Human Again.
Rated: M
English - Horror/Romance
Alice & Claire R.
By : andella07/FanFiction.net
Translated to Thai : Anhy
Chapter 16 : Slow Burn.
สายลมที่กรรโชกแรงมาอย่างกะทันหัน ทำให้อลิซต้องพยายามทำให้เท้าทั้งสองของเธอยึดมั่นกับพื้นในขณะที่เดินออกไปด้านนอกบ้านเพื่อหาเศษไม้เล็กๆ ที่เธอรู้ดีว่ามันอยู่ทางด้านทิศใต้ เมื่อถึงที่นั่น เธอมองดูกองเศษไม้นั้นอย่างพิจารณา เพื่อจะเลือกว่าแบบไหนที่จะสามารถเอาไปใช้ได้ดีสำหรับการก่อไฟ และตัดสินใจได้ว่า เศษไม้ที่อยู่ชั้นล่างไม่มีทางที่จะติดไฟได้ดีกว่าที่อยู่ด้านบน เธอเก็บท่อนไม้ที่จะเอาไปใช้สำหรับทำเชื้อฟืน จนได้เจอเศษไม้เล็กกว่าที่อาจจะใช้ได้ดีในการขึ้นกับเตาผิง เธอระมัดระวังในการใช้สองแขนประคองท่อนไม้หลายขนาดนั่น เพื่อไม่ให้มันมาสัมผัสกับปืนของเธอ อดีตโปรเจ็คไม่ได้สวมเสื้อกั๊กที่มีที่เก็บอาวุธ เกราะแขน หรือซองเก็บอาวุธปืนสี่กระบอกของเธอ แต่ในเมื่อเธอมีความรู้สึกไม่ดีที่อยู่อย่างไร้อาวุธ เธอจึงยังเลือกพกปืนไว้ที่เอวของเธอแทน
อลิซเงยหน้ามองดูท้องฟ้าอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินเข้าไปยังตัวบ้าน อากาศทั้งวันนี้ดูเหมือนจะมีแต่ความอึมครึม แต่เวลานี้ก้อนเมฆได้ถูกแต่งแต้มด้วยสีเขียวและก่อตัวหนาขึ้นทุกที เป็นสัญญาณว่ามันจะต้องเกิดพายุใหญ่อย่างแน่นอน
ในการประคองของสองแขนครั้งหนึ่ง อลิซนำไม้สี่ชิ้นที่มีขนาดเท่ากับปลายแขนของเธอบรรจุมา พร้อมด้วยเศษไม้เล็กๆและอีกสามท่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งเธอหวังจะใช้มันในตอนสุดท้ายสำหรับเตาผิง เมื่ออลิซก้าวเข้ามายังห้องนอนใหญ่ เธอค่อยแง้มประตูออกด้วยบ่าข้างหนึ่ง บรรยากาศของห้องถูกฉาบไว้ด้วยแสงแดดของเวลายามเย็นที่สาดส่องเข้ามา ภายในห้องที่มีแสงอันนวลตานั้นทาทุกอย่างเอาไว้ มีสาวสวยเจ้าของเรือนผมยาวสีแดงยืนอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่โดยหันหลังให้อลิซ
เสื้อผ้าชุดเก่าของแคลร์ที่เปียกน้ำถูกกองเอาไว้บนพื้นและเวลานี้เธอจึงมีเพียงเสื้อคามิตัวเก่าของเธอกับชุดชั้นในสีดำ เส้นผมสีเข้มที่เปียกชุ่มของเธอ เวลานี้คลายเป็นผ้าม่านวางรอบกรอบหน้าของเธอเอง ระหว่างที่เธอเอื้อมมือไปยังเตียงเพื่อหยิบกางเกงสีเทา ภาพเงาของสาวอายุน้อยกว่า แสดงให้เห็นเด่นชัดในสายตา เมื่อมีการมาของพายุด้านหลังเธอ เป็นผลให้อลิซหยุดนิ่งชะงัก
