2553-12-27

Human Again Ch.16-Resident Evil Fiction.[TH]




Human Again.

Rated: M

English - Horror/Romance

Alice & Claire R.

By : andella07/FanFiction.net

Translated to Thai : Anhy


Chapter 16 : Slow Burn.

สายลมที่กรรโชกแรงมาอย่างกะทันหัน ทำให้อลิซต้องพยายามทำให้เท้าทั้งสองของเธอยึดมั่นกับพื้นในขณะที่เดินออกไปด้านนอกบ้านเพื่อหาเศษไม้เล็กๆ ที่เธอรู้ดีว่ามันอยู่ทางด้านทิศใต้ เมื่อถึงที่นั่น เธอมองดูกองเศษไม้นั้นอย่างพิจารณา เพื่อจะเลือกว่าแบบไหนที่จะสามารถเอาไปใช้ได้ดีสำหรับการก่อไฟ และตัดสินใจได้ว่า เศษไม้ที่อยู่ชั้นล่างไม่มีทางที่จะติดไฟได้ดีกว่าที่อยู่ด้านบน เธอเก็บท่อนไม้ที่จะเอาไปใช้สำหรับทำเชื้อฟืน จนได้เจอเศษไม้เล็กกว่าที่อาจจะใช้ได้ดีในการขึ้นกับเตาผิง เธอระมัดระวังในการใช้สองแขนประคองท่อนไม้หลายขนาดนั่น เพื่อไม่ให้มันมาสัมผัสกับปืนของเธอ อดีตโปรเจ็คไม่ได้สวมเสื้อกั๊กที่มีที่เก็บอาวุธ เกราะแขน หรือซองเก็บอาวุธปืนสี่กระบอกของเธอ แต่ในเมื่อเธอมีความรู้สึกไม่ดีที่อยู่อย่างไร้อาวุธ เธอจึงยังเลือกพกปืนไว้ที่เอวของเธอแทน

อลิซเงยหน้ามองดูท้องฟ้าอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินเข้าไปยังตัวบ้าน อากาศทั้งวันนี้ดูเหมือนจะมีแต่ความอึมครึม แต่เวลานี้ก้อนเมฆได้ถูกแต่งแต้มด้วยสีเขียวและก่อตัวหนาขึ้นทุกที เป็นสัญญาณว่ามันจะต้องเกิดพายุใหญ่อย่างแน่นอน

ในการประคองของสองแขนครั้งหนึ่ง อลิซนำไม้สี่ชิ้นที่มีขนาดเท่ากับปลายแขนของเธอบรรจุมา พร้อมด้วยเศษไม้เล็กๆและอีกสามท่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งเธอหวังจะใช้มันในตอนสุดท้ายสำหรับเตาผิง เมื่ออลิซก้าวเข้ามายังห้องนอนใหญ่ เธอค่อยแง้มประตูออกด้วยบ่าข้างหนึ่ง บรรยากาศของห้องถูกฉาบไว้ด้วยแสงแดดของเวลายามเย็นที่สาดส่องเข้ามา ภายในห้องที่มีแสงอันนวลตานั้นทาทุกอย่างเอาไว้ มีสาวสวยเจ้าของเรือนผมยาวสีแดงยืนอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่โดยหันหลังให้อลิซ

เสื้อผ้าชุดเก่าของแคลร์ที่เปียกน้ำถูกกองเอาไว้บนพื้นและเวลานี้เธอจึงมีเพียงเสื้อคามิตัวเก่าของเธอกับชุดชั้นในสีดำ เส้นผมสีเข้มที่เปียกชุ่มของเธอ เวลานี้คลายเป็นผ้าม่านวางรอบกรอบหน้าของเธอเอง ระหว่างที่เธอเอื้อมมือไปยังเตียงเพื่อหยิบกางเกงสีเทา ภาพเงาของสาวอายุน้อยกว่า แสดงให้เห็นเด่นชัดในสายตา เมื่อมีการมาของพายุด้านหลังเธอ เป็นผลให้อลิซหยุดนิ่งชะงัก

เสียงฝีเท้าของสาวร่างสูงกว่าถูกกลบเกลื่อนด้วยเสียงลมพัดจากด้านนอก สาวผมแดงจึงไม่ได้ยินสิ่งใด เธอแต่งตัวต่ออย่างไม่รู้สึกถึงความเกร็ง แคลร์นำขาเรียวยาวของเธอสอดเข้าในขากางเกงทีละข้างและค่อยๆนำมันขึ้นจากด้านล่างผ่านส่วนโค้งอันงดงามตรงต้นขาและสะโพก อลิซเอียงตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อเธอจะสามารถมองเห็นภาพวิวอันน่ามองนั่นได้ชัดขึ้น แต่จากนั้นเธอก็ถูกบังคับให้ตั้งตัวตรงขึ้น เมื่อสาวผมแดงแสนสวยนั่นจัดการติดกระดุมกางเกงของเจ้าหล่อนเสร็จและเริ่มหันกลับมา ทันใดนั้น ท่อนฟืนขนาดหนักกว่าท่อนอื่นๆก็ขยับออกจากการประคองของสองแขนของสาวร่างสูงกว่าและเธอก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้มันหล่นลง ท่อนฟืนพาน้ำหนักอันหนักอึ้งหล่นลงใส่เท้าของอลิซอย่างรวดเร็วตามแรงดึงดูดของโลก ซึ่งตามปกติแล้ว รองเท้าบู๊ตของเธอจะสามารถกันแรงกระทบอะไรทำนองนี้ได้อย่างดี แต่ครั้งนี้แรงตกกระทบนั่น ส่งตรงลงกับนิ้วหัวแม่โป้งเท้าพอดิบพอดี เสียงหล่นของมันทำให้แคลร์หันมามองอย่างประหลาดใจ

โอ้ว..FUCK !” สาวร่างสูงกว่าตะโกนสบถออกมาทันที

อลิซ ! ฉันไม่รู้ว่าเธออยู่นี่.. เป็นอะไรมั้ย.. สาวผมแดงเอ่ยออกมาอย่างเห็นใจ ระหว่างที่เธอเห็นอีกฝ่ายแสดงทีท่าเจ็บปวดขณะค่อยๆเคลื่อนตัวไปยังเตาผิงด้วยความระวังที่จะไม่ให้ของหล่นจากอ้อมแขนอีก

แคลร์หยิบท่อนฟืนที่หล่นขึ้น ท่อนฟืนนั้นไม่ได้ใหญ่มากน้ำหนักขนาดเพียงประมาณสิบปอนด์เท่านั้น เธอพาตัวเองมาที่เตาผิงอิฐที่อลิซกำลังมองอยู่ สาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลจัดการกับฟืนที่หามาได้ จัดตำแหน่งของมันเพื่อให้แน่ใจว่าเธอสามารถติดไฟได้ ทั้งยังพิจารณาอย่างระมัดระวังไม่ให้เชื้อเพลิงที่เธอจะใช้ในการก่อกองไฟมาทำอันตรายกับตัวเองและสถานที่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างน่าจะปลอดภัย เธอจึงนำไม้ขีดออกมาจากกระเป๋า จุดมันหนึ่งก้านและนำไปยังเตาผิง พอไฟติดจึงหยิบเศษยางและเชื้อไฟลงไปใส่เพื่อเพิมแรงไฟให้มากขึ้น เพราะแค่ไม้ขีดอย่างเดียวคงจะไม่พอที่จะทำให้เกิดไฟที่ให้ความร้อนในทันทีกับอากาศแบบนี้

ด้วยเสียงแตกของเชื้อไฟกับยางไม่กี่ครั้ง และการเกิดของแสงไฟที่ถูกจุดขึ้น ควันสีดำจางๆก็เกิดขึ้นตามมาตัดกับแสงสีส้มของเปลวไฟเล็กๆ และด้วยออกซิเจนจากลมหายใจของอลิซ เปลวไฟเล็กๆนั่นจึงบังเกิดเป็นกองไฟที่ให้ความร้อน จากนั้นก็เป็นเวลาที่ท่อนฟืนจะได้ทำหน้าที่ของมันในการรักษาความร้อนนี้ไว้

ฉันน่าจะไปเอาฟืนมาอีกสักหน่อยนะ เธออยู่ได้ใช่มั้ย.. อลิซถามขึ้นอย่างพอจะเดาได้ว่า สาวสวยผมแดงคงจะต้องการที่อยู่เพื่อเพลิดเพลินกับความร้อนจากเตาผิงนี้มากกว่าออกไปข้างนอก

มีไฟให้ผิงแบบนี้แล้ว.. ฉันก็โอเค.. แคลร์ตอบอย่างรื่นเริง

ลมเริ่มแรงขึ้นขณะที่อลิซหวนกลับไปยังที่เก็บฟืน เธอมองไปยังปล่องไฟจนกระทั่งเห็นได้ว่าควันยังออกมาแต่หายไปอย่างรวดเร็วเพราะแรงลมพัด นั่นก็หมายถึงว่าทั้งสิ่งไม่มีชีวิตและมีชีวิตอาจจะรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเธอ

ครั้งนี้ที่เธอออกมาด้านนอกบ้าน เธอสามารถรับรู้ถึงกลิ่นของฝนจากทางไกล แต่มันก็ยังไม่ตกจนกระทั่งเธอเก็บฟืนมาได้แล้วชิ้นที่สี่ และเธอก็ได้รู้ว่า เธอกำลังถ่วงเวลาอะไรบางอย่างอีกครั้งแล้ว อลิซถอนหายใจออกมาอย่างเป็นทุกข์และเอ่ยพูดดังๆกับตัวเองท่ามกลางสายลมแรงที่พัดมาจากที่ไกลๆ

เธอบอกว่า.. เธออยากจะอยู่ใกล้เค้า แต่พอเธอมีโอกาส เธอวิ่งหนี... ฉันเป็นบ้าอะไรเนี่ย.. เธอถอนหายใจอีกครั้งและเริ่มเก็บฟืนต่อ ด้วยความคิดว่าให้มันมากพอที่เธอจะไม่ต้องออกมาเก็บมันอีก

อลิซเดินกลับเข้ามาในห้องนอนใหญ่ สาวผมแดงเอ่ยทักขึ้น

เฮ้..ฉันเริ่มจะสงสัยว่า เธอจะอยู่ข้างนอกนั่นทั้งคืนรึเปล่า..

