2554-01-11

The Phantom of the night [Sisters Side Story] Ch.4


The Phantom of the night [Side Story] Ch.4

Pairing : Anh x Shizuru

Rate : M

Genre : Drama - Ramance

By : Anhy

My Sister - 2 : Shizuru’s POV

หลังจากที่แอนจากไป ฉันยังคิดถึงสัมผัสของเค้าอยู่ ฉันเริ่มลูบไล้ตัวเองทั้งที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว หลับตาและคิดถึงว่า เค้าทำอะไรกับฉันบ้าง ฉันยอมรับเลยว่า ฉันเป็นบ้าไปแล้ว สิ่งยืนยันก็คือ ฉันเริ่มใช้มือของฉันบีบหน้าอกของตัวเอง เลียนแบบที่เค้าทำ เสื้อผ้าที่ฉันใส่อยู่คล้ายไม่มีอุปสรรคอะไรกับการที่ฉันทำอะไรแบบนี้ เพราะมันเป็นแค่เสื้อเชิ้ตแขนยาวเนื้อบางมีกระดุม ซึ่งทำให้ฉันสามารถปลดกระดุมและสัมผัสตัวของตัวเองได้โดยไม่ต้องถอดมันออกจากตัว สองมือของฉันออกแรงขยำหน้าอก จนรู้สึกได้ถึงความเสียวซ่านตรงหว่างขา คล้ายเวลาที่เค้าทำกับฉันเมื่อครู่ ใช่..เพราะไม่เคยมีใครทำกับฉันแบบนี้สักครั้ง ฉันจึงคิดถึงมันมาก อยู่กับนัทสึกิ ฉันเป็นฝ่ายทำให้เธอ เธอไม่เคยแตะต้องตัวฉันอย่างที่แอนทำ แล้วผู้หญิงคนไหนๆที่ฉันเคยมีสัมพันธ์ด้วยก็ไม่เคยเหมือนกัน จึงไม่แปลกใช่มั้ยที่ฉันจะเป็นแบบนี้

ฉันได้ยินเสียงครางของตัวเองดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของป่าที่ยังมีความสลัวของเวลาใกล้เช้าแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ออกมาทำหน้าที่ ฉันนั่งพิงอยู่หลังลำต้นของต้นไม้ใหญ่ใกล้ทะเลสาบที่ฉันกับแอนร่วมรักกัน และผืนหญ้าตรงนี้ที่ฉันนั่งอยู่ก็ใกล้กับจุดที่แอนพาฉันขึ้นสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ความเจ็บตรงจุดอ่อนไหวที่สุดบริเวณหว่างขาของฉันยังคงอยู่ ฉันยังรู้สึกว่าตัวเองไม่พร้อมที่จะเดินไปไหนได้ ใช่..เพราะฉันคงจะเดินได้ลำบากจากความเจ็บและชาแบบนี้ มันเป็นครั้งแรกที่ฉันถูกสอดใส่ตรงบริเวณนั้น อย่างที่บอกไว้แต่แรกแล้วว่า ไม่มีใครเคยแตะต้องฉันเหมือนที่แอนทำ ทางเทคนิคแล้ว ฉันจึงยังบริสุทธิ์อยู่ แม้จะเคยถึงจุดออกัสซึ่มมาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่มันไม่เหมือนกัน..แน่นอน

ตอนที่แอนสอดใส่นิ้วยาวๆของเค้าเข้าไปในตัวของฉัน ฉันเจ็บแต่ไม่ปฏิเสธมัน เพราะรู้สึกดีมากกว่า นิ้วของเค้าใหญ่ตามความใหญ่ของมือเค้า แต่เค้าก็ต้องเอาใส่ไปในตัวฉันมากกว่าหนึ่งนิ้ว เพราะฉันขอเค้าเอง ฉันรู้สึกว่ามันดีกว่า ถ้ามันฟิตพอดีกันกับช่องคลอดของฉัน และเวลานี้ ฉันก็กำลังเลียนแบบในสิ่งที่เค้าทำให้อยู่ นอกจากที่ฉันจะบีบหน้าอกตัวเองให้เกิดอารมณ์แล้ว ฉันยังปลดซิปกางเกงขายาวที่สวมอยู่และเริ่มใช้มืออีกข้างที่ว่างจากการบีบหน้าอกตัวเอง ลูบไล้สัมผัสของสงวนของฉัน และมันก็ทำให้รู้ว่า ฉันกำลังต้องการได้รับการปลดปล่อยอีกครั้ง เมื่อรู้สึกได้ถึงความเปียกชุ่มตรงจุดนั้นของฉันเอง ฉันเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองร้อนรุ่มไปหมด จากความทรงจำที่มองเห็นสิ่งที่แอนทำให้ นึกถึงว่าเค้าจูบฉันและทำอะไรบ้าง ฉันครางหนักและดิ้นทุรนทุรายคล้ายกับจะทนไม่ได้ กระทั่งต้องเปลี่ยนจากการแค่ลูบไล้เบาๆตรงจุดอ่อนไหวบริเวณหว่างขาของฉัน เป็นการสัมผัสที่หนักขึ้น โดยใช้ปลายนิ้วกับจุดคริสตอริส และเรื่องที่คิดมันก็เกิดขึ้นตามมาจริงๆ ฉันโยกสะโพกเข้าหามือตัวเองและเกร็งตัว จากนั้นก็เริ่มใช้นิ้วตัวเองสอดใส่เข้าไปในตัวของฉัน ฉันทำตัวเองอยู่อย่างนั้น เสมือนว่าเป็นแอนทำให้ แล้วมันก็ถึงจุดที่ฉันทนไม่ไหว ร่างกายของฉันเปลี่ยนแปลง เขี้ยวของฉันโผล่ออกมา ฉันต้องหาใครสักคนมากัดและดูดเลือดในเวลานี้ที่ฉันใกล้จะถึงจุดไคลแมกซ์ของฉัน แต่เวลานี้ที่นี่ไม่มีใคร มีแต่ตัวฉัน เขี้ยวของฉันจึงฝังลงกับท้องแขนของตัวเอง หลังจากที่ฉันดึงแขนเสื้อขึ้น ฉันต้องดื่มเลือดตัวเอง เหมือนคนบ้าไม่มีผิด เหมือนพวกชอบความเจ็บปวดที่ภาษาทางการแพทย์ด้านเกี่ยวกับจิตเรียกว่า "มาโซคิส" แล้วไม่กี่นาทีต่อมา ฉันก็สงบลงได้ เพราะความต้องการของฉันคราวนี้สำเร็จเสร็จสิ้น