เสียงฝีเท้าของสาวร่างสูงกว่าถูกกลบเกลื่อนด้วยเสียงลมพัดจากด้านนอก สาวผมแดงจึงไม่ได้ยินสิ่งใด เธอแต่งตัวต่ออย่างไม่รู้สึกถึงความเกร็ง แคลร์นำขาเรียวยาวของเธอสอดเข้าในขากางเกงทีละข้างและค่อยๆนำมันขึ้นจากด้านล่างผ่านส่วนโค้งอันงดงามตรงต้นขาและสะโพก อลิซเอียงตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อเธอจะสามารถมองเห็นภาพวิวอันน่ามองนั่นได้ชัดขึ้น แต่จากนั้นเธอก็ถูกบังคับให้ตั้งตัวตรงขึ้น เมื่อสาวผมแดงแสนสวยนั่นจัดการติดกระดุมกางเกงของเจ้าหล่อนเสร็จและเริ่มหันกลับมา ทันใดนั้น ท่อนฟืนขนาดหนักกว่าท่อนอื่นๆก็ขยับออกจากการประคองของสองแขนของสาวร่างสูงกว่าและเธอก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้มันหล่นลง ท่อนฟืนพาน้ำหนักอันหนักอึ้งหล่นลงใส่เท้าของอลิซอย่างรวดเร็วตามแรงดึงดูดของโลก ซึ่งตามปกติแล้ว รองเท้าบู๊ตของเธอจะสามารถกันแรงกระทบอะไรทำนองนี้ได้อย่างดี แต่ครั้งนี้แรงตกกระทบนั่น ส่งตรงลงกับนิ้วหัวแม่โป้งเท้าพอดิบพอดี เสียงหล่นของมันทำให้แคลร์หันมามองอย่างประหลาดใจ
“โอ้ว..FUCK !” สาวร่างสูงกว่าตะโกนสบถออกมาทันที
“อลิซ ! ฉันไม่รู้ว่าเธออยู่นี่.. เป็นอะไรมั้ย..” สาวผมแดงเอ่ยออกมาอย่างเห็นใจ ระหว่างที่เธอเห็นอีกฝ่ายแสดงทีท่าเจ็บปวดขณะค่อยๆเคลื่อนตัวไปยังเตาผิงด้วยความระวังที่จะไม่ให้ของหล่นจากอ้อมแขนอีก
แคลร์หยิบท่อนฟืนที่หล่นขึ้น ท่อนฟืนนั้นไม่ได้ใหญ่มากน้ำหนักขนาดเพียงประมาณสิบปอนด์เท่านั้น เธอพาตัวเองมาที่เตาผิงอิฐที่อลิซกำลังมองอยู่ สาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลจัดการกับฟืนที่หามาได้ จัดตำแหน่งของมันเพื่อให้แน่ใจว่าเธอสามารถติดไฟได้ ทั้งยังพิจารณาอย่างระมัดระวังไม่ให้เชื้อเพลิงที่เธอจะใช้ในการก่อกองไฟมาทำอันตรายกับตัวเองและสถานที่ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างน่าจะปลอดภัย เธอจึงนำไม้ขีดออกมาจากกระเป๋า จุดมันหนึ่งก้านและนำไปยังเตาผิง พอไฟติดจึงหยิบเศษยางและเชื้อไฟลงไปใส่เพื่อเพิมแรงไฟให้มากขึ้น เพราะแค่ไม้ขีดอย่างเดียวคงจะไม่พอที่จะทำให้เกิดไฟที่ให้ความร้อนในทันทีกับอากาศแบบนี้