สาวร่างสูงกว่าจัดเรียงกองฟืนของเธอเป็นชิ้นสุดท้าย แต่เธอไม่รู้เลยว่าจะโต้ตอบอีกฝ่ายอย่างไร เธอจึงได้แต่นิ่งเงียบ ตรวจเช็คเศษไม้ในเตาผิง จากนั้นก็หันหลังกลับมาแล้วตัดสินใจว่าจะนั่งตรงไหนดี ใกล้อีกคนนึงดีหรือไม่

มานี่สิ.. มีใบไม้ติดผมน่ะ.. แคลร์บอกออกมาพร้อมรอยยิ้ม พลางเคาะพื้นใกล้ๆตัวเธอ

แล้วการตัดสินใจก็จัดการมันให้เธอ อลิซนั่งขัดสมาธิในขณะที่สาวผมแดงหยิบใบไม้แห้งออกจากผมของเธอให้ด้วยมือข้างที่พันผ้าผันแผลใหม่แล้วหลังจากที่อันแรกถูกเอาออกหลังจากการว่ายน้ำ หล่อนใช้ปลายนิ้วเกี่ยวกับใบไม้ไว้และโชว์มันให้อลิซดู

เห็นมั้ย.. บอกแล้ว..

ขอบใจนะ.. อลิซพึมพำตอบอย่างอายๆและหันหน้าไปหาความอบอุ่นของไฟ มันแทรกซึมสู่ผิวกายของเธอและไล่ความเย็นจากการว่ายในน้ำเย็นจัดนั่น

ทันใดนั้นลมหอบใหญ่ก็พัดเข้ามาปะทะกับตัวบ้าน อดีตโปรเจ็คนำมือของเธอข้างหนึ่งจับปืนลูกโม่ของเธอไว้ ในขณะที่แคลร์ยังคงอยู่ข้างๆเธอ ไม่กี่นาทีของความตึงเครียดที่เกิดขึ้น เสียงดังสนั่นก็สั่นคลอนบ้าน ก่อนหน้าที่จะมีประกายแสงแว่บออกมา แคลร์กระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของอีกคน ห้องถูกจุดให้สว่างขึ้นด้วยประกายแสงนั้นที่มาตัดกับแสงสีส้มจากเตาผิง และในทันทีที่สายลมอีกหอบปะทะตัวบ้าน ท้องฟ้าก็ปล่อยสายฝนลงมา

เสียงฟ้าผ่าครั้งแรกไม่ได้ถูกตามมาด้วยเสียงดังสนั่นในแบบเดียวกันในครั้งต่อมา พายุเคลื่อนตัวไปอย่างว่องไว พร้อมสายฝนและลม ทิ้งไว้เพียงไฟแล่บกับแสงของฟ้าผ่าเล็กๆ แต่ระหว่างนั้น แคลร์ก็ยังคงนั่งอยู่บนตักของอลิซ โดยหันแผ่นหลังเข้าหาด้านหน้าของตัวเธอ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลใช้สองแขนของเธอโอบรอบเอวแคลร์ไว้ ขณะที่นิ้วเกี่ยวกันอยู่บนตักของแคลร์ ความใกล้ชิดเช่นนั้น ทำให้สาวร่างสูงกว่าสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายที่ของความตื่นตระหนกจากสาวอายุน้อยกว่าเพราะพายุที่พัดผ่านไป

โอเครึเปล่า.. อลิซถามขณะที่เธอจุมพิตเบาๆบนศีรษะของอีกฝ่าย

แคลร์พยักหน้าน้อยๆ เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากแล้วหลังจากที่กลัว ด้วยความช่วยเหลือของอีกคน ท้องไส้ของเธอรู้สึกถึงอาการบิดมวนอย่างน่าประหลาดระหว่างที่ถูกนิ้วของอีกฝ่ายไล้เบาๆที่มือทั้งสองข้าง ด้วยกองไฟด้านหน้าของตัวเธอและความร้อนจากร่างกายอลิซที่ให้ความอบอุ่นที่แผ่นหลัง เธอรู้สึกมากกว่าที่จะเรียกได้ว่า อบอุ่น เธอกำลังถูกเผา

แคลร์หวนคิดถึงจูบแรกของเธอทั้งสองที่ชายหาดและครั้งที่สองที่สนามบิน ครั้งแรกมันไม่นานพอและครั้งที่สองมันเกิดมาจากความเจ็บปวด แต่ทั้งสองครั้งนั่น ทำให้เธอต้องการครั้งที่สาม สาวผมแดงขยับตัวออกจากอ้อมแขนของอลิซเล็กน้อย และหันศีรษะมาเพื่อประทับริมฝีปากตัวเองกับของเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล ส่วนคนอายุมากกว่าระหว่างที่ไม่ทันตั้งตัว เธอรีบฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว แคลร์สัมผัสแค่เพียงภายนอกขณะที่อลิซยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อประคองใบหน้าเธอและบรรจงมอบจุมพิตลึกล้ำ ปลายลิ้นของอลิซเริงร่าอยู่เหนือซี่ฟันของอีกฝ่าย ทั้งสองจุมพิตกันอย่างต่อเนื่องทั้งที่แคลร์ยังคงอยู่ในท่าเดิมที่หันข้างเข้าหาอลิซ จนกระทั่งหลายนาทีผ่านไป การหายใจของพวกเธอติดขัดและผิวกายร้อนผ่าวขึ้น

หัวใจของสาวผมแดงเต้นแรงจนกระทั่งได้ยินเสียงของมันภายในหูขณะที่เธอพักการจุมพิตแต่ไม่มีทางที่เธอจะพร้อมที่จะหยุดมัน โดยไม่ละสายตาออกจากกัน เธอขยับตัวออกจากการประคองของอีกคน งอเข่าและนั่งลงบนตักของอลิซ

สาวร่างสูงกว่ารู้สึกได้ถึงสองมือของแคลร์ที่ประคองสองแก้มของเธอ ขณะที่หล่อนพาริมฝีปากมามอบจุมพิตอีกครั้ง อลิซกอดรัดสาวผมแดงแน่น ความปรารถนาของพวกเธอเพิ่มขึ้นพร้อมความนาทีแห่งความเร่าร้อนของความพึงพอใจ

สาวอายุน้อยกว่าพร้อมแล้วกับอะไรที่มากกว่านี้ เธอปรารถนาที่จะรู้สึกถึงผิวกายของอลิซ เธอจึงนำมือข้างหนึ่งขึ้นมาสัมผัสกับสะโพกซ้ายของอีกฝ่ายและแทรกเข้าภายใต้เสื้อ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหายใจแรงขึ้นขณะที่มือของอีกคนสัมผัสผิวกายของเธอโดยตรง การเดินทางสำรวจของมือนั้นเลื่อนขึ้นมาจนถึงกระดูกซี่โครงของอลิซริมขอบเสื้อผ้าที่ปกคลุมหน้าอกของเธอ แคลร์กำลังเพลิดเพลินกับการล้อเล่นเช่นนี้และระหว่างที่เธอต้องการที่จะใช้ปลายนิ้วของตัวเองเล่นกับจุดอ่อนไหวตรงหน้าอกของอลิซ เธอใช้อีกมือหนึ่งสัมผัสกับแผ่นหลังของอีกฝ่ายและไล้สัมผัสขึ้นมาอย่างช้าๆและหยุดนิ่ง

อลิซละออกจากการจุมพิตทันที แอ่นตัวขณะที่เธอต้องการหลุดออกจากสัมผัสที่แผ่นหลัง แต่มือของแคลร์กลับเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพื่อไล่ไปตามรอยแผลเป็นจากสะโพกมาจนถึงบ่าของเธอ จากรอยแผลเล็กๆมาถึงที่เป็นขนาดใหญ่

หลังไปโดนอะไรมา.. สาวผมแดงเอ่ยถามอย่างกังวล จากที่เธอสังเกตได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันของอีกฝ่าย

ไหม้..

ทำไมถึงไหม้ได้ล่ะ.. เกิดอะไรขึ้น.. อีกครั้งแล้วที่เสียงจากสาวอายุน้อยกว่าแสดงออกถึงความสนใจให้ความเป็นไปของคู่หูของเธอ

อุบัติเหตุน่ะ..

อลิซ.. ทำไมเธอถึงชอบปิดบังแบบนี้.. แคลร์มองอย่างค้นหาไปยังดวงตาสีฟ้าของคู่หูของเธอ แต่เธอก็ไม่พบอะไรเพราะอลิซหลบตา

เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลคิดทบทวนว่า เธอควรจะตอบว่าอย่างไร ด้วยความจริงแล้ว ครั้งแรกที่พวกเธอพบกัน ทุกอย่างของอลิซดูเพอร์เฟคไปหมด ไม่ใช่แค่เพียงว่า ไวรัสทีสามารถรักษาบาดแผลได้อย่างรวดเร็วเพียงอย่างเดียว มันยังช่วยคงสภาพของเลือดในเส้นเลือดของเธอให้แสดงออกมาเป็นความเปล่งประกายของผิวกายของเธอด้วย เธอต้องการจะเพอร์เฟ็คสำหรับแคลร์ แต่แผลเป็นของเธอไม่ใช่เป็นเพียงแค่รอยตำหนิที่น่าเกลียด มันคือความอ่อนแอ หากเธอไม่พลาดการฆ่าเวสเกอร์ เธอก็คงจะยอมรับมันอย่างภาคภูมิ ร่องรอยนี้จะเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จของมนุษยชาติ แต่เวสเกอร์กลับลุกขึ้นได้และเดินจากไป ทิ้งเธอให้ตาย...

ฉันเผชิญหน้ากับชายคนหนึ่งที่เป็นผู้รับผิดชอบของอัมเบรลล่า เราสองคนอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ ตอนที่เขาจัดการฉันได้สำเร็จระหว่างที่ต่อสู้กัน เขากำลังจะฆ่าฉัน แต่เพราะไม่มีใครควบคุมเครื่อง เราจึงชนเข้ากับเนินเขา ฉันตื่นเข้ามาท่ามกลางกองไฟในซากของคอปเตอร์และเหล็กหนักที่วางทับอยู่บนหลัง ฉันคิดว่ามันแค่ทำให้ฉันลุกไม่ได้ ไม่ทันได้คิดว่ามันจะเผาตัวฉัน ฉันพยายามสะลัดมันออกไปและรู้สึกได้ว่าเลือดไหลลงมาจากหลังตอนที่ฉันยืนแต่ฉันไม่รู้สึกถึงความเจ็บ..

