่รู้นั่น ใช่แล้วล่ะ..อายรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉันและพี่สาว มันไม่ใช่เธอไม่รู้จักหรือเคยเห็นว่าพี่สาวฉันหน้าตาคล้ายเธอ เธอเคยคุยกับชิจังบ้างแล้วเหมือนกัน แต่เธอไม่คิดว่า ฉันจะรักชิจังแบบที่มากกว่าน้องรักพี่แบบนี้ พอเธอมาเห็นเราอยู่ด้วยกัน เธอถึงได้รู้ความจริงข้อนั้น
ใช่..อายรู้ว่า.. ฉันอยู่กับเธอ เพราะเห็นเธอเป็นเงาของชิจัง จากคืนนั้นมันเป็นข้อยืนยันกับความคิดนี้ของเธอ เพราะอายแอบเห็นฉันกับชิจังนอนจูบกันบนเตียง และเกือบจะมีเซ็กซ์กัน
ถามว่า..ทำไมอายถึงเห็นและทำได้ยังไงที่มาโดยที่ฉันหรือชิจังไม่รู้ตัว ตอบได้อย่างง่ายๆเลยก็คือ..เธอเป็นแม่มด
และแม่มดคนนี้เองที่สาปฉัน.. สาปให้ฉันต้องวนเวียนอยู่กับความรักแบบนี้ตลอดไป
รักพี่สาวตัวเอง...
คำสาปนี้จะร้ายแรงแค่ไหน.. จะมีผลกับใครบ้าง.. ทำยังไงจะแก้ไขมันได้..
ฉันไม่รู้.. ไม่รู้อะไรเลย..
รู้แค่เพียง.. ตอนนี้ฉันถูกสาปแล้ว.. ถูกสาปอย่างที่แท้จริง จากผู้หญิงที่ฉันควรจะดีกับเค้า และรักเค้าที่ตัวตนของเค้าจริงๆ..
แต่..ตอนนี้ ฉันก็อยากจะบอกกับเค้าว่า..ฉันรักเค้าจริงๆแล้ว
รักที่ตัวตนของเค้า ไม่ใช่เงาของใคร แต่มันก็สายเกินไปแล้ว..
อาย.. เธออยู่ที่ไหน.. ฉันขอโทษ..
To be continue…
2 ความคิดเห็น:
เอาน่าอลิสซ่า.. เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราก็ไม่อยากให้อลิสซ่าหมกมุ่นกับเรื่องเจ็บปวดแบบนั้นอีกแล้วนะ.. เมื่อพายุมันเกิดขึ้น เจ็บก็จริง สูญเสียก็จริง.. แต่หลังพายุนั้นผ่านไปสิ่งใหม่ก็เกิดขึ้น.. หลังจากไฟไหม้ป่าใหญ่ มันเหลือแต่ตอตะโกก็จริง แต่อีกเพียงสองสามวันก็จะมีหน่ออ่อนของตันไม้แทงโผล่พ้นพื้นดินออกมา.. เหมือนกับที่อลิสซ่าสูญเสียความบริสุทธิ์ แต่ก็ได้สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตมาไง.. ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่อลิสซ่าก็มีความสุขเมื่อได้เห็นหน้าลูกสาวใช่มั้ยล่ะ.. เพราะงั้น ตอนนี้ก็โทษใครว่าเป็นฝ่ายผิดไม่ได้แล้วล่ะ.. ตอนนี้อลิสซ่าจะต้องอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่านั้นล่ะนะ..
โอเค.. ตอนนี้อลิสซ่ามีแฟน แล้วผู้หญิงคนนั้นก็มีรูปร่างหน้าตาและแม้กระทั่งนิสัยบางส่วนที่คล้ายชิจัง.. ที่อลิสซ่าขออายเป็นแฟนเพราะต้องการรับผิดชอบและเห็นเงาของชิจังซ้อนขึ้นมาในร่างของอาย..