ด้วยเสียงแตกของเชื้อไฟกับยางไม่กี่ครั้ง และการเกิดของแสงไฟที่ถูกจุดขึ้น ควันสีดำจางๆก็เกิดขึ้นตามมาตัดกับแสงสีส้มของเปลวไฟเล็กๆ และด้วยออกซิเจนจากลมหายใจของอลิซ เปลวไฟเล็กๆนั่นจึงบังเกิดเป็นกองไฟที่ให้ความร้อน จากนั้นก็เป็นเวลาที่ท่อนฟืนจะได้ทำหน้าที่ของมันในการรักษาความร้อนนี้ไว้
“ฉันน่าจะไปเอาฟืนมาอีกสักหน่อยนะ เธออยู่ได้ใช่มั้ย..” อลิซถามขึ้นอย่างพอจะเดาได้ว่า สาวสวยผมแดงคงจะต้องการที่อยู่เพื่อเพลิดเพลินกับความร้อนจากเตาผิงนี้มากกว่าออกไปข้างนอก
“มีไฟให้ผิงแบบนี้แล้ว.. ฉันก็โอเค..” แคลร์ตอบอย่างรื่นเริง
ลมเริ่มแรงขึ้นขณะที่อลิซหวนกลับไปยังที่เก็บฟืน เธอมองไปยังปล่องไฟจนกระทั่งเห็นได้ว่าควันยังออกมาแต่หายไปอย่างรวดเร็วเพราะแรงลมพัด นั่นก็หมายถึงว่าทั้งสิ่งไม่มีชีวิตและมีชีวิตอาจจะรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเธอ
ครั้งนี้ที่เธอออกมาด้านนอกบ้าน เธอสามารถรับรู้ถึงกลิ่นของฝนจากทางไกล แต่มันก็ยังไม่ตกจนกระทั่งเธอเก็บฟืนมาได้แล้วชิ้นที่สี่ และเธอก็ได้รู้ว่า เธอกำลังถ่วงเวลาอะไรบางอย่างอีกครั้งแล้ว อลิซถอนหายใจออกมาอย่างเป็นทุกข์และเอ่ยพูดดังๆกับตัวเองท่ามกลางสายลมแรงที่พัดมาจากที่ไกลๆ
“เธอบอกว่า.. เธออยากจะอยู่ใกล้เค้า แต่พอเธอมีโอกาส – เธอวิ่งหนี... ฉันเป็นบ้าอะไรเนี่ย..” เธอถอนหายใจอีกครั้งและเริ่มเก็บฟืนต่อ ด้วยความคิดว่าให้มันมากพอที่เธอจะไม่ต้องออกมาเก็บมันอีก
อลิซเดินกลับเข้ามาในห้องนอนใหญ่ สาวผมแดงเอ่ยทักขึ้น
“เฮ้..ฉันเริ่มจะสงสัยว่า เธอจะอยู่ข้างนอกนั่นทั้งคืนรึเปล่า..”
สาวร่างสูงกว่าจัดเรียงกองฟืนของเธอเป็นชิ้นสุดท้าย แต่เธอไม่รู้เลยว่าจะโต้ตอบอีกฝ่ายอย่างไร เธอจึงได้แต่นิ่งเงียบ ตรวจเช็คเศษไม้ในเตาผิง จากนั้นก็หันหลังกลับมาแล้วตัดสินใจว่าจะนั่งตรงไหนดี ใกล้อีกคนนึงดีหรือไม่
“มานี่สิ.. มีใบไม้ติดผมน่ะ..” แคลร์บอกออกมาพร้อมรอยยิ้ม พลางเคาะพื้นใกล้ๆตัวเธอ
แล้วการตัดสินใจก็จัดการมันให้เธอ อลิซนั่งขัดสมาธิในขณะที่สาวผมแดงหยิบใบไม้แห้งออกจากผมของเธอให้ด้วยมือข้างที่พันผ้าผันแผลใหม่แล้วหลังจากที่อันแรกถูกเอาออกหลังจากการว่ายน้ำ หล่อนใช้ปลายนิ้วเกี่ยวกับใบไม้ไว้และโชว์มันให้อลิซดู
“เห็นมั้ย.. บอกแล้ว..”
