Human Again.
Rated: M
English - Horror/Romance
Alice & Claire R.
By : andella07/FanFiction.net
Translated to Thai : Anhy
Chapter 17 : Dauntless.
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา ที่ดวงตะวันขึ้นก่อนที่อลิซจะลุกขึ้นจากที่นอน เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงงเล็กน้อยก่อนที่จะระลึกได้ว่าอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืน และนั่นก็เพราะว่ามีแคลร์กับร่างกายที่ปราศจากเสื้อผ้าของเจ้าหล่อนนอนอยู่เคียงข้างตัวเธอ คือคำตอบของทุกสิ่งที่เธอสมควรอย่างมากที่จะรู้ แต่ก็ยังมีอีกอย่างที่ยังจำเป็นอยู่ พวกเธอต้องโยกย้ายตัวเองออกจากที่นี่ เพราะนี่ก็ถือได้ว่า มันเกินเวลาตามตารางการเดินทางที่เจ้าของเรือนผมน้ำตาลกำหนดเอาไว้มาแล้วหนึ่งวัน อลิซจึงตัดใจสินปลุกอีกฝ่ายด้วยจุมพิตของเธอ
“อรุณสวัสดิ์..” แคลร์เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เราช้ากันไปหน่อยแล้วนะ..” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเอ่ยขึ้นพร้อมกับที่รีบรุดลุกจากเตียงและเริ่มรวบรวมเก็บของของเธอ คล้ายไม่สนใจสิ่งใด สาวผมแดงลุกขึ้นตามหากแต่ยังคงอยู่ในท่าเท้าข้อศอกบนที่นอนด้วยความรู้สึกฉงนใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“บางคนกำลังรีบอยู่.. ฉันเข้าใจ..” แคลร์เอ่ยต่อและรู้ดูว่าจะได้อะไรกลับมาบ้าง
อลิซพยักหน้าพร้อมกับสิ่งตอบรับอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก และมันก็เป็นผลให้คิ้วเรียวของแคลร์เริ่มขมวดเข้าหากันมากขึ้นกว่าเดิม กระทั่งเธอรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร อลิซต้องการระยะห่างระหว่างกัน แคลร์ก็รู้สึกแล้วว่าเธอเหนื่อยกับการที่จะต้องแปลความหมายกับการกระทำของคนตัวสูงกว่านั่นหรือว่าจะเป็นเกมส์ใดๆ อลิซให้ระยะห่างเธอมาหนึ่งนิ้ว จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นหนึ่งไมล์ สิ่งเดียวที่เธอต้องการก็คือการตื่นขึ้นมาภายในวงแขนของอลิซ ใช้เวลาด้วยกันโดยปราศจากการห่วงใยถึงอนาคต เพราะว่า..ไม่ว่าอะไรก็ตามที่มันจะเกิดขึ้น พวกเธอก็จะต้องเผชิญหน้ากับมันด้วยกัน หรือมันไม่ใช่
“เธอจะมาด้วยใช่มั้ย..” อลิซถามเมื่อเธออยู่ในชุดเตรียมพร้อมแล้วที่จะไป หากแต่คำถามที่ถูกเอ่ยขึ้นมานี้เหมือนจะบอกให้แคลร์ตอบว่า “ไม่” เธอรู้ว่ายังไงซะเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลจะไม่จากไปไหนโดยไม่มีเธอ แต่เธอจะต่อสู้กับไฟด้วยไฟ ถ้าอลิซต้องการระยะห่าง ก็จะได้ระยะห่างนั่นไปตามแต่ใจ
เธอทั้งสองอยู่ภายใน Douglas SBD บินต่อไปโดยปราศจากความหวั่นกลัวไปยังทิศใต้
อลิซเปิดสวิตซ์เครื่องบันทึกภาพของเธอเพื่อบันทึกวิดิโอเทปม้วนใหม่ “6 พฤษภาคม 1150 ชั่วโมง ออกจากชายหาดร๊อคอะเวย์ มุ่งหน้าไปยังเมดฟอร์ด,ซานฟรานซิสโก จากนั้นก็แวะเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเล็กน้อยที่ลอสแองเจลลิส..” เธอปิดสวิตซ์เครื่องบันทึกภาพและชำเลืองมองด้านหลังตัวเอง แคลร์กำลังมองไปนอกหน้าต่าง เหมือนกำลังเหม่อลอย
หลายชั่วโมงผ่านไป แต่มันก็ให้ความรู้สึกว่ามันยาวนานอย่างไม่มีทางจบสิ้น สาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลมองนาฬิกาของเธอ หลังจากที่เพิ่งจะเช็คมันไปเพียงครึ่งนาทีที่ผ่านมา แคลร์ไม่พูดอะไรออกมาสักคำตั้งแต่เริ่มออกเดินทางกระทั่งเวลานี้ และมันก็เป็นเรื่องที่อลิซรู้สึกกังวล
“ฉันทำอะไรผิดเหรอ..”