มันไม่ดีนะอลิสซ่า ถ้าเพียงต้องการรับผิดชอบน่ะ เราไม่ว่าอะไรหรอก แต่อลิสซ่าชอบอายเพราะว่าไปเหมือนใครล่ะก็.. มันก็เหมือนกับการที่ไปหลอกอายนั่นแหละ ใช้ความรักของอายที่มีให้แก่ตัวเองเป็นเครื่องบำบัดความต้องการในส่วนลึกของตัวเอง อายไม่ใช่ชิจังนะอลิสซ่า อายเองก็มีจิตใจ แล้วเค้าก็รักอลิสซ่าที่ตัวอลิสซ่า ไม่ได้รักเพราะอลิสซ่าไปเหมือนใคร..
"อย่าเอาความเหงามาลงที่ฉัน อย่ามาบอกฉันว่าเธอคิดถึงใคร อยากเจอกับเค้า ก็ไปหาเค้าเลยดีมั้ย".. นี่อาจจะเป็นความคิดของอายหลังจากที่ได้รู้ว่าอลิสซ่าคิดยังไงกับชิจัง เพียงเพราะความคล้ายของอายและชิจัง ทำให้อายต้องเจ็บปวด.. ตอนนี้อายโกรธมากล่ะ ถึงขนาดใช้คำสาปแช่งให้อลิสซ่าจมกับความรักแบบนั้นตลอดชีวิต.. จากนี้ไป อลิสซ่าต้องหาทางแก้ไขด้วยตัวเองแล้วล่ะ หรือชอบที่เป็นอยู่อย่างนี้ก็ไม่รู้เนาะ.. เหอๆๆๆ
ขอบคุณมากค่ะไรเตอร์.. ใครผิดใครถูกข้าพเจ้าไม่พูดดีกว่า.. เอาเป็นว่าเขียนได้สนุกตลอดเลยนะคะเนี่ย เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ.. ^^
Lookgolf’s comment…
โอ้วววว...อีกหนึ่งมุมมองของคุณแม่ยังสาว อิอิ
อืมม..แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับความรู้สึกของอลิสซ่าจัง ที่โยนความผิดเกี่ยวกับความเลวร้ายในชีวิตของตัวเองให้แก่แอนจังก็ตาม...แต่ก็เข้าใจและเห็นใจว่า หากใครก็ตาม ต้องมายืนตรงจุดที่ชิจังอยู่ตรงนี้ ก็อาจจะคิดไม่ต่างกันนักกับที่อลิสซ่าจังคิดเช่นนั้น...นั่นก็เพราะชีวิตของแวมไพร์เลือดแท้ผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งต้องแปรเปลี่ยนไปตลอดกาลตลอดชีวิตที่เป็นนิรันดร์นั้น อย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า..ไม่ว่าจะเป็นการที่ไปมีอะไรกับพี่สาวต่างมารดาของตนก็ดี การที่การมีความสัมพันธ์นั้นทำให้ตนเสียความบริสุทธิ์ไปก็ดี และการที่ต้องมาครรภ์อย่างไม่ได้ใจตั้งใจก็ดี..ซึ่งเหล่านี้ได้นำพาชีวิตของแวมไพร์สายเลือดสูงศักดิ์ผู้นี้ไปสู่การมีมลทินติดตัว การถูกจัดเป็นสินค้ามีตำหนิ การมีลูกโดยปราศจากผู้เป็นพ่อมารับผิดชอบ และการสูญเสียลูกน้อยไปด้วยความแตกต่างแห่งชาติพันธุ์...ดังนั้น ไม่ว่าใครที่มาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับอลิสซ่าจัง ก็คงอดไม่ได้ที่จะแสวงหาคนมาร่วมผิดชอบในชะตาที่พลิกผันนี้ของตนเอง ซึ่งในเคสนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแอนจังพี่สาวคนโต จอมมารรัตติกาลของเรา เหอๆๆ
