Human Again.
Rated: M
English - Horror/Romance
Alice & Claire R.
By : andella07/FanFiction.net
Translated to Thai : Anhy
Chapter 18 : Consequences.
ชายผิวสียื่นส่งมือของเขาให้อลิซใช้เพื่อช่วยพยุงตัวในการลงจากปีกเครื่องบินและเธอก็ยอมรับมัน
“ลูเทอร์ เวส..” เขาพูดขึ้นด้วยความสุภาพระหว่างที่เชคแฮนด์กัน
“อลิซ.. และนั่น..แคลร์..” อลิซโต้ตอบและพยักหน้าไปทางสาวผมแดงที่เดินเลี่ยงออกจากกลุ่มผู้รอดชีวิต อดีตโปรเจ็คนับจำนวนคนทั้งหมดได้ห้าคน หนึ่ง..ลูเทอร์ ที่เหมือนกำลังเล่นบทหัวหน้าทีม ชายที่สวมชุดยูนิฟอร์มทหาร น่าจะเป็นผู้ตาม ชายอีกสองคน คนหนึ่งมีผมที่ได้รับการดูแลอย่างดีและอีกคนเป็นชาวเอเชีย และตามมาด้วยสาวผมสีเข้ม
สาวรูปร่างดีเดินเข้ามาหาอลิซทางด้านข้างของคนอื่นๆและเอ่ยพูด “สวัสดี.. ฉัน..คริสตัล..”
“ไม่ต้องแนะนำตัวกันแล้ว.. คุณมานี่เพื่อช่วยเราใช่มั้ย..” ชายผู้มีเคราแพะถามและตามมาด้วยชายชาวเอเชีย “คุณช่วยเราออกไปได้ใช่มั้ยครับ..”
อลิซกำลังจมอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคำถาม แต่ความสนใจของเธอไม่ใช่กับกลุ่มผู้รอดชีวิตเหล่านี้ กระทั่งคริสตัลเอ่ยถามขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น
“คุณมาจากอาร์คาเดียใช่มั้ย..”
“คุณว่าอะไรนะ..” อลิซย้อนถาม ใช่แล้ว..พวกเขาได้รับความสนใจจากเธอเต็มที่เวลานี้
“คุณมาจากอาร์คาเดียใช่มั้ยคะ..” คริสตัลเอ่ยย้ำ
สาวเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลไม่สามารถเชื่อสิ่งนี้ได้ “คุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับอาร์คาเดีย..”
ชายชาวเอเชียและคริสตัลร่วมกันตอบคำถาม แต่ชายร่างเล็กพูดมันก่อน “พวกเขาบอกว่า เขาช่วยเราได้..”
“มีผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ความเจริญและปลอดภัย..” คริสตัลเอ่ยต่อ
“ไม่มีการติดเชื้อ..” ชายชาวเอเชียเอ่ยสรุป
จากนั้นชายผู้มีเคราแพะในชุดสูทสีดำก็เข้ามาหานักบินอีกครั้ง “งั้นพวกเขาก็ส่งคุณสองคนมาใช่มั้ย..”
“ไม่ใช่..” อลิซตอบพร้อมส่ายหน้า เธอรู้สึกหดหู่ที่ทำให้คนแปลกหน้าพวกนี้ผิดหวัง
“ไม่มีความช่วยเหลือเหรอ..” คริสตัลถามขึ้นอย่างหมดหวัง
อลิซไม่ต้องการจะพูดสิ่งนี้ เธอเหนื่อยที่จะพูดมัน “ฉันขอโทษ..”
ชายในชุดสูทหันหลังกลับและจากไปด้วยอาการไม่พอใจ ตามด้วยชายชาวเอเชียและคริสตัล สายตาของอลิซตรึงมองตามหลังสามคนที่จากไปขณะที่พวกเขาเดินผ่านแคลร์โดยไม่มีการสนทนากัน
ชายในชุดยูนิฟอร์มทหารปรากฏตัวขึ้นข้างลูเทอร์และเอ่ยขึ้นด้วยสำเนียงสเปน “พวกเขาคิดว่าคุณจะพาไปดินแดนแห่งสัญญานั่นได้ แองเจิ้ล ออร์ทิซครับ..” เขากล่าวขณะส่งมือให้เธอ อลิซเขย่ามือเขาอย่างเร็ว พร้อมแล้วที่จะเปิดบทสนทนาเกี่ยวกับอาร์คาเดีย แต่แองเจิ้ลยังพูดเรื่องของเขาต่อไปด้วยความสุภาพในน้ำเสียง “นั่นเป็นการบินที่ดีนะครับ..”