“เปล่า..” สาวผมแดงตอบทันทีทั้งที่ไม่ได้หันกลับมาจากการมองออกไปด้านนอก ยังพื้นดินใต้ล่างเครื่องบินที่นั่งมา อลิซส่งเสียงถอนหายใจ เพราะการโต้ตอบแบบนี้มันขัดแย้งกันในความรู้สึกของเธอ แต่เธอก็ไม่รู้ว่า มันคืออะไร
หล่อนบอกว่า..เปล่า แล้วทำไมหล่อนไม่แม้แต่จะมองหน้าฉันเลยล่ะ..
มันใกล้จะเป็นเวลา 1800 ชั่วโมงแล้ว เมื่อลอสแองเจลลิสปรากฎขึ้นมาตรงขอบฟ้า กลุ่มควันสีดำลอยขึ้นมาจากเมืองนั่น เมืองใหญ่คล้ายกับว่า ได้ถูกเผาอยู่ตลอดเวลาและด้วยลักษณะของตึกที่เป็นเช่นนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ครึ่งเมืองนั้นคล้ายถูกทำลายลงไป
“เมืองแห่งนางฟ้า..” อลิซเอ่ยอย่างขื่นขมกับตัวเอง สิ่งก่อสร้างตึกแล้วตึกเล่าที่กระจกแตกร้าว กำแพงแตกสลายและเผาไหม้ คราบเลือดเก่าๆกระจัดกระจายทั่วไป ตรงจุดนั้นไม่มีซอมบี้เลยสักตัว จนกระทั่งพวกเธอบินผ่านมาจนเกือบจะถึงใจกลางเมือง ที่ที่พวกมันกำลังรวมตัวกันอยู่รายรอบตึกขนาดใหญ่
“ฉันไม่อยากเชื่อเลย..”
“อะไร..”
“ตรงนั้นน่ะ..” สาวผมน้ำตาลตอบพร้อมส่งสัญญาณออกไปภายนอกกระจก ยังตึกที่มีคำเขียนไว้ว่า “ช่วยพวกเราด้วย” ตรงดาดฟ้าด้วยสิ่งของบางอย่างที่เป็นสารสีขาว
เจ้าของเส้นผมยาวสีแดงมองเห็นการโบกไปมาของผู้รอดชีวิตนั่นที่กำลังเรียกร้องหาความสนใจ
อลิซร่อนต่ำลงและบินวนรอบตึกนั่น “ไม่มีทางที่จะเราจะเข้าไปที่นั่นได้..”
คุกแห่งนั้นถูกรายล้อมด้วยซอมบี้นับพันที่กำลังต้องการอาหารของพวกมันที่อยู่ด้านใน หากแต่แคลร์ก็สามารถเห็นได้ถึงความบ้าบิ่นในสมองของอลิซ
“เธอต้องล้อเล่นแน่ๆ เรื่องที่จะลงจอดตรงนั้น..”
เจ้าของร่างสูงกว่าบินวนกลับอีกครั้งและมุ่งหน้าตรงไปยังดาดฟ้าหลังคาตึกด้วยการร่อนต่ำลงเรื่อยๆ ผู้รอดชีวิตที่นั่นรับรู้ความหมายของสัญญาณนี้ พวกเขาจึงจัดการเตรียมที่ลงจอดให้เธอ
“นี่มันอาจจะดูหยาบคายไปนิดนะ..” อลิซพูดขึ้นพร้อมหมุนหัวไหล่ของเธอเพื่อเตรียมตัวในการลงจอด
“อลิซ – หยุดนะ ! คิดอีกทีได้มั้ย..” แคลร์ขอร้อง แต่อลิซก็เหมือนจะหูหนวกไปแล้วที่จะรับรู้เหตุผลใดๆ เธอได้ทำการเตรียมลงจอดอย่างสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลดึงคันบังคับกลับมา เพื่อชะลอความเร็วของเครื่อง หากแต่เธอตัดสินใจพลาดไปและเครื่องบินก็บินต่ำลงมากไปจนดูอันตราย
แต่ด้วยการจัดการคันบังคับใหม่อีกครั้ง อลิซก็สามารถดึงหัวเครื่องบินให้ขึ้นมาใหม่ได้และพวกเธอก็แล่นลงบนหลังคาดตึกได้สำเร็จ
แคลร์ยันตัวเองไว้ในขณะที่ล้อสัมผัสกับหลังคา กระแทกเพียงไม่กี่ครั้ง และชนทำลายข้าวของบางอย่างด้านบนนั่น อลิซพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เครื่องหยุดวิ่ง แต่เธอก็รู้ว่ามันยังไม่พอ เครื่องบินแล่นอย่างรวดเร็วออกนอกหลังคาตึก แต่เมื่อล้อที่ใช้ลงจอดถูกรั้งไว้ด้วยสายเคเบิ้ลก็คล้ายกับมันจะสามารถลดความเร็วของเครื่องได้มากพอที่จะไม่ตกลงจากตึกนั่น
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลปล่อยลมหายใจของเธอออกมา กระทั่งรู้สึกว่าเครื่องบินเกิดอาการโคลงเคลง เครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักมากด้านหน้ากำลังทำให้เครื่องบินลำนี้เสียการทรงตัว