ฉันนั่งหอบหายใจอย่างหนักพิงหลังกับลำต้นของต้นไม้ เงยหน้าให้แสงแดดในยามเช้าตรู่กระทบใบหน้าตัวเองแต่ไม่กระทบกับสายตาของฉัน เพราะฉันยังหลับตาอยู่ น้ำตาของฉันไหลออกมา เมื่อสติของฉันกลับมาและรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่ฉันรู้ว่าทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้ ฉันทรมานมาก เมื่อรู้ว่าพี่ของฉัน ต้องการจะหยุดทุกอย่างที่เราทำร่วมกันไป ฉันรักเค้า ฉันต้องการเค้า แต่มันผิดและมันไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว เหมือนที่ฉันสัญญากับเค้าว่า มันจะไม่มีครั้งต่อไปของฉันกับเค้า แล้วฉันจะทนได้มั้ย.. แล้วเค้าไม่รู้สึกอะไรเลยหรือกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา เค้าไม่ต้องการฉันจริงๆใช่มั้ย.. แต่ก่อนไปเค้าบอกกับฉันว่า เค้าเป็นของฉัน ใช่สิ..เพราะเค้าก็เพิ่งเคยถูกกระทำแบบนั้นเหมือนกัน เค้าเหมือนฉันที่ไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนแตะต้องของสงวนของเค้า ไม่เคยถูกสอดใส่จากใคร มันจึงทำให้เราสองคนเป็นคนแรกของกันและกันในเรื่องนี้ แบบนี้..เค้าจะรู้สึกเหมือนฉันมั้ย.. ฉันไม่เข้าใจและ..อยากรู้

แต่ที่รู้ในตอนนี้คือฉันจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ได้ตลอดไป ฉันลืมตาขึ้นและพยายามสะกดใจตัวเองให้หายจากอาการที่เป็น ฉันจะให้ใครเห็นตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะนัทสึกิ เธอจะต้องเสียใจมากที่รู้เรื่องนี้ ฉันไม่อยากให้คนที่ฉันรักอีกคนต้องเสียใจเพราะตัวฉันทำ และฉันต้องกลับไปหาเธอ ด้วยความพยายามให้ตัวเองสมบูรณ์แบบที่สุด เริ่มต้นคือการทำให้แผลที่เป็นรอยเขี้ยวของตัวเองหายไปให้เร็วกว่าความสามารถในการรักษาแผลของแวมไพร์ทำ ฉันใช้เวทย์มนต์กับแผลจนมันหายไปจนเหมือนไม่เคยมี ไม่ว่าจะเป็นที่ท่อนแขนของฉันที่ฉันกัดตัวเองหรือตรงบริเวณคอที่เขียวช้ำเพราะเขี้ยวของแอน ฉันแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อยและค่อยๆพาตัวเองลุกขึ้น แม้จะเซนิดหน่อยในตอนแรกจนต้องใช้มือช่วยจับกับต้นไม้ไว้พยุงตัวเอง ความเจ็บที่หว่างขาของฉันยังอยู่ คงเพราะฉันย้ำความเจ็บจากที่แอนทำให้ด้วยตัวของฉันเอง จนมันเจ็บมากขึ้นและฉันต้องกัดปากล่างตัวเองเพื่อพยายามเก็บกดความเจ็บเอาไว้ ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เพื่อหวังบรรเทาความเจ็บตรงนั้น แล้วมันก็ดีขึ้นจนฉันเดินได้แต่ยังต้องเดินช้าๆ หลังของฉันมันแข็งและปวดตรงเอว จากการมีเซ็กซ์ที่หนักหน่วงแบบที่ไม่เคยมีและมันติดต่อกันจนเหมือนไม่ได้พัก ฉันไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แน่นอนที่มีแต่แอนเท่านั้นที่ทำได้ เพราะเค้ามีเรี่ยวแรงมหาศาลแบบนั้น ฉันลำบากกับการเดินกลับไปยังที่พักเพื่อรวมกลุ่มกับคนอื่นๆที่รออยู่ ฉันไม่ต้องการจะหายตัวไปโผล่ที่นั่น ถึงมันจะง่ายกว่าและลดความเจ็บแบบนี้ของฉันได้ แต่ฉันก็ไม่ทำ ฉันชอบความทรมานที่เป็นอยู่ เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกและจำได้ว่า ฉันไปทำอะไรมากับใคร และฉันก็ยังยิ้มได้ถึงจะรู้ว่าตัวเองหน้าซีดแค่ไหน เมื่อเห็นหน้าคนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ เพราะฉันรักเค้า ฉันอยากจดจำเค้าไว้ตลอดไป เพราะฉันคงไม่มีทางได้อยู่กับเค้าแบบนี้..อีกแล้ว พี่จ๋า....