แคลร์ไล้ปลายนิ้วขึ้นและลงตรงจุดศูนย์กลางของแผลเป็นด้วยความรู้สึกสงสารอลิซ

นิ้วเธออยู่ตรงไหนตอนนี้.. ฉันไม่รู้สึกเลย..

ได้ฟังคำประโยคนี้ สาวผมแดงทบทวนว่าเธอจะหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองดีหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจว่านี่มันอาจจะไม่ใช่การปลอบโยนอลิซ มันคือการปลอบโยนตัวเธอเอง

อืม..นี่มันแค่บอกได้ว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่า ทำไมเธอถึงปิดบัง..

ไม่มีอะไรนี่.. ปล่อยมันไปได้มั้ย.. ผู้มีอายุมากกว่าส่งเสียงหัวเราะน้อยๆในลำคอ

ไม่.. บอกมา.. สาวผมแดงขู่แต่ยิ้มให้เพื่อให้ความมั่นใจกับอีกฝ่าย อลิซจึงตัดสินใจพูดเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเธอ

ฉันอยากจะสมบูรณ์แบบสำหรับเธอ..แคลร์..

ผู้มีอายุน้อยกว่ายิ้มอย่างประหลาดใจ ใครบอกล่ะว่า..เธอไม่ได้เป็นแบบนั้น.. เธอโต้ตอบและจบมันด้วยจุมพิต

และนี่มันก็ไม่มีอะไรที่สามารถหยุดอะไรได้อีกแล้วเวลานี้ เธอรักแคลร์ และคืนนี้ เธอก็จะแสดงมันออกมาว่า มันมากขนาดไหน

ทั้งสองถูกโอบล้อมด้วยแรงแห่งปรารถนาเกินจะกลั้น พวกเธอใกล้ชิดกันแล้วแต่ต้องการจะใกล้ชิดมากกว่านี้ การละออกจากการจุมพิตครั้งนี้ก็เพราะต้องการนำเสื้อของต่างฝ่ายออกจากกัน อลิซดึงเสื้อกล้ามบางเบาของแคลร์ออก เหลือเพียงบราสีดำ ส่วนสาวผมแดงก็นำเสื้อออกจากตัวอลิซ จากนั้นก็บรา

เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลปลดล็อกบราของอีกฝ่ายออก และแคลร์ก็ให้ความช่วยเหลือให้มันออกจากตัวเธอระหว่างที่ริมฝีปากของอลิซเริ่มซุกไซ้ซอกคอและไล่ต่ำลงมาอย่างหน้าอกของเธอ สาวผมแดงแอ่นตัวเองเพื่อเรียกความสนใจของอลิซให้ต่ำลง เจ้าของร่างสูงกว่าเล็มไล้ริมฝีปากของตัวเองเข้าไปใกล้จุดอ่อนไหวที่สุดของหน้าอกอีกฝ่าย

แคลร์กัดริมฝีปากตัวเองอย่างคาดหวัง อลิซจัดการใช้ริมฝีปากของเธอกับจุดอ่อนไหวตรงหน้าอกของแคลร์ มันแข็งตัวตอบรับสัมผัสที่ปลายลิ้นมอบให้ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลขยับมือข้างหนึ่งขึ้นเข้าสู่ต้นขาด้านในของแคลร์ หล่อนครางทันที หากว่าอลิซไม่ระวังแล้วล่ะก็ เธอคงจะจัดการแคลร์เดี๋ยวนี้ตรงนี้บนพื้นและคงไม่ได้ ในเมื่อมีเตียงที่ให้ความรู้สึกดีกว่าอยู่ตรงนั้น

อลิซหยุดทรมานจุดอ่อนไหวบนหน้าอกของแคลร์ เธอใช้สองมือช้อนใต้บั้นท้ายที่กระชับแน่นนั่น แคลร์เข้าใจความหมาย เธอลุกขึ้นเล็กน้อยในท่าย่อเข่าอยู่ ในท่านั้นอลิซจึงสามารถจัดการกับเข็มขัดของอีกฝ่ายและปลดกระดุมกางเกง ยังไม่ทันที่สำเร็จ แคลร์จับมือเธอและดึงขึ้น เมื่อเธอทั้งสองลุกขึ้นยืนแล้ว สาวผมแดงจึงใช้มืออีกข้างปลดสายคาดอาวุธของอลิซ อดีตโปรเจ็คได้ยินเสียงปืนของเธอหล่นลงพื้นระหว่างที่แคลร์จัดการกับริมฝีปากของเธอ ทั้งสองดึงกางเกงของตัวเองออกและพากันขึ้นเตียงโดยที่ไม่ละออกจากกัน

แคลร์เป็นคนแรกที่ลงไปนอนบนเตียงโดยมีอลิซอยู่เบื้องบนตัวเธอ ไม่ว่าจะเป็นจุดใดที่ได้สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายมันทำให้เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหลุ่มหลง และเธอสามารถรู้สึกได้ถึงหยาดน้ำแห่งความปรารถนาของตัวเองเปียกชุ่มกางเกงชั้นใน มือหนึ่งของเธอไล่ลงไปตามหน้าท้องของแคลร์สู่ขอบกางเกงชั้นใน ผู้มีร่างสูงกว่าใช้นิ้วหนึ่งดึงมันออกจากตัวอีกคนได้โดยง่าย

อลิซถูกทำให้ไขว่เขวกับสิ่งสวยงามในสายตาที่เป็นของแคลร์ สาวผมแดงจึงพลิกตัวเองขึ้นและเปลี่ยนตำแหน่งกับอลิซ ผู้มีอายุน้อยกว่าพรมจุมพิตตัวเองลงกับจุดอ่อนไหวที่สุดบนหน้าอกข้างหนึ่งของอลิซ ระหว่างที่ใช้มือหนึ่งจัดการกับหน้าอกข้างเหลือ และใช้มือข้างที่เหลือวางไว้ด้านในของต้นขาที่เปลือยเปล่านั่น เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนปวกเปียกไปกับทุกสัมผัสที่เกิดขึ้น แต่หากว่าเธอปล่อยให้แคลร์ได้เธอก่อน มันไม่ใช่แผน อดีตโปรเจ็คจึงใช้กำลังที่ยังพอมีเหลืออยู่จากผลพลอยได้จากการฝึกซ้อมการต่อสู้พลิกสถานการณ์ให้ตัวเอง ทันใดนั้น อลิซจึงกลับมาอยู่เบื้องบน พร้อมสองมือของแคลร์ที่ถูกกดไว้เหนือศีรษะของหล่อน

เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหยุดชะงักเพราะเหตุการณ์ที่ซ้ำซ้อนกับภาพเดิม แต่แทนที่จะวิ่งหนีเหมือนตอนที่เธอทำบนชายหาดนั่น เธอจะทรมานสาวผมแดงตรงหน้าจนกระทั่ง หล่อนไม่สามารถจะรับมันไหว ขณะที่ริมฝีปากของเธอจัดการกับทรวงอกของแคลร์อย่างหื่นกระหาย อลิซใช้ต้นขาของเธอแทรกเข้าไปตรงกลางระหว่างสองขาของอีกฝ่ายและกดมันลงกับจุดศูนย์กลางอันเปียกชุ่มนั่น เสียงครางอันพึงใจดังขึ้นมา ผู้มีอายุมากกว่าคิดว่าจะทรมานอีกฝ่ายด้วยการกดดันแคลร์ให้เกิดความต้องการมากขึ้น และรั้งรอไว้ จนกระทั่งสาวผมแดงนำตัวเองเข้าสู่ต้นขาของอลิซเอง แคลร์ดิ้นรนต้องการพาตัวเองออกจากการถูกจับไว้ที่สองมือเพราะเธอรู้สึกทนไม่ไหว อลิซรู้สึกถึงมันจึงหยุดนวดเฟ้นจุดอ่อนไหวที่สุดตรงหน้าอกอีกฝ่ายด้วยปลายลิ้นของเธอและมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวของแคลร์ สาวอายุน้อยกว่าจ้องกลับ

ฉันต้องการเธอ..อลิซ.. เจ้าของเรือนผมสีแดงอ้อนวอนพร้อมส่งเสียงหายใจติดขัด

ในการนี้ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไม่อาจปฏิเสธได้ เธอแทนที่ต้นขาของตัวเองด้วยมือของเธอและค่อยๆล้อเล่นกับจุดนั้นของแคลร์ที่เปียกโชก อลิซปล่อยมือทั้งสองของแคลร์ เพื่อให้หล่อนได้อยู่ในตำแหน่งที่ทำให้เกิดความพึงพอใจมากขึ้น สาวผมแดงใช้มือทั้งสองของเธอที่เป็นอิสระนำริมฝีปากของอลิซเข้าหาเธอ ระหว่างนั้น ผู้มีอายุมากกว่านำสองนิ้วแทรกเข้าไปตรงส่วนในของร่างกายแคลร์ ปรนนิบัติมันเพื่อนำพาให้ถึงจุดหมาย

โอ้..พระเจ้า.. อย่าหยุดนะ..!”