“ขอบคุณค่ะ..” อลิซตอบ ขณะที่ลูเทอร์มองไปยังชายคนนั้นและส่งเสียงกระแอมออกมา รอยยิ้มของแองเจิ้ลหายไป และลูเทอร์ก็ยืดตัวของเขามากขึ้น มันเป็นพฤติกรรมปกติของผู้ชายที่มักจะทำเวลาต้องการที่จะอยู่เหนือชายอีกคน
อลิซเข้าใจแล้วว่า หากเธอต้องการจะตอบคำถามอะไร มันจะต้องเป็นลูเทอร์ที่เป็นคนเอ่ยถามมันขึ้น แองเจิ้ลไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเรื่องนั้น ความซื่อสัตย์ นอบน้อมของเขาในคราวนี้เหมือนจะให้กับคนผิดคน โครงสร้างของคนมีอำนาจก็เหมือนคนอื่นทั่วๆไป ลูเทอร์เข้ามามีหน้าที่นี้ไม่ว่าพวกเขาจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม หากอลิซคิดจะอยู่ที่นี่ เธอจะต้องระวังว่าไม่ควรไปเหยียบเท้าของเขา แต่ผู้ชายคนนี้ ลูเทอร์ คล้ายจะค่อนข้างมีแนวโน้มที่จะกวนใจเธอมากกว่าคนอื่นๆที่นี่ เขามีกล้ามเนื้อใหญ่โตกว่าและมีอีโก้มากกว่าด้วย
“อืม.. พวกคุณรู้อะไรบ้างเรื่องอาร์คาเดีย..” อลิซถามลูเทอร์ด้วยความพยายามที่จะสุภาพที่สุด
“เราได้ยินแค่การส่งสัญญาณเพียงอย่างเดียว..”
อลิซนิ่งฟังอย่างตั้งใจ และนี่คงจะคล้ายกับว่าได้พิสูจน์ความรู้ข้อมูลของลูเทอร์ได้ “เราได้ยินการออกอากาศของพวกเขาทั้งอาทิตย์ อาหารและที่พักพิง ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย ไม่มีการติดเชื้อ.. ผมคิดว่าพวกเขาส่งคุณมา เราพยายามส่งสัญญาณไปเพื่อให้พวกเขาสนใจเรา..”
“ไม่มีใครเห็นสัญญาณไฟได้ที่อลาสก้าหรอก..” อลิซบอกเหตุผล
ลูเทอร์หัวเราะออกมา “อลาสก้าเหรอ..”
“ฉันอยู่ที่นั่น มันเป็นเมือง-เมืองหนึ่ง หรือที่ฉันคิดว่ามันเป็น..” เธอโต้ตอบทั้งที่ดูไม่แน่ใจในความคิดตัวเอง
“ผมไม่คิดอย่างนั้น..” ชายผิวสีเอ่ยแย้งและเดินไปยังริมขอบตัวตึกโดยไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาอีก เขายกมือขึ้นขอกล้องส่องทางไกลจากแองเจิ้ลที่เดินเข้าไปยืนข้างๆ มันบอกได้ชัดเลยว่าอลิซจะต้องเดินตามไปอย่างที่ทหารผู้ซื่อสัตย์คนนั้นทำ และมันก็ช่วยไม่ได้
ลูเทอร์ส่งกล้องส่องทางไกลให้เธอและชี้ไปทางทะเล อลิซรู้เลยทันทีว่ามันคืออะไร แต่เธอก็จำเป็นต้องเห็นมันให้ชัดเจนขึ้น เธอยกกล้องส่องทางไกลขึ้นระดับสายตาและเล็งโฟกัสไปยังภาพเบลอของของที่ลอยอยู่เหนือผืนน้ำที่ยังมีหมอกบดบัง จากนั้นมันก็ปรากฏ มันมีขนาดใหญ่มหึมา เรือสีแดง คำว่า “อาร์คาเดีย” ถูกเขียนไว้ตรงหัวของมัน เธอรู้สึกตกใจและจากนั้นก็ประทับใจกับสิ่งที่เห็น ด้วยเสบียงที่มากพอนั่น เคมาร์ทและคนอื่นๆคงสามารถรอดชีวิตอยู่ที่นั่นได้อย่างสบาย โดยปราศจากการถูกจู่โจมด้วยพวกซอมบี้
แต่มันก็ยังไว้ใจไม่ได้มากนัก ทำไมแคลร์ถึงไม่ได้อยู่บนเรือนั่นล่ะ แมลงนั่นต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้..
ชายผิวสีเอ่ยขึ้นอย่างวางอำนาจกับแองเจิ้ล “เล่นเทปให้เธอดูสิ..”