“ขอบใจนะ..” อลิซพึมพำตอบอย่างอายๆและหันหน้าไปหาความอบอุ่นของไฟ มันแทรกซึมสู่ผิวกายของเธอและไล่ความเย็นจากการว่ายในน้ำเย็นจัดนั่น
ทันใดนั้นลมหอบใหญ่ก็พัดเข้ามาปะทะกับตัวบ้าน อดีตโปรเจ็คนำมือของเธอข้างหนึ่งจับปืนลูกโม่ของเธอไว้ ในขณะที่แคลร์ยังคงอยู่ข้างๆเธอ ไม่กี่นาทีของความตึงเครียดที่เกิดขึ้น เสียงดังสนั่นก็สั่นคลอนบ้าน ก่อนหน้าที่จะมีประกายแสงแว่บออกมา แคลร์กระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของอีกคน ห้องถูกจุดให้สว่างขึ้นด้วยประกายแสงนั้นที่มาตัดกับแสงสีส้มจากเตาผิง และในทันทีที่สายลมอีกหอบปะทะตัวบ้าน ท้องฟ้าก็ปล่อยสายฝนลงมา
เสียงฟ้าผ่าครั้งแรกไม่ได้ถูกตามมาด้วยเสียงดังสนั่นในแบบเดียวกันในครั้งต่อมา พายุเคลื่อนตัวไปอย่างว่องไว พร้อมสายฝนและลม ทิ้งไว้เพียงไฟแล่บกับแสงของฟ้าผ่าเล็กๆ แต่ระหว่างนั้น แคลร์ก็ยังคงนั่งอยู่บนตักของอลิซ โดยหันแผ่นหลังเข้าหาด้านหน้าของตัวเธอ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลใช้สองแขนของเธอโอบรอบเอวแคลร์ไว้ ขณะที่นิ้วเกี่ยวกันอยู่บนตักของแคลร์ ความใกล้ชิดเช่นนั้น ทำให้สาวร่างสูงกว่าสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายที่ของความตื่นตระหนกจากสาวอายุน้อยกว่าเพราะพายุที่พัดผ่านไป
“โอเครึเปล่า..” อลิซถามขณะที่เธอจุมพิตเบาๆบนศีรษะของอีกฝ่าย
แคลร์พยักหน้าน้อยๆ เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากแล้วหลังจากที่กลัว ด้วยความช่วยเหลือของอีกคน ท้องไส้ของเธอรู้สึกถึงอาการบิดมวนอย่างน่าประหลาดระหว่างที่ถูกนิ้วของอีกฝ่ายไล้เบาๆที่มือทั้งสองข้าง ด้วยกองไฟด้านหน้าของตัวเธอและความร้อนจากร่างกายอลิซที่ให้ความอบอุ่นที่แผ่นหลัง เธอรู้สึกมากกว่าที่จะเรียกได้ว่า อบอุ่น เธอกำลังถูกเผา
แคลร์หวนคิดถึงจูบแรกของเธอทั้งสองที่ชายหาดและครั้งที่สองที่สนามบิน ครั้งแรกมันไม่นานพอและครั้งที่สองมันเกิดมาจากความเจ็บปวด แต่ทั้งสองครั้งนั่น ทำให้เธอต้องการครั้งที่สาม สาวผมแดงขยับตัวออกจากอ้อมแขนของอลิซเล็กน้อย และหันศีรษะมาเพื่อประทับริมฝีปากตัวเองกับของเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล ส่วนคนอายุมากกว่าระหว่างที่ไม่ทันตั้งตัว เธอรีบฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว แคลร์สัมผัสแค่เพียงภายนอกขณะที่อลิซยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อประคองใบหน้าเธอและบรรจงมอบจุมพิตลึกล้ำ ปลายลิ้นของอลิซเริงร่าอยู่เหนือซี่ฟันของอีกฝ่าย ทั้งสองจุมพิตกันอย่างต่อเนื่องทั้งที่แคลร์ยังคงอยู่ในท่าเดิมที่หันข้างเข้าหาอลิซ จนกระทั่งหลายนาทีผ่านไป การหายใจของพวกเธอติดขัดและผิวกายร้อนผ่าวขึ้น
หัวใจของสาวผมแดงเต้นแรงจนกระทั่งได้ยินเสียงของมันภายในหูขณะที่เธอพักการจุมพิตแต่ไม่มีทางที่เธอจะพร้อมที่จะหยุดมัน โดยไม่ละสายตาออกจากกัน เธอขยับตัวออกจากการประคองของอีกคน งอเข่าและนั่งลงบนตักของอลิซ