อลิซเล่นกับจุดนั้นที่อ่อนไหวที่สุดของร่างกายแคลร์ เพิ่มความเร็วของมันมากขึ้น จนกระทั่งสาวผมแดงนำต้นขาของหล่อนขึ้นมาสัมผัสกับจุดนั้นที่เปียกโชกไม่ต่างกันกับตัวเองของอลิซ กระแสคลื่นแห่งความพึงพอใจและแรงปรารถนาแล่นทั่วร่างกายของอลิซทันที เธอเริ่มต้องการมากขึ้น ทั้งสองเข้าสู่จังหวะการเคลื่อนไหวเดียวกันอย่างง่ายดาย กระแสแห่งความสุขสมเพิ่มมากขึ้นในทุกการเคลื่อนไหว เมื่อเธอสองคนใกล้ถึงที่หมายของแรงปรารถนา อลิซใช้หัวนิ้วโป้งของเธอถูไปมากับจุดคริตอริสของแคลร์ และในนาทีที่ถูกจังหวะ เธอนำนิ้วลึกเข้าสู่ส่วนในของจุดอ่อนไหวที่สุดนั่น

อลิซ..!” แคลร์ร้องออกมา ขณะที่ความพึงพอใจของทั้งสองมาถึงที่สุดและพวกเธอก็ถึงจุดที่สุดนั้นพร้อมๆกัน..ออกัสซึ่ม

เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดโดยสมบูรณ์ อลิซล้มพับลงบนตัวของสาวผมแดง กล้ามเนื้อที่สั่นระริกและอ่อนล้าของเธอไม่ได้คงอยู่ในสภาพนั้นนานนัก เธอจึงขยับตัวเองออกและนอนลงหงายหลังกับที่นอน แคลร์ขยับตัวของเธอเข้าสู่อ้อมแขนของอีกคน วางศีรษะของเธอไว้กับบ่าของอลิซ ระหว่างวางแขนข้างหนึ่งไว้บนหน้าท้องของฝ่ายนั้น และในท่านั้นขาของพวกเธอจึงเกาะเกี่ยวเข้าด้วยกัน

อลิซบอกได้เลยว่า เธอกำลังยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เธอใช้มือข้างที่ว่างอยู่ไล่ปอยผมบางเส้นที่มาละใบหน้าของแคลร์ สาวผมแดงเปิดริมฝีปากเพื่อเอ่ยพูดแต่เธอก็ปิดมันลง เมื่อเธอเห็นว่าอลิซยิ้มได้มากแค่ไหน เธอยิ้มด้วยและหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

เป็นเวลาไม่นานนักที่คนอายุน้อยกว่าเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา เมื่ออลิซคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ตื่นมาแล้วระหว่างนี้ เธอจึงค่อยปลดตัวเองออกจากอ้อมแขนนั้นและลุกขึ้นเก็บปืนลูกโม่บนพื้น เขี่ยไฟในเตาผิง สาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลรู้สึกมีความสุขมาก แต่มันก็บาป - ความไม่สบายใจจากความกลัวและระแวงเกิดขึ้น อลิซพยายามดิ้นรนจะผลักความรู้สึกนี้ออกไป เธอแค่ต้องการกลับไปสู่เตียงและนอนลงเคียงข้างกับแคลร์ แคลร์คงจะสามารถสู้กับปีศาจร้ายทางความคิดแบบนี้ที่เธอสร้างขึ้นมาได้ แต่มันก็เป็นนิสัยแห่งความเคยชินของเธอ เมื่อสิ่งต่างๆกำลังจะไปได้ดีเกินไปสำหรับเธอ เธอก็มักจะทำลายมันด้วยตัวเอง

ในทางหนึ่ง เธอแย่มากกว่าอัมเบรลล่า บริษัทนั่น อย่างน้อยก็แค่ทำตามทางของพวกเขา แต่นั่นแหละ ที่ทำให้อลิซดูแย่กว่า ทำลายอะไรต่ออะไรมากกว่า เธอล้มเหลวกับการไม่สามารถปกป้องไวรัสทีจากคนไม่ดี ล้มเหลวกับการสร้างยารักษาที่แท้จริง ล้มเหลวที่จะทำลายอัมเบรลล่า เธอล้มเหลวกับแคลร์และกองคาราวานของหล่อนสำหรับคำสัญญาที่จะทำให้พวกเขาปลอดภัย ผลสะสมทั้งหมดของมันก็คือ..

การเผาไหม้อย่างช้าๆ

To be continue….

2553-12-26

Human Again Ch.15-Resident Evil Fiction.[TH]


Human Again.

Rated: M

English - Horror/Romance

Alice & Claire R.

By : andella07/FanFiction.net

Translated to Thai : Anhy


Chapter 15 : The Swim.

นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ฉันแค่ทำได้เพียงล้มพับเข้าสู่อ้อมแขนของบางคน อย่างไม่มีความกลัวและไม่มีความอาย ไม่เคยเลยสินะ ฉันไม่คิดว่า ฉันจะทำสามารถทำแบบนั้นได้..

สองสาวกลับมายังบ้านตากอากาศที่ชายหาด หลังจากที่สาวผมแดงสำเร็จกับการโน้มน้าวใจอลิซให้ค้างต่ออีกคืน สาวตัวสูงกว่ายอมอย่างง่ายดายกับความประสงค์ของแคลร์ เพราะเธอรู้ตัวว่า มันยากขึ้นทุกทีที่จะปฏิเสธสาวผมแดงไม่ว่าอะไรก็ตาม แต่เธอก็แอบนึกขอบใจที่อีกฝ่ายขอเช่นนั้น

อดีตโปรเจ็คเกือบจะไม่เคยนอนค้างคืนที่เดิมซ้ำ แต่ครั้งนี้อลิซจำเป็นต้องใช้เวลากับการฟื้นตัวจากโศกนาฎกรรมที่สนามบิน การหยุดพักต่ออีกเล็กน้อย เพื่อคืนการปกป้องตัวเองกลับมา เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับจิตใจและแค่..เพื่อหายใจ

หากว่านั่นหมายถึงการได้ใช้เวลามากขึ้นกับสถานที่อันงดงามกับสาวอายุน้อยกว่า.. แล้วล่ะก็..

อลิซก็..ไม่มีปัญหา..

สิ่งก่อสร้างนี้ไม่ได้คอยหลอกหลอนเธอเหมือนครั้งก่อนแล้ว สเปนซ์เป็นส่วนหนึ่งของอดีต แต่แคลร์เป็นที่นี่ของเธอและเป็นปัจจุบัน และหากว่าเธออนุญาตให้ตัวเองได้คิดแล้วล่ะก็ เธอก็เกือบจะเห็นว่า บ้านหลังนี้เป็นชิ้นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ใช้ร่วมกัน เธอสามารถเห็น พวกเธอนั่งทานมื้อค่ำด้วยกันที่โต๊ะ ทั้งสองหัวเราะกับเรื่องน่าขันที่สาวผมแดงเล่า เธอสามารถเห็นตัวเธอเองกลับมาจากที่ทำงาน โดยมีแคลร์นั่งรอคอยเธอกลับมาอย่างกระวนกระวาย เพราะการกลับบ้านช้า และนั่นก็ทำให้เธอเองโดนบ่นชุดใหญ่จากอีกฝ่าย ..แล้วทำไมฉันจะต้องสมมติว่า แคลร์ต้องอยู่กับบ้านล่ะ... อยู่ในฐานะภรรยา.. คำว่า แคลร์ และ ภรรยา ทำให้อลิซยิ้มได้ บางที..เธออาจจะให้ที่พักพิงกับเด็กๆที่ไม่มีบ้าน หรือเป็นครู.. อลิซทำท่าขนลุกเมื่อนึกถึงภาพแคลร์มีความอดทนมากพอที่จะอยู่ท่ามกลางเด็กๆ เธออาจจะเป็นนางระบำเปลื้องผ้าอย่างที่ฉันกลัว.. เธอคิดและหัวเราะอย่างเงียบตามลำพัง แต่แคลร์ได้ยินอีกตามเคย

หัวเราะอะไรอยู่น่ะ! แล้วทำไมต้องมองหน้าฉันตอนหัวเราะด้วย.. แคลร์ร้องถาม เมื่อเห็นสาวอายุมากกว่าทำท่าแปลกๆ

ไม่มีเหตุผล.. อลิซปฏิเสธแต่ยังคงยิ้ม เธอบอกไม่ได้หรอกว่า เธอเพิ่งจะคิดภาพแคลร์ใส่ชุดนุ่งน้อยห่มน้อยและเต้นโยกย้ายส่ายสะโพก

เหรอ.. อย่างกับว่าฉันจะเชื่อแน่ะ.. คนอายุน้อยกว่าตอบกลับมาอย่างรำคาญใจ

เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลมองดูสีหน้าของแคลร์ที่เปลี่ยนจากความสงสัยมาเป็นสนุกสนาน จนเธออดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า สาวผมแดงจะนึกสงสัยในเรื่องเดียวกับเธอหรือไม่ ..มันจะเป็นยังไงนะ ถ้าได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับแคลร์... จากนั้นเธอก็รู้สึกตัวว่า เธอทั้งคู่ก็คงไม่อาจจะมี อาชีพในฝัน บ้านในฝัน หรือชีวิตในฝันได้ แต่เธอทั้งสองก็ยังคงอยู่ด้วยกันได้ ถ้าเธอเลือกที่จะมีฉัน..

ในท่าทางตามปกติของแคลร์ สาวผมแดงลุกขึ้นจากโซฟาหนังสีเข้มด้วยกิริยาที่ลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติ และส่งคำพูดแบบให้คิดกับอลิซ

ฉันจะไปว่ายน้ำ.. สาวอายุน้อยกว่าเอ่ยบอกขณะพาตัวเองไปยังประตู

อะไรนะ.. ที่ไหน.. อลิซถามอย่างประหลาดใจ และด้วยความรีบร้อนที่ตามแคลร์ให้ทัน เธอจึงลุกขึ้นจากโซฟาอย่างไม่เป็นท่าเลย

ในทะเลไงล่ะ.. มีที่อื่นอีกเหรอ.. แคลร์หันมาตอบและเลิกคิ้วข้างหนึ่งพร้อมประกายตาแปลกๆ

น้ำในนั้นมันเย็นจัดเลยนะ.. อลิซแย้งอย่างไม่ต้องการเชื่อ

โอ้เหรอ.. แต่ฉันคิดว่า ฉันจัดการมันได้นะ.. สาวผมแดงพูดทำนองท้าทาย

คำถามก็คือว่า..เธอทำได้รึเปล่าล่ะ..

เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไม่แน่ใจว่า เธอจะชอบกับการถูกสาวอายุน้อยกว่าหันกลับมาควบคุมเกมส์และท้าทายเธอ ไม่ใช่แค่เพียงว่า การท้าว่ายน้ำที่ดูไม่ปลอดภัยนี่เพียงอย่างเดียว สาวตัวสูงกว่ามองไปยังสายตาของคู่หูที่จ้องมาอย่างจริงจังมากๆนั่น ความภาคภูมิใจของอลิซ ยากที่จะแสดงให้เห็นกับใครได้ แต่สำหรับสาวผมแดงคนนี้ เธอรับมันได้เสมอ..

ฉันไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน.. มีบางคนใส่อีกชุดของฉันอยู่.. อลิซเอ่ยอ้างถึงชุดที่สาวผมแดงใส่อยู่ในเวลานี้ แต่เธอแค่ไม่เอ่ยมันตรงๆ

ถ้างั้นก็แก้ผ้าว่ายสิ.. สาวอายุน้อยกว่าตอบด้วยท่าทางจริงจังอย่างมาก ขณะที่สาวตัวสูงกว่าอ้าปากค้าง สาวผมแดงเดินตามทางเดินที่เปิดอยู่นั่นไป และเดินออกไปทางประตูหน้าโดยไม่หันมองมายังอลิซสักนาที

เธอคิดล่ะสิว่า.. ไม่มีทางซะหรอกที่ฉันจะทำแบบนั้น.. เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลฟื้นตัวจากความตกใจอย่างรวดเร็วด้วยความคิดอยากแก้แค้น อลิซขมวดคิ้วของเธอแล้วคิดต่อ แล้วเธอก็จะได้เห็น.. อลิซเดินตามหลังสาวผมแดงด้วยความเร่งรีบเพื่อไปให้ถึงหาดทราย ที่ที่น้ำเย็นจัดกำลังรอคอยอยู่

แคลร์ถอดรองเท้าบู๊ตของเธอออกในท่าทางตื่นเต้น และลงไปในน้ำราวกับกลายร่างเป็นปลา โดยปราศจากความกังวลหรือรีรอ

อลิซมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างนั้น ขณะที่เธอกำลังถอดเสื้อผ้า เธอพิถีพิถันกับการปลดเกราะที่แขนทั้งสองออก ซองเก็บปืนและเสื้อเกราะ และวางมันไว้อย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็ถอดรองเท้า

และในเวลานี้สาวผมแดงก็ได้ไปถึงในจุดที่เธอต้องการจะว่ายไป ที่ที่เธอรู้สึกว่ามันจำเป็นที่จะหันมาดูว่าอลิซทำอะไร สองตาของแคลร์เบิกกว้าง เธอไม่คิดเลยว่า สาวตัวสูงกว่าจะทำแบบนั้น

แต่ตอนนี้เบื้องหน้าของอลิซก็หันมาทางแคลร์ กำลังดึงเสื้อขึ้นออกจากตัว

อดีตโปรเจ็คไม่ชอบเวลาที่เธอไปที่ใดแล้วไม่ได้พกอาวุธเพื่อป้องกันตัว ดังนั้นเธอจึงเหลือมีดพกที่ยังคงอยู่ในซองของสายคาดคล้องอยู่กับตัว ซึ่งสามารถจะนำเอามาใช้ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เธอเตรียมพร้อมเสมอ

เธอสังเกตเห็นแคลร์กำลังตีน้ำเล่นอยู่ห่างจากเธอประมาณสิบห้าหลา เคลื่อนไหวเพื่อให้หลุดออกจากความรู้สึกที่ตัวแข็งเพราะความเย็นจัดของน้ำ

นาทีหนึ่งเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหวนคิดว่า มันไม่ใช่เพราะการว่ายน้ำในทะเลเย็นๆจะเป็นอันตรายได้ แต่เป็นเพราะ เธอกำลังอยากรู้ว่า แคลร์จะมีปฏิกิริยากลับมาอย่างไรกับแผลเป็นที่แผ่นหลังของเธอ จากเหตุการณ์ถูกไฟลวกพร้อมกับเวสเกอร์ในเนินเขานั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร่องรอยสีชมพูที่กว้างที่สุดประมาณสองนิ้ว ซึ่งไล่ลงมาจากไหล่ขวาของเธอ ผ่านกระดูกสันหลังและเรื่อยมาจนถึงสะโพกข้างซ้าย เธอจะไม่สนใจ อลิซพยายามที่จะโน้มน้าวใจตัวเอง และใส่หน้ากากความกล้า

เมื่อปราศจากเสื้อผ้า เหลือเพียงแต่มีดพกที่ใส่ซองหนังคาดไว้รอบต้นขา อลิซก็พาตัวเองในน้ำด้วยท่าทางงดงามราวกับแมว แคลร์เลียริมฝีปากของตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ รสชาติของมันมากกว่าเกลือ

ร่างกายของสาวตัวสูงกว่าตรงหน้าอกของเธอก็กำลังแสดงปฏิกิริยาตอบสนองกับความเย็นจัดของอากาศอยู่แล้ว แต่ในนาทีที่นิ้วเท้าของเธอสัมผัสกับน้ำ ผิวกายของเธอเหมือนจะแตกกลายเป็นผง พระเจ้า..ผู้หญิงนั่นบ้ารึเปล่านะ อลิซคิดในระหว่างที่ตัวเธอทำปฏิกิริยากับน้ำเย็นกว่าน้ำแข็ง ให้ฉันทำเรื่องแบบนี้ได้เนี่ย.. เอาน่า..ทำๆไป เมื่อเธอลงลึกไปในน้ำมากพอสมควรแล้ว อลิซก็แวกว่ายผ่าเกลียวคลื่นไปหาสาวผมแดง

ฉากหน้าของเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลที่หันเข้าหาสาวสูงน้อยกว่า กำลังสวมรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของเธอ

ฉะ..ฉันไม่คิดเลยนะ.. ไม่คิดเลยนะว่า เธอจะทำแบบนี้จริงๆ.. แคลร์ส่งเสียงพูดเหมือนอุทาน ฟันของเธอกระทบกันจากอาการสั่นของริมฝีปาก

ระ..เรากลับไปข้างในกันเถอะ.. แคลร์พูดอีกครั้งและพาตัวเองออกจากจุดเดิมเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังฝั่งและหันไปมองว่าอีกคนจะตามเธอมาหรือไม่

อะไรน่ะ.. เราเพิ่งจะออกมากันเองนะ.. อลิซพูดปนหัวเราะออกมาที่เห็นสาวผมแดงหันหลังกลับเพื่อจะออกจากน้ำ แต่เธอก็ดีใจที่ได้ทำแบบนั้น

ทั้งสองว่ายเข้าฝั่ง โดยอลิซระวังให้แคลร์เป็นคนนำหน้า ด้วยท่าทางรีรอ เพราะเธอยังไม่พร้อมเท่าไรนักที่จะให้อีกฝ่ายเห็นแผลเป็นที่น่าเกลียดของเธอ

ขณะที่ทั้งสองก้าวขึ้นฝั่ง สาวผมแดงก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ เธอไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวมาเหรอเนี่ย..

เธอก็ไม่ได้เอามาเหมือนกันนี่.. อลิซตอบพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ

อาการหนาวสั่นจากผลพวงของน้ำทำให้สาวอายุน้อยกว่าไม่มีเวลาที่จะใส่รองเท้าของเธอ เธอจึงทำได้แค่รวบมันด้วยมือข้างหนึ่งและเดินเข้าสู่ตัวบ้าน อลิซยังคงยิ้มอยู่ด้านหลังและแต่งตัวแค่ในชุดธรรมดาที่ไม่ได้มีอาวุธครบเซ็ต ก่อนที่จะวิ่งตามหลังสาวตัวเล็กกว่า เสื้อผ้าของหล่อนเปียกปอนเล็กน้อยและก็คงจะหนาว แต่มันไม่มีอะไรที่ได้เตรียมไว้สำหรับแคลร์เลย เตาผิงยังไม่ได้ถูกจัดการ และนั่นก็คงจะเป็นสิ่งที่อลิซวางแผนไว้แล้วว่าจะทำ เมื่อพวกเธอได้เข้าไปในบ้าน

To be continue…..

2553-12-25

Human Again Ch.14-Resident Evil Fiction.[TH]


Human Again.

Rated: M

English - Horror/Romance

Alice & Claire R.

By : andella07/FanFiction.net

Translated to Thai : Anhy


Chapter 14 : The Fourth.

มือเธอเป็นอะไร.. อลิซถามเสียงเคร่งเครียด ขณะที่เธอมองอย่างพิจารณาตรงรอยถลอกบนข้อนิ้วของสาวผมแดง ระหว่างที่เธอทั้งสองนั่งพักกันอยู่บนผืนหญ้าริมรันเวย์

ไม่ได้เป็นอะไรนี่.. ฉันแค่เคาะประตู.. แคลร์ปฏิเสธมัน ทั้งที่รู้ว่ารอยแผลนั่นเป็นผลจากที่เธอสติแตกและพยายามที่จะเข้าไปหาอลิซ และนั่นก็ทำให้อลิซยังคงไม่เชื่อและสงสัย

มันไม่มีทางจะไม่เป็นอะไร.. เลือดของพวกเค้าถูกเธอบ้างรึเปล่า..

ไม่หรอก.. ฉันไม่คิดอย่างนั้น..