พวกเราทั้งหมดกลับมายังปราสาทของฉันกับแอน เค้ากับฉันห่างกันไปหลังจากคืนนั้นของเรา ฉันกลับไปอยู่กับนัทสึกิและใช้ชีวิตเป็นคู่รักกับเธอเหมือนเดิม แต่ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากเหมือนกัน ที่ฉันไม่ได้มีอะไรกับนัทสึกิบ่อยอย่างที่เคยทำ โดยปกติแล้ว ฉันจะนอนและมีเซ็กซ์กับเธอเกือบทุกคืน ฉันยอมรับเลยว่า ฉันเสพติดเซ็กซ์จนเข้าขั้นวิกฤต แต่ตอนนี้ฉันเริ่มห่างจากมัน ถึงอย่างนั้น ฉันก็พยายามไม่ทำให้ตัวเองเป็นที่ผิดสังเกตมากนัก เพราะฉันก็ยังรักเธอและไม่อยากให้เธอเสียใจ ฉันมักจะทำตัวเองให้ยุ่งมากๆ ทำงานมากๆในห้องแล็ปที่เป็นห้องทำงานของฉันในฐานะที่ฉันเป็นหัวหน้าสถาบันวิจัยวิโอล่าของตระกูลฉัน

ใช่..ฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นนักเคมีของตระกูล ถึงจะเป็นแวมไพร์แบบนี้ ฉันก็มีการศึกษาเหมือนมนุษย์คนอื่น และชีวิตที่ยุ่งและเต็มไปด้วยงานวิจัยต่างๆของฉัน ก็เป็นข้ออ้างได้ว่า ฉันเหนื่อยจนต้องการการพักผ่อนเป็นการนอนหลับมากกว่าการหลับนอนกับนัทสึกิ แต่เรื่องนี้เหมือนจะไม่เป็นปัญหาสำหรับนัทสึกิมากนัก เพราะโดยส่วนตัวแล้ว นัทสึกิไม่ใช่ผู้หญิงที่ใฝ่แต่เซ็กซ์ เธอเป็นเด็กสาวน่ารัก ที่ห้าวเหมือนเด็กผู้ชายแต่อ่อนโยนมากกับฉัน เธอมีกิจกรรมของเธอที่ต้องการสนใจและเอาใจใส่เหมือนกัน จึงทำให้เธอไม่เสียเวลากับการมาคอยถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องความเปลี่ยนไปของฉันมากเท่าใดนัก เพราะเธอก็คงรู้สึกสบายตัวมากขึ้นเวลานอนข้างฉันบนเตียงเดียวกัน มิหนำซ้ำมันยังช่วยให้นัทสึกิไม่ต้องคอยระวังว่าตัวของเธอจะต้องเสียเลือดมากให้กับฉันเวลาที่ฉันนอนกับเธอ จะว่าไปแล้ว มันก็มีข้อดีเหมือนกัน สำหรับความรู้สึกที่ฉันเป็น แต่ความทรมานของฉันกับการคิดถึงสัมผัสจากเค้ามันจะมากกว่าหรือเปล่านะ

จนวันนึงซึ่งฉันทนกับความคิดถึงที่มีต่อเค้าไม่ได้ เพราะมันนานมากแล้วหลังจากคืนนั้นของเราสองคน ที่แอนไม่เข้าใกล้และเมินหน้าใส่ฉันตลอดเวลา ในทุกครั้งที่เราบังเอิญเดินมาเจอกันตามทางเดินของตัวบ้าน หรือตามที่ต่างๆในบริเวณปราสาทของเรา ฉันไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ และฉันก็อยากรู้มัน อยากรู้ว่า เค้าจะคิดถึงฉันบ้างมั้ย อย่างน้อยก็ในฐานะที่ฉันเป็น..น้องสาว เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเค้า และท้ายที่สุดเป็น..ภรรยา

ฉันเดินตามหาเค้าทั้งวันวันนั้น กระทั่งเห็นไมจังออกมาจากห้องหนังสือของตึกหอสมุด ฉันแอบมองเธอเดินออกไปอยู่หลังต้นไม้ เห็นเธอร้องไห้ แต่ฉันไม่ได้เข้าไปถามความจากเธอ ใช่..เพราะฉันเริ่มรู้ตัวเองว่าไม่ชอบหน้าเธอแล้ว ฉันหวงพี่สาวของฉัน และฉันก็นึกอิจฉาบวกกับหมั่นไส้ที่มนุษย์อย่างเธอกลับจะช่วยพี่สาวฉันให้มีอำนาจมากกว่าที่ฉันสามารถจะทำได้ จากนั้นเมื่อไมจังลับตาไป ฉันจึงเข้าไปด้านในของห้องสมุด และได้เห็นอะไรที่ทำให้รู้สึกเจ็บที่หัวใจ ฉันรู้ว่าแอนกำลังทำอะไรอยู่ แม้จะเห็นเค้าจากด้านหลังที่เค้านั่งหันหลังให้ เค้ากำลังก้มหน้าดูตัวของเค้าเอง ฉันเห็นเค้าทำท่าปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่เค้าใส่อยู่และใช้มือข้างหนึ่งไล้ไปตามตัวของเค้า ผมยาวสีเงินของเค้าไม่ได้ถูกรวบมัดไว้อย่างที่เคยทำ เหมือนเค้ากำลังต้องการปกปิดอะไรบางอย่างบนร่างกายของเค้าเองจากสายตาคนอื่น ซึ่งฉันก็เดาได้ว่า มันคืออะไร รอยเขี้ยวของฉันบนคอขาวๆของเค้านั่นเอง