แองเจิ้ลดึงวิทยุขนาดพกพาของเขาขึ้นมาจากเสื้อกั๊กที่สวมทับอยู่และพูดขึ้น “ผมจับสัญญาณนี้ได้น่ะครับ..” จากนั้นก็กดปุ่มเล่น
เสียงจากอุปกรณ์ดังขึ้น"นี่คืออาร์คาเดีย, ออกอากาศบนความถี่ในกรณีฉุกเฉิน ที่นี่ไม่มีการติดเชื้อ เรามีความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยอาหารและที่พัก.."
“นั่นเป็นข้อความที่เราได้ยินเหมือนกัน พวกเขาจะต้องแล่นเรือลงมาตามชายฝั่งและพาผู้รอดชีวิตขึ้นไป..” อลิซเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกแน่ใจ
คำพูดเหล่านั้นได้ถูกเอ่ยซ้ำจากวิทยุนั่น มันถูกเน้นว่า “ไม่มีการติดเชื้อ” แต่อยู่ข้อความก็เงียบหายไปกะทันหัน ท้องไส้ของอลิซปั่นป่วนขึ้นทันทีและความหลังของเธอครั้งที่เธอจับสัญญาณการออกอากาศได้ที่ชายหาดร๊อคอะเวย์
“อะไร..” อลิซกลืนน้ำลายก่อนที่เธอจะถามต่อได้ “อะไรล่ะนั่น..”
“ผมก็ไม่รู้ มันเป็นการส่งสัญญาณครั้งสุดท้ายจากพวกเขา ที่หยุดไปแล้วเมื่อสองวันก่อน..” แองเจิ้ลตอบคำถาม
ช้าไปแล้ว – อย่าบอกนะว่า ฉันช้าไปแล้ว.. อลิซคิดขณะที่เธอขอตัวออกจากชายสองคน เธอจำเป็นต้องไปอยู่กับแคลร์ นาทีนั้นลูเทอร์กำลังพยายามที่จะหยุดเธอ
“เดี๋ยว..!” เขาออกคำสั่ง เห็นได้ชัดเลยว่าเขาชอบที่ควบคุมทุกอย่างไว้ แต่อลิซก็ไม่สนใจหรอกว่า สิ่งที่เธอทำให้จะทำให้เขาไม่พอใจ เธอเมินการกระทำของเขาและเดินยังจุดที่สาวผมแดงยืนรออยู่ตรงด้านหน้าของประตูทางเข้าของที่คุมขังแห่งนั้น
“แคลร์..” อลิซเอ่ยเรียกและพยายามที่จะดึงความสนใจกลับมาหาตัวเอง แต่เธอก็ยังคงต้องผิดหวังเพราะอีกฝ่ายไม่โต้ตอบกลับมา อลิซพยายามมองมันในแง่อื่น แคลร์ที่กำลังโกรธอยู่ ย่อมดีกว่าการที่ไม่มีแคลร์เลย “เรือนั่น..ตรงนั้นน่ะ..” เธอชี้มือระหว่างเอ่ยบอก “มันคือ..อาร์คาเดีย..”
สาวผมแดงทำลายบรรยากาศแห่งความเงียบในนาทีต่อมา “ฉันรู้..”
“เธอจำได้..?” ผู้มีอายุมากกว่าถามด้วยประหลาดใจ หากแคลร์สามารถจำมันได้ ก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาอื่นๆได้มากเลยทีเดียว
“ฉันจำชายหาดได้ มีคนกำลังเข้ามาช่วยพวกเรา..”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ ทำไมเธอถึงไม่ไปกับคนอื่นๆ..” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลสอบถามด้วยความจริงจัง
“ฉันไม่รู้..” แคลร์ตอบสั้นๆ
“เราต้องไปที่เรือนั้น..” อลิซเอ่ยขึ้นและในที่สุดมันก็สามารถทำให้แคลร์มองมาหาเธอ
“มันอะไรนักหนานะเธอ..”
อลิซขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความฉงนใจ ระหว่างที่คู่หูเอ่ยพูดต่อ
“เธอช่วยชีวิตทุกคนไม่ได้ – เธอไม่ควรต้องพยายาม..”
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลรู้สึกเหมือนถูกดูถูก “ฉันไม่ได้พยายามจะช่วยทุกคนนี่..” และแคลร์ก็ต้องสะดุดกับคำกล่าวต่อมา
“ฉันพยายามจะช่วยเพื่อนของเธอ..”