ซึ่งในจุดนี้อดีตโปรเจ็คก็ได้รู้ว่า ไม่อะไรที่จะสามารถช่วยพวกเธอได้นอกจากโชคชะตา แคลร์อ้าปากค้าง ขณะที่อลิซปิดตาแน่น เพื่อจะรับรู้ถึงนาทีของการตกของพวกเธอ
นาทีนั้นกลับไม่เกิดขึ้น ผู้รอดชีวิตร่างใหญ่ที่สุดในหมู่หลายคน ซึ่งดูว่าน่าจะเป็นนักกีฬาได้กระโดดขึ้นมาจับหางของเครื่องบินไว้ น้ำหนักของเขาและอีกสองคนที่ตามมาสบทบในเวลาต่อมา สามารถดึงเครื่องบินของเธอให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยกว่าบนหลังคานั้นได้ ห่างไกลจากขอบดาดฟ้า
แคลร์ไม่อยากเชื่อเลยว่า พวกเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอคงจะภูมิใจกับมัน หากว่าอะดีนาลีนในร่างกายไม่รบกวนเธอให้จัดการกับอลิซ
“แค่เพราะเธอไม่สนใจเลยกับความสำคัญของชีวิตเธอเองและตัวของฉัน นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันก็จะต้องเป็นไปด้วย คราวหน้าถ้าเธอจะทำอะไรที่เสี่ยงตายแบบนี้อีกล่ะก็ ช่วยเอาฉันออกไปก่อนได้มั้ย..” แคลร์พูดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกขื่นขมและรอจนกว่าอีกฝ่ายจะเปิดทางให้เธอได้ออกจากจุดนี้ไป
สาวร่างสูงกว่าเปิดกระจกออกและพาตัวเองออกไป แคลร์ทำตามอย่างอย่างรีบร้อน ชายผิวสีซึ่งเป็นคนที่ช่วยให้เครื่องบินยังคงอยู่ได้มองขึ้นมาหานักบิน
“ลงจอดได้สวยนี่ครับ..” เขาเอ่ยขึ้น
อลิซมองดูสาวผมแดงกระโดดออกจากเครื่องปีกเครื่องบินและเดินจากไปพร้อมสายตาที่มองเธอกลับมาอย่างที่ให้ความรู้สึกไม่ดีนัก
“แต่ในทางเทคนิค.. เค้าเรียกว่า..ความผิดพลาดและเผาไหม้ มากกว่านะ..” เธอเอ่ยตอบ
แต่ไม่ได้หมายความถึง..เครื่องบิน..
To be continue….
1 ความคิดเห็น:
ฮัลโหลๆๆๆ.. ข้าพเจ้าคนเดิมตามมาอ่านอย่างรวดเร็ว.. ฮ่าๆๆๆ
นั่นไง.. อลิซ.. เอาอีกจนได้ เธอเป็นอะไรของเธอนักหนานะ.. ได้เค้าแล้วก็ทำแบบนี้น่ะเหรอ แคลร์จะไม่น่าสงสารไปหน่อยเหรอเนี่ย เข้าใจความู้สึกคนอื่นบ้าง มองคนอื่นบ้างว่าเค้าจะรู้สึกยังไง.. ถ้าเธออยากจะรักษาระยะห่างเอาไว้มากขนาดนั้นก็ไม่น่าทำให้เรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อยนะ.. มันเสียมารยาท มันเหมือน.. ฟันแล้วทิ้งน่ะ.. เหอๆๆๆ
ความบ้าระห่ำของอลิซเรารู้ดีนะ เมื่อก่อนเค้าก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้เค้าก็ยังเป็นอยู่ ก่อนหน้านี้แคลร์น่าจะรู้ เพราะรู้จักกันมาก่อน.. แต่ที่แสดงท่าทางของความหงุดหงิดออกมาหลังจากที่อลิซเอาเครื่องลงบนดาดฟ้าแล้วนั่น มันก็เพราะแคลร์ความจำเสื่อม แถมยังโมโหเรื่องก่อนหน้านี้อีก.. เป็นข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็โมโหนะ.. ฮ่าๆๆๆ.. อะไรก็ไม่รู้ เมื่อคืนยังเล่นกันดีๆ พอเช้ามาทำห่างเหินซะงั้น.. อลิซบ้า.. ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณนะคะไรเตอร์ สนุกมากค่ะ แล้วก็อยากจับอลิซมาตีก้นซะงั้นเข็ด.. ฮ่าๆๆๆ.. แล้วมาต่ออีกนะคะ ข้าพเจ้ารออ่านเสมอค่ะ.. ^^
แสดงความคิดเห็น