อย่างไรก็ดี ตามที่ได้ออกตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ความคิดเหล่านี้ของอลิสซ่าจัง แม้ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกต้องเลยแม้แต่น้อย..นั่นก็เพราะ หากพิจารณาถึงอุปนิสัยของแอนจังแล้ว เชื่อว่า ถ้าจอมมารผู้นี้ทราบถึงเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้นแก่อลิสซ่าจัง อันเป็นผลพวงมาจากการกระทำของตนแล้ว คนอย่างแอนจังจะไม่มีทางที่จะนิ่งเฉยและไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ อย่างแน่นอน...แต่ก็นะ ในเมื่อเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ซึ่งแอนจังก็ไม่รู้..จะคิดมากไป ก็แก้ไขหรือย้อนเวลากลับไปไม่ได้อยู่ดี
และอีกเรื่องเกี่ยวกับอายนั้น...ตอนแรกก็ดีใจที่อลิสซ่าจังจะเริ่มต้นชีวิตของตนใหม่กับอาย โดยมีเป้าหมายที่จะปล่อยวางเรื่องแอนจังผู้เป็นพ่อของลูกน้อยนางฟ้าของตนกับชิจังพี่สาวที่ตนเองแสนรักและแอบถวิลหามาตลอด...แม้ว่าทั้งสองจะเพิ่งรู้จักกันและท่าทางในการเข้าหาของแม่มดรายนี้นับว่าน่ากลัวอยู่มากก็ตาม..แต่เมื่อการอยู่ร่วมกันในฐานะคนรัก ควรจะเกิดจากความรู้สึกที่มีต่อคนๆ นั้นด้วยใจที่บริสุทธิ์แล้ว การที่อลิสซ่าจังมองอายจังในฐานะตัวแทนหรือภาพสะท้อนของชิจัง จึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลยแม้แต่น้อย เพราะคนรักนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ก็ล้วนแต่ต้องการจะได้รับความรักจากคนที่รักด้วยใจจริงที่มีต่อตนเองด้วยกันทั้งนั้น (กล่าวคือ ต้องการเป็นตัวจริง) ซึ่งเรื่องนี้ อลิสซ่าจังเองก็เข้าใจดี เพราะก็อยู่ในสถานะเดียวกันกับอาย ในเรื่องของแอนจังและชิจัง..อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ใช้ชีวิตร่วมกันมา ก็ดีใจที่อลิสซ่าจังเริ่มรักอายที่อายเป็นอาย แต่การที่ยังพลาดพลั้งไปทำกิริยาที่เกินเลยกับชิจัง ทั้งๆ ที่ตัวเองมีคนรักอยู่แล้วย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง การที่อายจากไปพร้อมกับการสาปแช่ง จึงไม่ใช่เรื่องที่เกินคาดเดาเลยแม้แต่น้อย และนั่นเป็นสิ่งที่อลิสซ่าจังจะโทษใครไม่ได้แล้วนอกจากตัวเองในคราวนี้ เหอๆๆ
หลังจากที่อ่านตอนนี้มา คนอ่านมีความเห็นว่า..คำสาปของเหล่าพี่น้องครอบครัวนี้ ที่แท้จริงนั้น หาใช่การต้องวังวนพี่น้องแต่อย่างใดไม่ แต่การมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ของแวมไพร์ต่างหากที่เป็นคำสาปที่แท้จริง..แต่ก็เป็นเพียงความคิดของคนอ่านคนหนึ่งเท่านั้น อิอิ
ขอบคุณนะคะ ไรท์เตอร์..ตอนนี้แอบหงุดหงิดอลิสซ่าจัง..ที่คิดได้ทุกอย่างว่าอะไรควร อะไรไม่ควร..แต่กลับทำตามสิ่งที่ควรไม่ได้สักอย่าง..เหอๆๆ..แอบเอาใจช่วยอลิสซ่าจังต่อไป เพราะในบรรดาสามคนพี่น้องแล้ว อลิสซ่าจังดูชีวิตรันทดเพราะคนอื่นมากกว่าพี่น้องที่เหลือเยอะเรย อิอิ...เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์เช่นเคยนะคะ อิอิ
แสดงความคิดเห็น