ความโล่งใจแสดงให้เห็นเด่นชัดบนใบหน้าของอลิซ แต่รอยแผลเปิดนั่นก็ยังคงเป็นอะไรที่น่าอันตราย สาวตัวสูงกว่าจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและดึงมือแคลร์ให้ลุกตาม

มาเถอะ.. มีผ้าพันแผลอยู่ในเครื่องบิน..เธอบอกแคลร์

ระหว่างที่อลิซจัดการพันผ้าพันแผลที่ข้อนิ้วของแคลร์ด้วยมือที่สั่นไหวเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นปืนสั้นของเธอเหน็บอยู่ที่ขอบกางเกงแคลร์

ขอนั่นคืนด้วย.. อดีตโปรเจ็คเอ่ยขึ้นพร้อมเอื้อมหา สมิธแอนด์เวสสันของเธอ แต่แคลร์กลับเลี่ยงที่จะไม่ให้มันกลับไป เธอไม่ปฏิเสธเลยว่า มันเป็นอาวุธอันตรายของอลิซ แต่บางที เธออาจจะสามารถใช้มันด้วยก็ได้

ฉันจะแลกมัน.. มีดของฉัน.. ฉันขอด้วย.. แคลร์ขัดขืน พร้อมเอ่ยเสนอข้อแลกเปลี่ยนและยื่นมือที่พันผ้าพันแผลเสร็จใหม่ออกมา

อดีตโปรเจ็คหรี่ตาของเธอ -ทำไมฉันถึงได้ทำตัวหยาบคายแบบนี้กันนะ.. เธอถามตัวเอง

อลิซไม่สามารถหาเหตุผลอะไรที่จะไม่คืนมีดให้อีกฝ่าย แต่เมื่อคิดไปว่า การรักษาการควบคุมนี้ไว้ก็เป็นการดี และถ้าเธอทำให้แคลร์ป้องกันตัวเองไม่ได้ แคลร์ก็จะต้องเห็นค่าของการปกป้องของอลิซ -แต่..ถ้าฉันไม่ได้อยู่เพื่อทำหน้าที่นั้นตลอดเวลาล่ะ- อลิซครุ่นคิด และสิ่งที่เธอทำก่อนหน้านั้นที่สนามบินก็ยืนยันมันได้

สาวตัวสูงกว่าจึงปลดสายคาดสีน้ำตาลจากตัวเอง ดึงซองออกมา มีดอยู่ด้านในนั้น และเธอก็เอามันออกมาให้สาวผมแดง เมื่อได้รับปืนของเธอคืน อลิซก็จัดการดูแลมัน ด้วยความสามารถที่ได้รับการฝึกมา เธอใส่กระสุนสี่นัดเข้าไปในลูกโม่ ตามจำนวนที่ได้ใช้ไปเมื่อครู่ และนำมันกลับเข้าที่ของมัน ซองเก็บทางด้านขวาข้างตัว มันถึงเวลากลับเข้าสู่โหมดทำงานแล้ว

ฉันจำเป็นต้องดูแลร่างของพวกเค้า เติมน้ำมันและจากนั้น เราก็ออกจากที่นี่.. อลิซเอ่ยอธิบาย

สาวสองคนใช้เวลาสองชั่วโมงต่อมากับการขุดหลุมฝังศพบนแผ่นดินแข็งๆ หลังจากที่ตัดสินได้ว่าจะขุดแค่เพียงหนึ่งหลุมใหญ่ เพื่อที่ครอบครัวยังคงได้อยู่ด้วยกัน แม้ในตอนที่สูญสิ้นชีวิต

ในห้องนั้นยังมีกลิ่นของเขม่าดินปืน ที่แม้แค่เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นมัน แต่อดีตโปรเจ็คก็คุ้นเคยกับมันแล้ว เธอจึงไม่มีอาการหยุดชะงักใดๆเมื่อได้รับกลิ่น เธอเจอผ้าห่มในห้องสโตร์ห้องหนึ่ง ซึ่งเธอใช้มันหนึ่งผืนสำหรับห่อร่างของเด็กชาย ระมัดระวังที่จะไม่ให้คราบเลือดหรือหยดเลือดโดนตัวเธอ

อลิซจัดการให้แคลร์รออยู่ด้านนอกห้อง เธอไม่ยินดีที่จะให้แคลร์อยู่ใกล้ร่างของผู้ติดเชื้อ และแคลร์เองก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพึงใจในหน้าที่นี้เท่าไหร่นัก แต่มันก็ยังมีอีกหนึ่งที่อลิซล้มเหลว รอยแผลหนึ่งแผลของแคลร์ หนึ่งหยดเลือดที่หลั่งออกมา อลิซมั่นใจว่า ครั้งหน้าเธอจะไม่พลาดแบบนี้

ระลึกย้อนกลับไปที่กระสุนนัดสุดท้าย นัดหนึ่งนั่นที่เกือบจะปลิดชีวิตตัวเอง อลิซหันมองไปที่ผนังห้องทางซ้ายของเธอ และใช่..มันอยู่ที่นั่น หลุมดำเล็กๆที่ถูกสร้างจากแรงกดดันสามปอนด์

อดีตโปรเจ็คนึกภาพเลือดที่กระจัดกระจาย มันคงจะต้องทาผนังจนกลายเป็นสีแดงแน่ๆ - และนั่นก็หนทางที่มันจะเป็นไป ถ้าแคลร์ไม่ได้เรียกชื่อฉัน..

อลิซนำร่างอันเย็นเฉียบขึ้นมา ต้องขอบคุณที่มันไม่ยากลำบากมากนัก กล้ามเนื้อของเธอเกร็งนูนขึ้นเพราะน้ำหนักของคนตาย มันเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกแย่ที่ต้องยกศพ มันทำให้อลิซรู้สึกย่ำแย่อย่างหนักทีเดียว

พวกเขาถูกวางไว้ในหลุมเดียวกัน ที่บ่งบอกถึงความสำเร็จของการตายของพวกเขา เด็กน้อย มีแม่อยู่ด้านขวา พ่ออยู่ทางซ้าย ขณะที่ผงฝุ่นดินครั้งสุดท้ายได้ถูกวางกลบลงไป ดวงตาของอลิซก็ยังเต็มตื้นไปด้วยน้ำตา แต่เธอก็ปาดมันออกอย่างเงียบๆ ระหว่างเคลื่อนไหวไปทำไม้กางเขน แคลร์มองดูทุกอย่างนั้นอยู่ห่างๆ เธอรับรู้ว่า นั่นเป็นอะไรที่สาวอายุมากกว่าต้องการทำด้วยตัวเอง

สาวผมแดงทำความสะอาดเล็บของเธอด้วยปลายมีด เมื่อเธอรู้สึกกังวลใจจนเกิดอาการบิดมวนในท้อง เธอเงยหน้าขึ้นมองดูอลิซ สาวผมสีน้ำตาลกำลังอยู่ในระหว่างตัดแต่งอะไรอยู่ มันเป็นไม้กางเขนที่มีเสาปลายแหลมสำหรับปักลงกับดิน แคลร์เลิกคิดในเรื่องที่กำลังวิตก จนกระทั่งเธอนับไม้กางเขนที่วางอยู่ใกล้ปลายเท้าทั้งสองของอลิซ สาวอายุน้อยกว่าพาตัวเองเดินตรงไปหาอีกฝ่ายและวางมือข้างหนึ่งของเธอบนบ่าของฝ่ายนั้น หวังเรียกความสนใจ

อลิซ.. ทำไมทำไม้กางเขนสี่อันล่ะ..

สาวตัวสูงกว่าเหมือนว่าจะสนใจอยู่แต่กับงานตรงหน้าของเธอ คำตอบโต้ของเธอสามารถพิสูจน์ได้

อะไรนะ..!

อลิซมองลงที่ไม้กางเขนที่ปลายเท้าของเธอและจากนั้นก็มองสิ่งที่อยู่ในมือด้วยท่าทางปกติ การขาดความสนใจทำให้เธอตอบมาได้เพียงว่า.. ฉันไม่รู้..

เกิดอะไรกับฉัน ฉันกลายมาเป็นคนบ้าไปแล้วรึนี่.. อลิซคิดระหว่างที่เธอยกเลิกการทำไม้กางเขนนั่น และนำไม้กางเขนสามอื่นที่เหลือขึ้นมา เพื่อจะนำมันไปปักบนพื้นดิน

จุดประสงค์ของไม้กางเขนอันที่สี่ ไม่อาจจะไม่เป็นที่สนใจของแคลร์ มันสำหรับตัวอลิซเอง มโนภาพที่ไม้กางเขนอันที่สี่ถูกปักลงกับพื้นทำให้แคลร์ตัวสั่น แคลร์ไม่แน่ใจว่า อะไรที่เธอจะสามารถรับมันได้ เธอสามารถจะทำทุกอย่างได้เพื่ออลิซ ดังนั้นมันก็เหมือนเธอกำลังถูกฆ่า เมื่อเห็นอลิซเจ็บปวด

เมื่อไม้กางเขนสามอันถูกปักลงกับผืนดินเป็นที่เรียบร้อย โดยไม่มีถ้อยคำใดๆที่เอ่ยพูด สาวผมสีน้ำตาลยอมรับว่า การเสียชีวิตของครอบครัวนี้เหมือนเป็นการบูชายัญ อลิซคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าสมเพช ที่เธอเป็นหนึ่งคนนั้นที่สามารถจับสัญญาสุดท้ายที่ผู้ชายคนนี้ส่งออกไปได้ ก่อนที่เขาจะตัดมันออก เพื่อที่เขาจะได้เป็นคนจบชีวิตของครอบครัวตัวเอง น่าสมเพชที่อลิซต้องเป็นหนึ่งคนนั้นจะเป็นผู้จบชีวิตร่างกายของพวกเขาที่ตายไปแล้วก่อนหน้านั้น เพราะความล้มเหลวของเธอ

- ถ้านี่คือความประสงค์ของพระเจ้า.. ท่านช่างใจร้ายนัก- อลิซคิด

จากนั้นเธอก็หันมองหาแคลร์ที่ยืนสงบเงียบอยู่ข้างๆตัวเธอ เธอค่อยๆบีบกระชับมืออุ่นๆของสาวผมแดงและรู้สึกได้ถึงการบีบกระชับอย่างหนักแน่นกลับมา

- ถ้านี่คือความประสงค์ของพระเจ้า ท่านได้ให้โอกาสที่ดีที่สุดของฉันในโลกที่ท่านกำลังทวงคืน...

To be continue….

2553-12-24

Human Again Ch.13-Resident Evil Fiction.[TH]


Human Again.

Rated: M

English - Horror/Romance

Alice & Claire R.

By : andella07/FanFiction.net

Translated to Thai : Anhy


Chapter 13 : No Time To Say Goodbye.

อลิซ..!!!”