ใช่..รอยเขี้ยวของฉันมันยังอยู่นับตั้งแต่คืนที่ฉันกับเค้าร่วมรักกันในป่า ถามว่าทำไมมันไม่หายไปเหมือนที่เค้าทำกับฉัน ตอบได้เลยว่า ฉันกัดเค้าหนักมาก และฝากรอยรักของฉันไว้ทั่วผิวขาวๆของเค้า อย่างที่มันยากที่ใครจะลบออกได้โดยง่าย ใช่แล้วล่ะ ฉันต้องการให้เค้าจำได้ว่า เค้าเป็นของใคร เหมือนที่เค้าบอกกับฉันเองว่า เค้าเป็นของฉัน แต่ตอนนี้ เค้ากำลังทำอะไรอยู่ เค้ารู้สึกเสียใจใช่มั้ยที่เค้าปล่อยให้ฉันฝากรอยเหล่านั้นไว้บนตัว เค้ากลัวใช่มั้ยที่คนอื่นจะรู้ว่า เค้ามีสัมพันธ์กับฉัน และฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นเค้าเป็นแบบนี้ สติของฉันที่พยายามควบคุมอยู่จึงแตกกระเจิง ฉันก้าวเข้าไปหาเขา แล้วพูดขึ้นอย่างขมขื่น

พี่เสียใจมากใช่มั้ย..

ท่าทางเค้าไม่ได้ดูตกใจมากนักที่ได้ยินเสียงของฉัน แอนต้องได้ยินอยู่แล้วว่า เป็นฉันที่เข้ามาหาเค้า หูของเค้าสามารถรับรู้เสียงได้แม้มันจะเกิดมาจากที่ไกลหลายไมล์ก็ตาม มันก็เหมือนตอนที่เค้ารู้ว่าฉันจะเข้าไปหาเค้าที่ทะเลสาบนั่นแหละ เค้ารู้อยู่แล้วว่าฉันจะต้องทำอะไรกับเค้า แต่เค้ายอมและเหมือนจะดีใจที่ฉันทำ แล้ววันนี้ล่ะ เค้าเป็นอะไร

แอนหันหน้ามาหาฉันและดึงฉันเข้าไปกอดทั้งๆที่นั่งอยู่ ฉันรู้สึกดีที่เค้ากอดฉันและถามว่าฉันคิดถึงเค้าใช่มั้ย แต่ความโมโหของฉันทำให้ฉันดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดของเค้าที่ฉันคิดถึงมันมากมาย และความเป็นเค้าก็ำทำให้เค้าเป็นเหมือนเดิม เค้าง้อใครไม่ค่อยได้เหมือนเดิมไม่มีผิด นอกจากทำหน้าเสียใจอยู่แบบนั้น จากนั้นเมื่อเห็นฉันยังโกรธอยู่เค้าจึงทำไม่สนใจและหันไปติดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเค้าทีละเม็ด ฉันมองดูเค้าทำท่าแบบนั้นอยู่สักพัก ฉันพยายามสะกดความรู้สึกตัวเองด้วยการกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ แต่มันก็ไม่สำเร็จ แอนคงไม่รู้ตัวว่า ตัวเค้าเซ็กซี่ขนาดไหนที่ทำท่าแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไป ฉันจึงเข้าไปหาเค้าและจับมือของเค้าที่กำลังติดกระดุมอยู่ช้าๆนั่น ฉันปลดมันออกอีกครั้งและค่อยๆจูบเนินอกขาวๆของเค้า ระหว่างที่มือหนึ่งเริ่มขยับขึ้นมานวดเค้นหน้าอกขนาดใหญ่นั่นจากภายนอกของเสื้อที่เค้าใส่อยู่ จากนั้นปลายนิ้วของฉันก็สัมผัสกับจุดอ่อนไหวที่สุดของทรวงอกของเค้า แล้วเค้าก็เริ่มตอบสนองด้วยการแอ่นตัวรับสัมผัสจากมือฉัน ฉันรู้แล้วว่า เวลานี้เค้าไม่สามารถจะหยุดอะไรได้ แม้เค้าจะไม่ได้ตั้งใจจะตามใจฉัน เพราะร่างกายของเค้ามันไวมากกับสัมผัสแบบนี้ ไม่นานนักเสื้อเชิ้ตของเค้าก็ถูกถอดออกจากตัวด้วยมือของฉัน ฉันขยับตัวลงนั่งตักเค้าที่ยังนั่งหลังพิงกับโต๊ะอ่านหนังสือ ฉันโอบตัวของเค้าที่ท่อนบนเปล่าเปลือยด้วยมือข้างที่ว่าง ในขณะที่ฉันใช้ปากกับหน้าอกของเค้าพร้อมกับมือข้างหนึ่งซึ่งอยู่ตรงนั้นอยู่ก่อนแล้ว เค้าครางดังขึ้นและดังขึ้นทุกครั้งที่ลิ้นของฉันตวัดกับจุดอ่อนไหวที่สุดบนหน้าอกของเค้า ไม่นานนักเมื่อเค้าทนไม่ได้ เค้าก็เริ่มถอดเสื้อของฉันออกเหมือนกัน และเริ่มทำกับฉันเหมือนที่ฉันทำให้ แต่มันดูเหมือนจะมากกว่า เพราะฉันรู้สึกได้ว่า เค้าต้องการมันมากขนาดไหน และโหยหาในตัวของฉันมากเหลือเกิน เราสองคนจมดิ่งลงสู่ห้วงอารมณ์ของความใคร่อีกครั้งแล้วในเวลานี้ และมันไม่สามารถที่จะหยุดลงได้ หากยังไม่ถึงจุดสุดท้ายของมัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ฉันต้องการมานานมากแล้ว บอกตามตรง ฉันรักเค้ามาก ฉันรักแอน..