สาวร่างสูงกว่ารู้สึกได้ถึงสองมือของแคลร์ที่ประคองสองแก้มของเธอ ขณะที่หล่อนพาริมฝีปากมามอบจุมพิตอีกครั้ง อลิซกอดรัดสาวผมแดงแน่น ความปรารถนาของพวกเธอเพิ่มขึ้นพร้อมความนาทีแห่งความเร่าร้อนของความพึงพอใจ
สาวอายุน้อยกว่าพร้อมแล้วกับอะไรที่มากกว่านี้ เธอปรารถนาที่จะรู้สึกถึงผิวกายของอลิซ เธอจึงนำมือข้างหนึ่งขึ้นมาสัมผัสกับสะโพกซ้ายของอีกฝ่ายและแทรกเข้าภายใต้เสื้อ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหายใจแรงขึ้นขณะที่มือของอีกคนสัมผัสผิวกายของเธอโดยตรง การเดินทางสำรวจของมือนั้นเลื่อนขึ้นมาจนถึงกระดูกซี่โครงของอลิซริมขอบเสื้อผ้าที่ปกคลุมหน้าอกของเธอ แคลร์กำลังเพลิดเพลินกับการล้อเล่นเช่นนี้และระหว่างที่เธอต้องการที่จะใช้ปลายนิ้วของตัวเองเล่นกับจุดอ่อนไหวตรงหน้าอกของอลิซ เธอใช้อีกมือหนึ่งสัมผัสกับแผ่นหลังของอีกฝ่ายและไล้สัมผัสขึ้นมาอย่างช้าๆและหยุดนิ่ง
อลิซละออกจากการจุมพิตทันที แอ่นตัวขณะที่เธอต้องการหลุดออกจากสัมผัสที่แผ่นหลัง แต่มือของแคลร์กลับเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพื่อไล่ไปตามรอยแผลเป็นจากสะโพกมาจนถึงบ่าของเธอ จากรอยแผลเล็กๆมาถึงที่เป็นขนาดใหญ่
“หลังไปโดนอะไรมา..” สาวผมแดงเอ่ยถามอย่างกังวล จากที่เธอสังเกตได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันของอีกฝ่าย
“ไหม้..”
“ทำไมถึงไหม้ได้ล่ะ.. เกิดอะไรขึ้น..” อีกครั้งแล้วที่เสียงจากสาวอายุน้อยกว่าแสดงออกถึงความสนใจให้ความเป็นไปของคู่หูของเธอ
“อุบัติเหตุน่ะ..”
“อลิซ.. ทำไมเธอถึงชอบปิดบังแบบนี้..” แคลร์มองอย่างค้นหาไปยังดวงตาสีฟ้าของคู่หูของเธอ แต่เธอก็ไม่พบอะไรเพราะอลิซหลบตา
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลคิดทบทวนว่า เธอควรจะตอบว่าอย่างไร ด้วยความจริงแล้ว ครั้งแรกที่พวกเธอพบกัน ทุกอย่างของอลิซดูเพอร์เฟคไปหมด ไม่ใช่แค่เพียงว่า ไวรัสทีสามารถรักษาบาดแผลได้อย่างรวดเร็วเพียงอย่างเดียว มันยังช่วยคงสภาพของเลือดในเส้นเลือดของเธอให้แสดงออกมาเป็นความเปล่งประกายของผิวกายของเธอด้วย เธอต้องการจะเพอร์เฟ็คสำหรับแคลร์ แต่แผลเป็นของเธอไม่ใช่เป็นเพียงแค่รอยตำหนิที่น่าเกลียด มันคือความอ่อนแอ หากเธอไม่พลาดการฆ่าเวสเกอร์ เธอก็คงจะยอมรับมันอย่างภาคภูมิ ร่องรอยนี้จะเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จของมนุษยชาติ แต่เวสเกอร์กลับลุกขึ้นได้และเดินจากไป ทิ้งเธอให้ตาย...
“ฉันเผชิญหน้ากับชายคนหนึ่งที่เป็นผู้รับผิดชอบของอัมเบรลล่า เราสองคนอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ ตอนที่เขาจัดการฉันได้สำเร็จระหว่างที่ต่อสู้กัน เขากำลังจะฆ่าฉัน แต่เพราะไม่มีใครควบคุมเครื่อง เราจึงชนเข้ากับเนินเขา ฉันตื่นเข้ามาท่ามกลางกองไฟในซากของคอปเตอร์และเหล็กหนักที่วางทับอยู่บนหลัง ฉันคิดว่ามันแค่ทำให้ฉันลุกไม่ได้ ไม่ทันได้คิดว่ามันจะเผาตัวฉัน ฉันพยายามสะลัดมันออกไปและรู้สึกได้ว่าเลือดไหลลงมาจากหลังตอนที่ฉันยืนแต่ฉันไม่รู้สึกถึงความเจ็บ..”