“ถ้างั้นมันก็เป็นความผิดของฉันสิ..” สาวอายุน้อยกว่าตอบโต้และแสดงความโมโหที่ดวงตาสีเขียว
“มะ.. ไม่ใช่.. ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น..” อลิซพยายามจะชี้แจงแต่ทันใดนั้น ลูเทอร์กับแองเจิ้ลก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของพวกเธอ และชายผิวสีก็เอ่ยพูดกับเธอสองคนด้วยท่าทางโปรยเสน่ห์
“มากับผมเถอะครับ คุณผู้หญิง อาหารค่ำพร้อมเสริฟแล้ว..”
แคลร์หักเหสายตาออกจากอลิซทันทีและเดินผ่านประตูเข้าไปโดยไม่เหลียวหลังมองกลับมาสักวินาที และระหว่างที่ลูเทอร์เข้าไปเดินร่วมทางด้วย รอยยิ้มอย่างพึงใจก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขา แองเจิ้ลเดินตามเขาไป ทิ้งเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไว้ตามลำพังบนหลังคาดาดฟ้า นิ้วมือข้างขวาของเธอกำเป็นหมัดแน่น การเดินจากไปของแคลร์ยังติดอยู่ในสายตาของอลิซ
อดีตโปรเจ็คหันไปให้ความสนใจกับเครื่องบินของตัวเอง เธอเดินรอบส่วนหน้าของมัน จับหมุนใบพัดอย่างพิจารณา มันเหมือนไม่ได้เป็นอะไร ดังนั้น เธอจึงเริ่มเก็บสัมภาระของเธอ รวมถึงของแคลร์ด้วย ก่อนที่เธอจะเดินออกจากจุดนั้นไป สายลมสงบลงและในนาทีนั้น เธอก็สามารถได้ยินเสียงโหยหวนจากซอมบี้ด้านล่างที่พยายามดิ้นรนจะขึ้นมาหาพวกเธอ เสียงครวญครางอย่างผิดหวังของพวกมัน คล้ายกับเป็นภาพสะท้อนของอะไรบางอย่างกลับมายังตัวของเธอ การลงจอดเครื่องบินอย่างบ้าระห่ำของอลิซและผลต่อเนื่องที่ตามจากการกระทำนั้น
To be continue….
1 ความคิดเห็น:
มาถึงบนดาดฟ้าสถานกักกันด้วยความฉุกละหุก แถมอลิซยังโดนแม่สาวผมแดงโมโหใส่อีก เรื่องมันต่อมาจากตอนที่แล้ว.. ที่อลิซไปทำอะไรกับแคลร์แล้วเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น.. แล้วแถมยังร่อนเครื่องบินลงดาดฟ้าแคบๆโดยไม่สนใจความรู้สึกหรือชีวิตของใครที่นั่งอยู่บนเครื่องบินเล็กนั่นเลย.. เหอๆๆๆ
แล้วคราวนี้มาเจอกับใครอีกล่ะ เหล่าผู้รอดชีวิต แถมมีใครบางคนยังเห็นแก่ตัวอีกด้วยสิ แล้วก็มีผู้ชายสูงล่ำที่ดูเหมือนว่าจะสนใจอลิซมากๆซะด้วย แสดงท่าทางเป็นผู้นำซะจนน่าหมั่นไส้.. ผู้หญิงเค้าไม่ชอบผู้ชายขี้อวดหรอกนะ มันดูจะน่ารำคาญไปด้วยซ้ำ.. ฮ่าๆๆๆ
และแล้วความจริงของอาร์คาเดียก็กระจ่างสู่สายตาอลิซ คิดอยู่ตั้งนานว่าอาร์คาเดียอยู่อาลาสก้า น่าสงสารจริงๆที่อุตส่าห์ขับเครื่องบินไปซะไกล.. แต่ถ้าไม่ไปที่นั่นก็คงไม่ได้เจอแคลร์และพามาด้วยกันจนเกิดเรื่องหลายๆอย่างขึ้นหรอกเนาะ.. อิอิ.. ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้วกัน..
สุดท้ายแระ.. ขอให้อลิซง้อแคลร์ได้สำเร็จซะที เอาใจแคลร์ซะบ้าง สนใจแคลร์ซะบ้าง สนใจให้มากกว่าคนอื่น เพราะแคลร์ต้องการแค่อย่างเดียว.. ก็คืออลิซเองนั่นแหละ.. อิอิ
ขอบคุณนะคะ.. อ่านเพลิน เม้นท์มันก็เลยอาจจะยาวไปหน่อย หวังว่าคงไม่ทำให้ใครตาลายไปนะคะ อิอิ.. แล้วมาอีกนะ ข้าพเจ้ารออยู่เสมอเลย.. ^^
แสดงความคิดเห็น