ไม่กี่นาทีต่อมา เสื้อผ้าของเราก็ไม่ได้อยู่บนตัวอีกต่อไป แต่เค้ายังยอมให้ฉันนั่งตัก ด้วยการให้ตัวเค้าอยู่ระหว่างสองขาของฉัน ในท่านั้นเค้าจึงสามารถที่จะทำอะไรกับพื้นที่ตรงหว่างขาของฉันได้สะดวกมากขึ้น เหมือนกับที่ฉันก็ทำกับเค้าได้ง่ายขึ้นเหมือนกัน เราสองคนเคลื่อนไหวในจังหวะที่เข้ากันได้ดี ระหว่างที่มือของเราต่างอยู่ตรงพื้นที่ของสงวนของกันและกัน นิ้วของฉันอยู่ในตัวของเค้า นิ้วของเค้าอยู่ในตัวของฉัน เราสองคนไม่สนใจเลยว่าจะมีใครเข้ามาในห้องนี้และเห็นเราหรือไม่ แต่คงไม่ เพราะฉันล็อกประตูไว้อย่างดีด้วยจุดประสงค์นี้อยู่แล้ว ที่สำคัญคงไม่มีใครได้ยินเสียงของเรา เพราะตึกหอสมุดอยู่ห่างจากตึกใหญ่พอสมควร

เก้าอี้ไม้ยาวที่เรานั่งอยู่ด้วยกันโดยมีฉันอยู่บนตักแอน ส่งเสียงดังเมื่อมันเสียดสีกับพื้นไม้ของห้อง ดังก้องพร้อมเสียงครวญครางของเราสองคนที่กำลังขยับสะโพกเข้าหากันบนเก้าอี้นั่น แอนเหมือนไม่กลัวเก้าอี้ไม้ยาวนั่นจะหักทั้งที่มันต้องรับทั้งน้ำหนักตัวของเค้าและตัวของฉัน หรือเค้าใส่ใจกับมันไม่ได้แล้วในเวลาแบบนี้ เค้ากำลังวุ่นวายอยู่กับการจดจ่อในการบรรเลงเพลงรักของเค้าร่วมกันกับฉัน เค้าแสดงท่าทางที่มีอารมณ์เรื่องแบบนี้ออกมามากเหลือเกิน จนฉันมั่นใจเลยว่า เค้าคิดถึงฉัน คิดถึงเวลานี้ของเรา

นิ้วของเค้าสองหรือสามนิ้ว ฉันไม่แน่ใจ มันกำลังขยับเข้าและออกภายในตัวฉัน จนเกิดเสียงดังจากการเสียดสีที่เกิดขึ้นของเนื้อกับเนื้อและเพราะมันรวมกับเสียงน้ำหล่อลื่นที่ออกมาจากอวัยวะของฉันเวลามีอารมณ์ทางเพศแบบนี้ เสียงที่มีมันทำให้ฉันรู้สึกดีและเพิ่มอารมณ์ใคร่ของตัวเอง ฉันอยากทำแบบนั้นกับแอนบ้าง แต่ลำบากเมื่อฉันยังนั่งอยู่บนตักเค้า จึงทำได้แค่สัมผัสกับคริสตอริสซึ่งมันถนัดกว่าการให้ความสุขกับเค้าโดยการสอดใส่นิ้วลงไปในตัวเค้า แต่แค่นี้แอนก็สั่นและร้องครางมากแล้ว เค้ากับฉันทำแบบนั้นกันอยู่สักพัก กระทั่งรู้สึกได้ว่าตัวของเราพวกเราเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่ตามมาก็เป็นไปตามคาด เขี้ยวคมของเราสองคนฝังลงบนคอของกันและกัน เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉันก็หมดแรงและซบหน้ากับบ่าเนียนๆของเค้า ส่วนเค้าก็นั่งเอนหลังลงอย่างหมดท่าพิงอยู่กับโต๊ะหนังสือ ผลสรุปก็คือ ทั้งฉันและเค้าไม่สามารถรักษาสัญญาของกันและกันได้ ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันแบบนี้อีกต่อไป แต่ฉันจะทำได้ยังไงในเมื่อฉันรักเค้า ต้องการเค้ามากขนาดนี้

และระหว่างที่เค้ากอดฉันอยู่อย่างนั้นในท่าที่เค้าหมดแรงพิงหลังกับโต๊ะไม้อยู่ เค้าก็ขยับหน้าของเค้ามาหาฉัน จูบฉันที่ปากเหมือนกับคนรักกัน จนฉันรู้สึกดีและมีความสุขมาก และยิ่งมากกว่าเมื่อเค้าบอกกับฉันว่า

พี่เป็นของเธอ.. จะมีสิทธิ์คิดถึงใครได้อีกล่ะ..ชิซึรุ..