แคลร์ไล้ปลายนิ้วขึ้นและลงตรงจุดศูนย์กลางของแผลเป็นด้วยความรู้สึกสงสารอลิซ
“นิ้วเธออยู่ตรงไหนตอนนี้.. ฉันไม่รู้สึกเลย..”
ได้ฟังคำประโยคนี้ สาวผมแดงทบทวนว่าเธอจะหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองดีหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจว่านี่มันอาจจะไม่ใช่การปลอบโยนอลิซ มันคือการปลอบโยนตัวเธอเอง
“อืม..นี่มันแค่บอกได้ว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่า ทำไมเธอถึงปิดบัง..”
“ไม่มีอะไรนี่.. ปล่อยมันไปได้มั้ย..” ผู้มีอายุมากกว่าส่งเสียงหัวเราะน้อยๆในลำคอ
“ไม่.. บอกมา..” สาวผมแดงขู่แต่ยิ้มให้เพื่อให้ความมั่นใจกับอีกฝ่าย อลิซจึงตัดสินใจพูดเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเธอ
“ฉันอยากจะสมบูรณ์แบบสำหรับเธอ..แคลร์..”
ผู้มีอายุน้อยกว่ายิ้มอย่างประหลาดใจ “ใครบอกล่ะว่า..เธอไม่ได้เป็นแบบนั้น..” เธอโต้ตอบและจบมันด้วยจุมพิต
และนี่มันก็ไม่มีอะไรที่สามารถหยุดอะไรได้อีกแล้วเวลานี้ เธอรักแคลร์ และคืนนี้ เธอก็จะแสดงมันออกมาว่า มันมากขนาดไหน
ทั้งสองถูกโอบล้อมด้วยแรงแห่งปรารถนาเกินจะกลั้น พวกเธอใกล้ชิดกันแล้วแต่ต้องการจะใกล้ชิดมากกว่านี้ การละออกจากการจุมพิตครั้งนี้ก็เพราะต้องการนำเสื้อของต่างฝ่ายออกจากกัน อลิซดึงเสื้อกล้ามบางเบาของแคลร์ออก เหลือเพียงบราสีดำ ส่วนสาวผมแดงก็นำเสื้อออกจากตัวอลิซ จากนั้นก็บรา
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลปลดล็อกบราของอีกฝ่ายออก และแคลร์ก็ให้ความช่วยเหลือให้มันออกจากตัวเธอระหว่างที่ริมฝีปากของอลิซเริ่มซุกไซ้ซอกคอและไล่ต่ำลงมาอย่างหน้าอกของเธอ สาวผมแดงแอ่นตัวเองเพื่อเรียกความสนใจของอลิซให้ต่ำลง เจ้าของร่างสูงกว่าเล็มไล้ริมฝีปากของตัวเองเข้าไปใกล้จุดอ่อนไหวที่สุดของหน้าอกอีกฝ่าย
แคลร์กัดริมฝีปากตัวเองอย่างคาดหวัง อลิซจัดการใช้ริมฝีปากของเธอกับจุดอ่อนไหวตรงหน้าอกของแคลร์ มันแข็งตัวตอบรับสัมผัสที่ปลายลิ้นมอบให้ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลขยับมือข้างหนึ่งขึ้นเข้าสู่ต้นขาด้านในของแคลร์ หล่อนครางทันที หากว่าอลิซไม่ระวังแล้วล่ะก็ เธอคงจะจัดการแคลร์เดี๋ยวนี้ตรงนี้บนพื้นและคงไม่ได้ ในเมื่อมีเตียงที่ให้ความรู้สึกดีกว่าอยู่ตรงนั้น
อลิซหยุดทรมานจุดอ่อนไหวบนหน้าอกของแคลร์ เธอใช้สองมือช้อนใต้บั้นท้ายที่กระชับแน่นนั่น แคลร์เข้าใจความหมาย เธอลุกขึ้นเล็กน้อยในท่าย่อเข่าอยู่ ในท่านั้นอลิซจึงสามารถจัดการกับเข็มขัดของอีกฝ่ายและปลดกระดุมกางเกง ยังไม่ทันที่สำเร็จ แคลร์จับมือเธอและดึงขึ้น เมื่อเธอทั้งสองลุกขึ้นยืนแล้ว สาวผมแดงจึงใช้มืออีกข้างปลดสายคาดอาวุธของอลิซ อดีตโปรเจ็คได้ยินเสียงปืนของเธอหล่นลงพื้นระหว่างที่แคลร์จัดการกับริมฝีปากของเธอ ทั้งสองดึงกางเกงของตัวเองออกและพากันขึ้นเตียงโดยที่ไม่ละออกจากกัน