แคลร์ตะโกนเรียกชื่ออลิซอย่างตื่นตระหนก เธอกำหมัดทุบประตูหลายต่อหลายครั้ง หวังสามารถเปิดประตู แต่ในที่สุด เธอก็จำได้ว่า อลิซกระโดดถีบมัน และก็ทำให้เธอก้าวถอยหลัง เพื่อจะทำตามที่เคยเห็นจากสาวตัวสูงกว่าทำครั้งก่อน ล็อกของประตูไม้แตกทันทีและก่อนที่มันตีกลับมาปิดอีกครั้ง แคลร์ก็เข้าไปอยู่ในห้องแล้ว เธอถูกทำให้ยืนนิ่งด้วยกลิ่นของทองแดงและเขม่าดินปืน แต่เธอไม่ได้สนใจกลิ่นอะไรทั้งนั้น เธอต้องเห็น---- ต้องเห็นว่า..อลิซยังมีชีวิตอยู่

เบื้องหน้าของสาวผมแดง มีร่างสามร่างนอนเรียงรายอยู่ในที่ที่พวกเขาหล่นลง อีกไม่กี่ก้าวถัดไป ก็คืออลิซที่หันหลังให้เธอ ปืนสั้นยังอยู่ในมือ คอตก แต่เหมือนว่า อลิซไม่ได้กำลังหายใจ สาวผมแดงรีบพาตัวเองเข้ามาหาอลิซ เอาปืนออกจากมือและนำมือที่อ่อนแรงนั่นมาไว้ในมือของเธอ แคลร์จับกระชับมือที่เย็นจัดนั่น ระหว่างพยายามเรียกร้องความสนใจจากสาวอายุมากกว่า

อลิซมองฉัน---- อลิซ.. ได้โปรด.. แคลร์อ้อนวอน

อลิซไม่ได้รับรู้เลยว่า ปืนของเธอหายไป จนกระทั่งรู้สึกว่ามีมือหนึ่งอยู่บนใบหน้าของเธอ และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกว่าดวงตาของเธอยังปิดอยู่ ครั้งแรกเธอคิดว่า สัมผัสนี้มาจากเด็กชายเล็กๆนั่น แต่มันเป็นไปไม่ได้ เธอจึงลืมตาขึ้นและเห็นใบหน้าอันวิตกกังวลของแคลร์ และนั่นก็ทำให้อลิซสูดลมหายใจ

ภาพที่เห็นว่า สาวผมแดงยิ้มให้อย่างโล่งใจ อลิซกลับพูดอะไรไม่รู้เรื่องออกมา

เด็กผู้ชาย เธอบอกลา ฉันไม่ได้ให้ เธอพูด ไม่มีเวลา ฉันอยากจะ-..

อลิซ หยุดนะ ! เธอพูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย.. แคลร์เอ่ยขึ้น เมื่อเธอรู้สึกว่า สาวตัวสูงกว่าจำเป็นต้องออกจากห้องนี้ไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับที่เธอก็เคยจำต้องออกจากอู่นั่น แคลร์จับมืออลิซอีกครั้งและพาออกจากประตูอย่างง่ายดาย แต่อลิซก็ต่อต้านเมื่อเดินออกไปได้ไม่ไกล

เราทิ้งพวกเค้าไว้แบบนั้น..ไม่ได้.. อลิซแย้งขึ้น

เราก็ไม่ได้จะไปไหนนี่.. สาวผมแดงโต้ตอบและมันก็ดีพอสำหรับอลิซ และทั้งสองก็เริ่มเดินออกจากห้องอีกครั้ง

เมื่อทั้งสองโผล่ออกมาจากแสงแดด อลิซเงยหน้าขึ้นหาความอบอุ่นและเข่าของเธอก็อ่อนลง แคลร์ทิ้งปืนลงบนพื้นหญ้าเพื่อคว้าตัวผู้หญิงที่กำลังทรุดลง สาวผมแดงไม่ได้พยายามที่จะให้อลิซยืน แค่พยุงเอาไว้ไม่ให้ล้มลงอย่างไม่เป็นท่าเท่านั้น แคลร์โอบตัวอลิซไว้ และรู้สึกประหลาดใจที่ไม่พบว่า สาวอีกคนไม่ได้ดูย่ำแย่ต่อหน้าเธอ เธอคาดว่าอลิซจะร้องไห้ กรีดร้อง หรือทำอะไรบางอย่าง การไม่แสดงอะไรเลยนั่นมันดูจะทำให้เป็นปัญหาได้

มันไม่เป็นอะไรหรอกนะ ถ้าจะร้องไห้..อลิซ..

อลิซส่ายศีรษะน้อยๆและพูดออกมาอย่างเรียบนิ่ง โดยไม่ได้ใส่ความรู้สึกในน้ำเสียงหรือถ้อยคำ ไม่.. ไม่ได้หรอก.. ฉันไม่ควรจะได้รับการปลอบโยน.. ไม่สมควรที่จะมีชีวิต.. ไม่สมควรได้อยู่กับเธอ ทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉัน เธอไม่เห็นเหรอ.. แม้แต่คำถามของเธอก็เหมือนเป็นแค่คำบอกกล่าวเท่านั้น

แคลร์ไม่แน่ใจว่า เธอควรจะคิดอะไรกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงทำตามทางของเธออย่างดีที่สุด เธอโกรธ..

ฉันไม่อยากเชื่อเลย.. เธอไม่ได้เป็นคนสร้างไวรัสทีนั่นมา และเธอก็ไม่ได้เป็นคนปล่อยมันออกมาด้วย.. จากนั้นเธอก็มองเข้าไปยังดวงตาของอลิซ

แล้วฉันล่ะ ห๊ะ..? ฉันแคร์เธอ แคร์มากกว่าที่เธอรู้..... แคลร์เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าขึ้น

ถ้าเธอฆ่าตัวตาย.. แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป.. แม้ว่าเธอจะยังคงโอบอลิซไว้ แคลร์ก็เริ่มตัวสั่น ฉันจะทำอะไรได้.. คอของเธอรู้สึกแห้งขึ้นมากะทันหัน เธอไม่สามารถจะพูดอะไรได้อีก ทำได้เพียงพยายามเกร็งและเก็บกดความรู้สึกเศร้าไว้

ฉันฉันขอโทษ.. อลิซเอ่ยและหันหน้าหนีอีกฝ่าย เมื่อน้ำตาของเธอเอ่อขึ้นที่สองตา มันร้อนผ่าวจนเป็นเหตุให้น้ำตาไหลออกมาจนได้ ลำคอของเธอรู้สึกตัน ในระหว่างที่น้ำตาเย็นๆไหลลงอาบแก้มที่ร้อนขึ้นของเธอ มันร่วงหล่นลงตรงปลายคาง อลิซพยายามสูดลมหายใจ กำหมัดแน่นจนเล็บจิกลงกับเนื้อฝ่ามือ ความเจ็บปวดนี้ช่วยให้เธอหายใจอยู่ได้ ขณะที่ร่างกายสั่นเพราะสะอึกสะอื้น

นี่คือปฏิกิริยาอาการที่แคลร์ต้องการจะเห็น เธอต้องการจะเข้มแข็งพอที่จะเป็นก้อนหินให้กับอลิซได้ใช้เป็นที่กำบังตัว เวลาที่อลิซเหมือนถูกคลื่นอารมณ์ลูกแล้วลูกเล่าเข้ามากระทบ

อลิซเอื้อมแขนทั้งสองของเธอขึ้นโอบกอดแคลร์ คล้ายหวาดกลัวที่จะเสียหล่อนไป และสาวผมแดงก็กอดตอบเธอในทันที มันคล้ายกับเป็นเวลาแห่งนิรันดร์ ให้อลิซสามารถใช้เวลานี้ เพื่อรวบรวมสติของเธอ

ฉันไม่สนใจอะไรที่เธอพูด ฉันก็ยังไม่เหมาะกับเธออยู่วันยังค่ำ เธอเพอร์เฟ็คเหลือเกิน..แคลร์-- อลิซคิดและพิจารณาการโอบกอดของเธอที่ให้กับอีกฝ่าย

การกอดคลายๆของอลิซ ทำให้แคลร์เห็นเหตุผลที่เธอจะทำอะไรได้บ้าง เธอยกแขนข้างหนึ่งขึ้นและไล้ปลายนิ้วไปกับเส้นผมสีน้ำตาลของหญิงสาวขณะที่อลิซถอนหายใจด้วยความรู้สึกเหนื่อย สาวตัวสูงกว่าไม่ต้องการอะไรนอกจากการได้หลับ โดยมีแคลร์คอยดูแลเธอให้ แต่สัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอดของอดีตโปรเจ็คทำให้เธอตื่นตัวขึ้น มันไม่ปลอดภัยเลย ถ้าจะหลับที่นี่ ในที่โล่งแจ้งแบบนี้ โดยเฉพาะกับเรื่องเก่าของสนามบินนี่ อีกทั้งยังมีเรื่องอีกมากที่เธอต้องทำให้สำเร็จ ครอบครัวนั้นต้องได้รับการฝัง เครื่องบินต้องเติมน้ำมัน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอสนใจที่จะทำมัน และจำเป็นต้องทำเดี๋ยวนี้ ก่อนอะไรทั้งหมดนั่นก็คือ จุมพิตแคลร์

อลิซวางมือข้างหนึ่งของเธอบนบ่าแคลร์ และอีกข้างที่ต้นคอด้านหลัง จากนั้นก็นำริมฝีปากตัวเองเข้าไปบรรจบกับอีกฝ่าย จุมพิตด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความต้องการและกระหาย แคลร์เองก็ต้องการที่จะแสดงให้อลิซเห็นว่าเธอแคร์ และอลิซก็กระหายที่จะรู้มันเหมือนกัน..

To be continue…..

2553-12-23

Human Again Ch.12-Resident Evil Fiction.[TH]


Human Again.

Rated: M

English - Horror/Romance

Alice & Claire R.

By : andella07/FanFiction.net

Translated to Thai : Anhy


Chapter 12 : The Suicides.

พวกคุณไม่ควรจะอยู่ที่นี่..!” เสียงของผู้ชายหนักแน่นและเต็มไปด้วยความจริงจัง

อดีตโปรเจ็คระลึกได้เลยว่า นี่เป็นเสียงเดียวกันกับที่ออกอากาศ ชายไหล่กว้างนั่นลดปืนของเขาลงจากขมับของเด็กชาย อลิซและแคลร์สามารถหายใจได้ แม้จะติดขัด

ครั้งนี้ เมื่อชายคนนั้นพูดขึ้น อลิซสามารถบอกได้เลยว่า เสียงของเขาสั่นเครือ

พวกคุณ.. พวกคุณไม่ควรจะอยู่ที่นี่.. พวกคุณต้องไป..!”