แต่ความสุขของฉันกับเค้าคงจะเป็นแบบนี้ได้ไม่นาน เมื่อนัทสึกิพอรู้เรื่องระแคะระคายว่าฉันต้องมีคนอื่นอีกนอกจากเธอ ทั้งที่ฉันก็นอนกับเธอเหมือนเดิม ใช่..หลังจากที่แอนกับฉันมีเซ็กซ์กันในตอนกลางวัน คืนนั้นฉันก็นอนกับนัทสึกิด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการผิดสังเกตมากนัก เพราะฉันก็ละเลยหน้าที่นี้มานานกับเธอ ฉันทำกับนัทสึกิเหมือนเดิมทุกอย่างตามความเคยชิน ซึ่งก็ไม่น่าจะมีอะไรที่ผิดปกติให้เธอสงสัย แต่ไม่ใช่ เพราะในตอนเช้าที่นัทสึกิบังเอิญตื่นก่อนฉันตื่นนั่นแหละ เรื่องถึงได้แดงขึ้นมา มันเพราะว่าฉันเหนื่อยเกินไปกับการมีเซ็กซ์กับแอนตอนกลางวันและยังมามีอีกครั้งในตอนกลางคืน ร่างกายฉันมันล้าจนลุกขึ้นจากเตียงช้ากว่าทุกวัน และนั่นแหละ ที่ทำให้ฉันถูกจับได้

นัทสึกิเข้ามาปลุกฉันตามปกติของเธอ ฉันก็ทำตัวกับเธอเหมือนเดิมคืออ้อนเธอนิดหน่อยตามแบบของฉัน แต่ความตาไวของนัทสึกิทำให้เธอเห็นความผิดปกติบนตัวฉัน มันชัดเจนกับสายตาเธอเมื่อแสงสว่างในตอนกลางวันเอื้อให้ และใช่ เธอคงเห็นมัน นัทสึกิลูบคอของฉันเวลาที่ฉันยังหลับตาอยู่บนหมอน มือของเธอสัมผัสคอฉันช้าๆ แต่เท่านี้ฉันก็รู้แล้วว่านัทสึกิเห็นอะไร ใช่..เขี้ยวของแอนที่กัดฉันเมื่อวาน ฉันไม่รู้จะทำยังไง เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังถูกจับได้เรื่องมีคนอื่น โดยเฉพาะไม่รู้จะบอกยังไงหากถูกถามว่าเป็นใครที่กัดคอฉัน เพราะมีแต่แวมไพร์เหมือนกันกับฉันเท่านั้นที่ทำรอยแบบนี้ไว้บนคอฉันได้ ฉันจึงจำเป็นต้องแสดงท่าทางโมโหกลบเกลื่อนขึ้นมา พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของนัทสึกิออกจากรอยรักแบบนี้จากแวมไพร์สุดที่รักของฉัน

ฉันลุกพรวดพราดออกจากเตียงทันทีและแต่งตัวอย่างรีบร้อน ฉันบอกกับเธอว่าฉันจะไม่อยู่บ้านในวันนั้น นัทสึกิมีท่าทางตกใจมากกับสิ่งที่ฉันทำ ที่ฉันโมโหใส่ เพราะโดยปกติฉันจะใจดีกับเธอเสมอ อ่อนโยนและทำเหมือนเธอเป็นเจ้าหญิงของฉัน แต่วันนั้นฉันทำไม่ได้ ฉันกลัว..

แต่ก่อนที่อารมณ์โมโหร้ายตามประสาคนเอาแต่ใจของฉันจะพาฉันออกจากห้องนอนตัวเองได้ เสียงห้าวๆในแบบเสียงของผู้หญิงของนัทสึกิก็ดังขึ้นตามหลังฉันมา และฉันก็รู้ว่า มันไม่มีประโยชน์อีกแล้วที่ฉันจะปิดบังเรื่องของฉันกับเค้า

ความลับของเธอน่ะ.. ช่วยปิดมันให้มิดกว่านี้หน่อยนะ..ชิซึรุ..

และแล้วน้ำตาของฉันมันก็ไหลออกมาอย่างไม่ต้องเสียเวลาสั่งมัน ฉันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่ต้องเปิดประตูห้องนอนของตัวเอง ฉันต้องรีบไปจากที่นี่ให้ได้เดี๋ยวนี้ ฉันรู้เพียงเท่านี้ ฉันไม่อยากเห็นนัทสึกิเสียใจ ฉันรู้ว่าเธอต้องร้องไห้แน่นอน เหมือนครั้งก่อนที่ฉันเคยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันเกือบตายเพราะมันนั่น ตอนนี้ฉันทำให้นัทสึกิเจ็บอีกครั้งแล้ว แต่ฉันจะทำยังไงได้ล่ะ กับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น แต่ฉันก็หยุดมันไม่ได้เหมือนกัน มันยากมากเกินไป

เพราะฉันรักเค้ามากเหลือเกิน รักเค้ามานานก่อนที่เธอจะเกิดอีกนะ..นัทสึกิที่รัก

ฉันขอโทษ....

ที่วันนี้ฉันเพิ่งมารู้ความจริงว่า..

ฉันรักพี่สาวตัวเองมากกว่าใครในโลกนี้...

ฉันรักพี่..แอน..

พี่จ๋า....