แคลร์เป็นคนแรกที่ลงไปนอนบนเตียงโดยมีอลิซอยู่เบื้องบนตัวเธอ ไม่ว่าจะเป็นจุดใดที่ได้สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายมันทำให้เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหลุ่มหลง และเธอสามารถรู้สึกได้ถึงหยาดน้ำแห่งความปรารถนาของตัวเองเปียกชุ่มกางเกงชั้นใน มือหนึ่งของเธอไล่ลงไปตามหน้าท้องของแคลร์สู่ขอบกางเกงชั้นใน ผู้มีร่างสูงกว่าใช้นิ้วหนึ่งดึงมันออกจากตัวอีกคนได้โดยง่าย
อลิซถูกทำให้ไขว่เขวกับสิ่งสวยงามในสายตาที่เป็นของแคลร์ สาวผมแดงจึงพลิกตัวเองขึ้นและเปลี่ยนตำแหน่งกับอลิซ ผู้มีอายุน้อยกว่าพรมจุมพิตตัวเองลงกับจุดอ่อนไหวที่สุดบนหน้าอกข้างหนึ่งของอลิซ ระหว่างที่ใช้มือหนึ่งจัดการกับหน้าอกข้างเหลือ และใช้มือข้างที่เหลือวางไว้ด้านในของต้นขาที่เปลือยเปล่านั่น เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนปวกเปียกไปกับทุกสัมผัสที่เกิดขึ้น แต่หากว่าเธอปล่อยให้แคลร์ได้เธอก่อน มันไม่ใช่แผน อดีตโปรเจ็คจึงใช้กำลังที่ยังพอมีเหลืออยู่จากผลพลอยได้จากการฝึกซ้อมการต่อสู้พลิกสถานการณ์ให้ตัวเอง ทันใดนั้น อลิซจึงกลับมาอยู่เบื้องบน พร้อมสองมือของแคลร์ที่ถูกกดไว้เหนือศีรษะของหล่อน
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลหยุดชะงักเพราะเหตุการณ์ที่ซ้ำซ้อนกับภาพเดิม แต่แทนที่จะวิ่งหนีเหมือนตอนที่เธอทำบนชายหาดนั่น เธอจะทรมานสาวผมแดงตรงหน้าจนกระทั่ง หล่อนไม่สามารถจะรับมันไหว ขณะที่ริมฝีปากของเธอจัดการกับทรวงอกของแคลร์อย่างหื่นกระหาย อลิซใช้ต้นขาของเธอแทรกเข้าไปตรงกลางระหว่างสองขาของอีกฝ่ายและกดมันลงกับจุดศูนย์กลางอันเปียกชุ่มนั่น เสียงครางอันพึงใจดังขึ้นมา ผู้มีอายุมากกว่าคิดว่าจะทรมานอีกฝ่ายด้วยการกดดันแคลร์ให้เกิดความต้องการมากขึ้น และรั้งรอไว้ จนกระทั่งสาวผมแดงนำตัวเองเข้าสู่ต้นขาของอลิซเอง แคลร์ดิ้นรนต้องการพาตัวเองออกจากการถูกจับไว้ที่สองมือเพราะเธอรู้สึกทนไม่ไหว อลิซรู้สึกถึงมันจึงหยุดนวดเฟ้นจุดอ่อนไหวที่สุดตรงหน้าอกอีกฝ่ายด้วยปลายลิ้นของเธอและมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวของแคลร์ สาวอายุน้อยกว่าจ้องกลับ
“ฉันต้องการเธอ..อลิซ..” เจ้าของเรือนผมสีแดงอ้อนวอนพร้อมส่งเสียงหายใจติดขัด
ในการนี้ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไม่อาจปฏิเสธได้ เธอแทนที่ต้นขาของตัวเองด้วยมือของเธอและค่อยๆล้อเล่นกับจุดนั้นของแคลร์ที่เปียกโชก อลิซปล่อยมือทั้งสองของแคลร์ เพื่อให้หล่อนได้อยู่ในตำแหน่งที่ทำให้เกิดความพึงพอใจมากขึ้น สาวผมแดงใช้มือทั้งสองของเธอที่เป็นอิสระนำริมฝีปากของอลิซเข้าหาเธอ ระหว่างนั้น ผู้มีอายุมากกว่านำสองนิ้วแทรกเข้าไปตรงส่วนในของร่างกายแคลร์ ปรนนิบัติมันเพื่อนำพาให้ถึงจุดหมาย
“โอ้..พระเจ้า.. อย่าหยุดนะ..!”