ผู้หญิงที่มีรอยคล้ำใต้ตาชำเลืองมองหาอลิซกับแคลร์อย่างรวดเร็ว และหันความสนใจของเธอไปยังเด็กชายเล็กๆ ดึงเขาสู่อ้อมกอดอย่างหมดหวัง การร่ำไห้ของหล่อนหนักยิ่งขึ้น

อลิซมองคนกลุ่มนั้นอย่างจริงจังและสถานการณ์ก็เป็นอันเข้าใจ พวกเขาเป็นครอบครัว สามีและภรรยา และลูกชายเล็กๆ ทั้งหมดถูกกัด ชายร่างสูงมีรอยฉีกของเนื้อตรงลำคอ มือทั้งสองของผู้หญิงถูกกัดและเด็ก.. เด็กประมาณแปดขวบ มีผ้าเปื้อนเลือดห่ออยู่ตรงข้อเท้า

เดี๋ยว.. รอเดี๋ยวก่อน.. อลิซเอ่ยขอด้วยน้ำเสียงอ่อนลงในเวลานี้

ชายผิวซีดคล้ายกับจะได้ความสงบใจของเขากลับคืนมาบางส่วน เขาจึงตอบกลับอย่างเย็นชา

เชิญคุยข้างนอกดีกว่า..

อลิซปล่อยให้ชายคนนั้นเดินออกไปก่อน และเธอก็สังเกตเห็นด้านหลังของเสื้อเชิ้ตของเขามีรอยคราบเลือดเป็นจุดๆ แคลร์เดินตามหลังเขาออกไป จากนั้นก็เป็นเธอที่ปิดประตูไม้ หลังจากที่เดินออกไปแล้ว

เกิดอะไรขึ้น.. อลิซเอ่ยถาม และเฝ้ารอคำตอบอย่างอดทน

ชายคนนั้นนำปืนสั้นของเขาเก็บไว้ในด้านในของขอบกางเกง แต่อลิซเก็บปืนของเธอแค่หนึ่งกระบอก อีกกระบอกถืออย่างสงบข้างตัว

เมื่อวานเราถูกจู่โจมด้วยฝูงของมัน ประมาณยี่สิบหรือมากกว่านั้น.. ผู้ที่เป็นสามีเอ่ยบอก พลางจับขอบแขนเสื้อสีเขียวของเขา ภรรยาของผมและลูกชาย เล่นกันอยู่ด้านนอก ตอนที่พวกมันวิ่งเข้ามา ภรรยาผมเข้ามาบอกว่า พวกมันตามมา... และจากนั้น ที่ผมรู้..พวกเราวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เรากันมันตรงนั้น.. เขาชี้ไปยังด่านที่ทำจากลู่วางกระเป๋า

แต่พวกมันมากเกินไป พวกมันวิ่งไล่ตามลูกชายผม.. จากประโยคนี้ ดวงตาของเขาเอ่อด้วยน้ำตา

ผมพยายามที่จะปกป้องเขาให้มากที่สุด..

นั่นบอกได้ถึง การเกิดของรอยคราบเลือดบนหลังของเขา อลิซคิด

ภรรยาผมดึงพวกมันบางตัวออกจากตัวผมและพาลูกชายของเราไปในที่ปลอดภัย..

บอกได้ถึงรอยกัดต่างๆบนมือทั้งสองของผู้หญิงคนนั้น

แต่..มันก็สายไปแล้ว.. เขาถูกกัด.......

เด็กน้อย....

ในเวลานี้ แคลร์กำลังร้องไห้อย่างเงียบๆ แต่อลิซก็พยายามที่จะสกัดกั้นมันไว้

ผู้เป็นพ่อจบการเล่าเรื่องของเขาอย่างรวดเร็ว ผมฆ่าพวกมันที่เหลือ--- คุณแปลกใจรึเปล่ากับสิ่งที่คนตายอย่างผมทำได้.. เขาหัวเราะกับคำประโยคนี้

เราเผาร่างของพวกมัน ทำความสะอาดเล็กน้อยและใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เหลือด้วยกัน.. และตอนนี้คุณคงรู้แล้วนะว่า..ทำไม......

ทำไมคุณถึงจ่อปืนใส่ศีรษะเด็กชายเล็กๆนั่น.. อลิซจบมันให้เขา..

แคลร์เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ มันต้องมีบางอย่างสิ.. บางอย่างที่เราทำได้.. สาวผมแดงคล้ายใกล้จะรู้สึกประสาท

ชายคนนั้นตอบโต้กลับมาด้วยความสุภาพที่สุดที่เขาทำได้ มันสายไปแล้วสำหรับพวกผม คุณสองคนควรไปตามทางของคุณ ไม่มีอะไรที่คุณจะทำได้อีกแล้ว..

มันมีสิ.. มีบางอย่างที่ฉันทำได้.. อลิซเอ่ยแย้ง แคลร์หันมองอลิซ ด้วยความหวัง แต่ชายคนนั้นส่ายศีรษะ

ผมไม่สามารถจะขอให้คุณทำแบบนั้น.. เขาบอก

คุณไม่ต้องบอกหรอก.. อลิซกล่าวอย่างจริงจัง

แคลร์รู้สึกงงกับเรื่องที่พวกเขาคุยกัน จนกระทั่งได้ฟังประโยคต่อมาของอลิซ เธอก็เข้าใจ

ฉันจะให้เวลาคุณ.. บอกลากัน..

ผู้ที่เป็นสามีพยักหน้ารับและกล่าวคำขอบคุณ

ถ้ามีอะไรที่คุณต้องการ เชิญเอาไปได้ครับ ผมขอบคุณจริงๆ.. จากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าไปในห้อง ปิดประตู

อลิซ.. มันต้องมีทางอื่นสิ..!” สาวผมแดงเอ่ยแย้ง

มันไม่มี.. สาวตัวสูงกว่าเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอต้องทำ

อลิซนำปืนของเธอขึ้นมาและเช็คลูกกระสุน เพื่อให้แน่ใจว่ามันเต็ม มันต้องไม่มีความผิดพลาด

อลิซสัญญากับตัวของเธอ มันต้องไม่มี

แคลร์พยายามหลายครั้งที่จะขอชีวิตครอบครัวนั่น ขณะมองจ้องไปยังนัยย์ตาที่หม่นหมองของอลิซ

อย่าทำแบบนี้.. อลิซปฏิเสธ จากนั้นประตูก็ถูกเปิด อลิซเดินเข้าไปพร้อมปืนในมือ

สิ่งสุดท้ายที่อลิซบอกกับแคลร์ มันรุนแรงและเป็นคำสั่ง ที่เธอรู้ว่าสาวผมแดงจะต้องทำตาม

อยู่ที่นี่..

อลิซเดินกลับไปยังทางเดิน จากนั้นก็ปิดและล็อกประตูจากด้านใน เธอหันไปเจอกับครอบครัวที่โอบกอดกันเป็นครั้งสุดท้าย กระซิบถ้อยคำว่า รักกัน สามีกับภรรยา แบ่งปันจุมพิตที่คุ้นเคย ก่อนที่พวกเขาจะจุมพิตลูกชายและจับมือของเขาคนละข้าง จากนั้นสายตาของเด็กชายก็มองสบกับอลิซ เขามองตรงมายังเธอและเธอก็เห็นความกลัวของเขา

เด็กเล็กนั่นหันจากอลิซไป ขณะที่มารดาของเขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงปลอบโยน

มองแม่สิ..ลูกรัก..

ในที่สุดผู้ที่เป็นสามีก็พยักหน้าให้อลิซ และเขาก็หันกลับไปมองลูกชาย รอยยิ้มแห่งความเสียใจเกิดขึ้นบนใบหน้า อลิซยกปืนในมือของเธอขึ้นและเล็งไปที่ศีรษะของเด็กชาย

พ่อรักลูกนะ.. นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่ผู้เป็นพ่อพูด

อดีตโปรเจ็คลั่นไกสามนัดติดต่อกัน เสียงของมันดังสนั่น เธอไม่ได้ยินเสียงครอบครัวนั้นร่วงลงสู่พื้น หนึ่งต่อหนึ่ง นัดแรก..เด็กชาย จากนั้น..มารดา และบิดา เลือดของพวกเขากองกระจัดกระจาย มันเป็นสีแดงไหลออกมาปกคลุมกระสุนโลหะสีทองและไหลมายังทางรองเท้าทั้งสองของอลิซ

อลิซนำปืนสั้นของเธอขึ้นมาจ่อที่ศีรษะตัวเอง เธอสามารถรู้สึกได้ถึงไอร้อนเพราะการผ่านการยิงมา ตรงขมับของเธอ ภาพของดวงตาสีน้ำตาลของเด็กชายที่มองเธอ ติดตรึงอยู่ เธอหลับตาและคิดถึงความง่ายของการทำสิ่งนี้ อดีตโปรเจ็คลั่นไกมาแล้วหลายปี แต่นี่มันแตกต่าง สิ่งที่เพิ่งผ่านไปเวียนกลับมาให้เธอได้คิด -ฉันน่าจะให้เวลาเธอบอกลา- จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงที่แทรกผ่านประตูด้านนอกเข้ามา พูดอย่างอ่อนโยน

อลิซ..

แคลร์กอดตัวเองแน่นอยู่อีกด้านของประตูที่ปิด เธอรับรู้ทุกครั้งที่เสียงปืนดังขึ้น จนกระทั่งเธอนับมันได้สามนัด นาทีผ่านไป เธอพยายามที่จะเอ่ยพูด พยายามจะเรียกชื่ออลิซ แต่มันก็ออกมาได้อย่างยากเย็น และอะไรที่เธอเอ่ยมันออกมาได้ก็แค่เสียงกระซิบที่สั่นเครือ คำเดียว

อลิซ..

นัดที่สี่และสุดท้ายดังขึ้น

อลิซ..!” แคลร์วิ่งอย่างรีบร้อนมายังประตู เธอดึงมือจับด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมี หวังให้มันเปิดออก เธอร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายอีกครั้ง ด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด


อลิซ..!!!!”


To be continue.

fiction Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...