To be continue….

2 ความคิดเห็น:

[ Lightning ] กล่าวว่า...

ไม่มีทางที่ผู้หญิงคนนี้จะลืมเรื่องราวของคนที่เธอรักมากไปได้หรอกนะ ต่อให้บอกว่า "เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย" มันก็ยังไม่สารถห้ามใจให้รกได้เลย..

ในเมื่อได้เป็นของกันแรกกันไปแล้ว ได้แลกเปลี่ยนความบริสุทธิ์ให้กันไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เพิ่มมากขึ้นนอกจากความสัมพันธ์ทางสายเลือด ความสัมพันธ์ทางวิญญาณ มันก็คือความสัมพันธ์ทางกายและความรู้สึก.. แอนผู้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในนี้(ถ้าไม่นับท่านพ่อ) ไม่มีทางที่จะไม่รู้หรอกว่าน้องรู้สึกยังไงกับตัวเองน่ะ ตั้งแต่แรกที่ได้รู้จักคำว่ารัก แอนก็น่าจะรู้แล้วนะว่าชิซุรุนั้นติดเธอมากแค่ไหน.. แต่ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้.. ทำไมถึงปล่อยให้น้องรักตัวเองมากกว่าที่ทันควรจะเป็น.. ถ้าแอนไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน..

แต่เมื่อความรักมันบังคับให้เรื่องมันเกิดขึ้น ก็จะไปโทษสิ่งที่สวยงามแบบนั้นมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา จะไปบอกให้ชิซุรุเลิกคิดเรื่องแบบนี้มันก็คงยาก เพราะชิจังเองก็รักใครแล้วก็รักเลย ถึงจะมีคนรักอยู่แล้วก็เถอะ ผู้หญิงคนนี้สามารถ สามารถที่จะรักใครพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน แต่ระดับความสำคัญที่มอบให้ ก็น่าจะรู้ว่าใครมาก่อน เพราะแอนเองก็อยู่ดูแลชิจังมาเป็นเวลาเกือบสองร้อยกว่าปี ความผูกพันที่อยู่ด้วยกันนี่แหละเป็นตัวยืนยันความรักของชิจังที่มีต่อแอน..

แต่ถ้าจะบอกว่า "เธอก็เลิกรักพี่ไปสิ เธอมีคนรักอยู่แล้ว" อันนี้ก็ไม่มีทางอีกนั่นแหละ ชิจังบูชาความรัก ความรักเท่านั้นที่จะทำให้ผู้หญิงคนนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ จากนั้นก็เซ็กซ์.. ใช่..มันผิดนะ การที่จะรักใครสองคนในเวลาเดียวกัน มันเห็นแก่ตัวมากเลย นัทสึกิจะคิดยังไง ในเมื่อนัทสึกิเองก็รักชิจังเพียงแค่คนเดียว มัมไม่ยุติธรรม ถ้าจะบอกให้เลิกกัน นัทสึกิไปรักคนอื่นไม่ได้หรอก เพราะยัยนั่นรักแล้วรักเลยเหมือนกัน "ถ้าเป็นแฟนไม่ได้ ฉันก็ไม่ขอเป็นอะไรกับเธออีก" ประมาณนี้ละมั้ง คนหัวแข็ง..

แต่ไม่ว่ายังไง บทสรุปของเรื่องมันคงจะไม่เกิดขึ้นแบบง่ายๆหรอก ความสัมพันธ์อันซับซ้อนซ่อนเงื่อน ใจคนยากแท้หยั่งถึง.. ความคิดของแอนไม่มีใครมองออก ความคิดของชิจังก็รุนแรงเกินกว่าที่ใครบางคนจะรับไหว.. นัทสึกิเองก็ใจแข็งและเด็ดเดี่ยวในความคิดของตัวเอง.. ต่อไปจะเป็นยังไงก็ต้องติดตามกันต่อไปล่ะ..

[ว่าแต่.. เปิดตอนมานี่นะ ทำเอาข้าพเจ้ากระอั่กเลือดเลยอ่ะ ชิจังไม่พอเหรอลูก เมื่อคืนโดนจัดหนักขนาดนั้นยังไม่พออีกเหรอลูกกกกก~~ ความชามันหายไปแล้วนะ มันเจ็บแล้วล่ะตอนนี้ (อันนี้ความเป็นจริงทั่วไป คนเม้นท์ไม่เกี่ยว.. ฮุฮุฮุ) แล้วตะเองก็ยังจะหื่นอีกอ่ะ ก็นั่นแหละน๊า คิดถึงสัมผัสของคนที่ตะเองรักอ่ะ เป็นใครก็หยุดหื่นไม่ลงหรอก มันจำเป็นต้องสานต่ออย่างเดียว.. ฮ่าๆๆๆ.. แต่สวยโฮกกกกกกก(ใครจะมาว่าเราหื่นเราก็ไม่โกรธละตอนนี้ นังแปมจะลากไปไหนเราก็ยอม เอาไปเลย ฮ่าๆๆๆๆ) ชิจังทำแบบนั้นแล้วสวยมากอ่ะ หน้าตาท่าทางบ่งบอกอารมณ์สุดฤทธิ์.. อิอิ.. เอ่อ.. ข้าพเจ้าว่าเอาละไว้ในฐานที่เข้าใจดีกว่าเนาะ เดี๋ยวมันจะยาวไปกว่านี้.. ฮ่าๆๆๆๆๆ]

ขอบคุณมากนะคะ ข้าพเจ้าแวะมาบล็อกนี้ทุกวันเลยอ่ะ มันน่าตื่นเต้นดีนะ.. อิอิ.. ไรเตอร์เขียนดีมากค่ะ อินไปตามอารมณ์ของคนในฟิกเลย (เรื่อง.....นั่น ข้าพเจ้าเปล่านะ..ฮ่าๆๆๆ) แล้วมาอีกนะคะไรเตอร์.. ข้าพเจ้าเป็นกำลังใจให้จ้า.. ^^

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

lookgolf's comment...

อ่า..................................

เมื่อได้รับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากความผิดพลาดในคืนนั้น และเป็นความผิดพลาด(ที่ตั้งใจให้เกิดขึ้น)มาในตอนนี้แล้ว คนอ่านอย่างเราพูดไม่ออกด้วยรู้สึกจนในคำพูดอย่างสิ้นเชิงจริงๆ แหะ

เอาเป็นว่า เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วล่ะว่า ทั้งชิจังและแอนจังเอง ต่างเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อกันเพียงแค่พี่น้อง กลายเป็นความสัมพันธ์ของคนรักและปรารถนาในกันและกันอย่างไม่ต้องสงสัยและโดยสิ้นเชิง และความสัมพันธ์ที่แสดงออกต่อกันในครานี้เป็นความรู้สึกที่หนักแน่น รุนแรง และเต็มไปด้วยความหลงใหล กระหายในกันและกันอย่างไม่สามารถควบคุมได้เลยแม้แต่น้อย..ความรู้สึกต่อกันในสถานะใหม่นี้เลยส่งผลต่อการกระทำของทั้งสองที่มีระหว่างกันอย่างไม่อาจห้ามปรามหรือทัดทานได้..เห็นใจความรู้สึกที่ทั้งสองพี่น้องต่างมีให้กันเช่นนี้อยู่เหมือนกัน เหอๆๆ

โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกไม่เห็นด้วยกับการกระทำต่างๆของชิจังในเรื่องนี้เหลือเกิน เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่คิดถึงแต่ตนเองเพียงเท่านั้น..แต่ก็เข้าใจว่าคนเรามีสิทธิเลือกและทำตามใจปรารถนา และเมื่อความรักไม่มีสีขาวหรือสีดำ แต่เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตที่ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด คนเราจึงมีสิทธิที่จะแสวงหาและเก็บโอกาสที่ดีที่มีไว้กับตัวของเราได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อความรักและความสุขสมหวังไม่ได้อาศัยแค่ความรู้สึกที่มีร่วมกันแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ยังต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและสิ่งต่างๆรอบตัวมาประกอบด้วย..ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสองต่างมีคนรักของตัวเองกันอยู่แล้ว..การกระทำดังกล่าวแม้เกิดจากความรัก แต่ก็ต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสม..และด้วยเหตุผลเช่นนั้น ทั้งสองผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดการกระทำนั้นขึ้น จึงต้องแก้ไขสิ่งเหล่านี้ และจัดการกับเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..โดยส่วนตัวคิดว่า เมื่อความรักเป้นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความรู้สึกอันเป็นเรื่องของหัวใจแล้ว มันจึงเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมและสั่งการได้ ความรักส่วนใหญ่จึงเกิดขึ้นตามธรรมชาติของมัน..และเหตุนี้เอง การมีความรักจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิด จะผิดหรือไม่ เหมาะสมอย่างไร ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมประกอบ..จึงไม่ใช่ความผิดของสองพี่น้องนี้แต่น้อยที่จะรักซึ่งกันและกันเช่นนี้..แต่อย่างไรก็ดี เมื่อทั้งสองต่างมีคนรักอยู่แล้วและการมีคนรักหลายคนในเวลาเดียวกันก็มิใช่เรื่องที่สมควรนั้น ทั้งสองจึงควรจะต้องเลือกว่าจะเก็บรักษาความรักอันใดเอาไว้ และต้องใจกว้างที่จะปล่อยอีกความรักหนึ่งให้หลุดลอยไปเพื่อแสวงหารักใหม่ มากกว่าที่จะมาเก็บความรักทั้งหมดเอาไว้ และทำร้ายความรู้สึกของคนที่เป็นคนรักของตัวเองเช่นนี้ เพราะนั่นคือความเห็นแก่ตัว..และเมื่อความรักที่มีต่อคนรักทั้งสองต่างไม่เท่าเทียมกัน การแสดงออกที่ไม่สมควรต่อคนที่รักน้อยกว่า ย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตามปกติธรรมดาของคน อันเป็นการกระทำผิดซ้ำสองต่อคนที่รัก(น้อยกว่า)นั้น นอกเหนือจากการกระทำที่เรียกว่านอกใจนั้นอีก

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ทั้งสองควรจะตัดสินใจว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรอย่างรวดเร็ว น่าจะดีกว่าการมานั่งสำนึกผิกและยังปล่อยให้เรื่องคาราคาซังเช่นนี้

ขอบคุณนะคะ ไรท์เตอร์..ขอยอมรับด้วยใจจจริงว่า เจอตอนนี้เข้าไปแล้ว ไม่ชอบชิจังจริงๆ..แต่นั่นก็เป็นเพียงมุมมองที่มีต่อเรื่องนี้ของชิจังเท่านั้นนะคะ อิอิ..และหวังว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายและจบโดยไว เหอๆๆ..เป้นกำลังใจนะคะ ไรท์เตอร์

fiction Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...