อลิซเล่นกับจุดนั้นที่อ่อนไหวที่สุดของร่างกายแคลร์ เพิ่มความเร็วของมันมากขึ้น จนกระทั่งสาวผมแดงนำต้นขาของหล่อนขึ้นมาสัมผัสกับจุดนั้นที่เปียกโชกไม่ต่างกันกับตัวเองของอลิซ กระแสคลื่นแห่งความพึงพอใจและแรงปรารถนาแล่นทั่วร่างกายของอลิซทันที เธอเริ่มต้องการมากขึ้น ทั้งสองเข้าสู่จังหวะการเคลื่อนไหวเดียวกันอย่างง่ายดาย กระแสแห่งความสุขสมเพิ่มมากขึ้นในทุกการเคลื่อนไหว เมื่อเธอสองคนใกล้ถึงที่หมายของแรงปรารถนา อลิซใช้หัวนิ้วโป้งของเธอถูไปมากับจุดคริตอริสของแคลร์ และในนาทีที่ถูกจังหวะ เธอนำนิ้วลึกเข้าสู่ส่วนในของจุดอ่อนไหวที่สุดนั่น
“อลิซ..!” แคลร์ร้องออกมา ขณะที่ความพึงพอใจของทั้งสองมาถึงที่สุดและพวกเธอก็ถึงจุดที่สุดนั้นพร้อมๆกัน..ออกัสซึ่ม
เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดโดยสมบูรณ์ อลิซล้มพับลงบนตัวของสาวผมแดง กล้ามเนื้อที่สั่นระริกและอ่อนล้าของเธอไม่ได้คงอยู่ในสภาพนั้นนานนัก เธอจึงขยับตัวเองออกและนอนลงหงายหลังกับที่นอน แคลร์ขยับตัวของเธอเข้าสู่อ้อมแขนของอีกคน วางศีรษะของเธอไว้กับบ่าของอลิซ ระหว่างวางแขนข้างหนึ่งไว้บนหน้าท้องของฝ่ายนั้น และในท่านั้นขาของพวกเธอจึงเกาะเกี่ยวเข้าด้วยกัน
อลิซบอกได้เลยว่า เธอกำลังยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เธอใช้มือข้างที่ว่างอยู่ไล่ปอยผมบางเส้นที่มาละใบหน้าของแคลร์ สาวผมแดงเปิดริมฝีปากเพื่อเอ่ยพูดแต่เธอก็ปิดมันลง เมื่อเธอเห็นว่าอลิซยิ้มได้มากแค่ไหน เธอยิ้มด้วยและหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
เป็นเวลาไม่นานนักที่คนอายุน้อยกว่าเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา เมื่ออลิซคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ตื่นมาแล้วระหว่างนี้ เธอจึงค่อยปลดตัวเองออกจากอ้อมแขนนั้นและลุกขึ้นเก็บปืนลูกโม่บนพื้น เขี่ยไฟในเตาผิง สาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลรู้สึกมีความสุขมาก แต่มันก็บาป - ความไม่สบายใจจากความกลัวและระแวงเกิดขึ้น อลิซพยายามดิ้นรนจะผลักความรู้สึกนี้ออกไป เธอแค่ต้องการกลับไปสู่เตียงและนอนลงเคียงข้างกับแคลร์ แคลร์คงจะสามารถสู้กับปีศาจร้ายทางความคิดแบบนี้ที่เธอสร้างขึ้นมาได้ แต่มันก็เป็นนิสัยแห่งความเคยชินของเธอ เมื่อสิ่งต่างๆกำลังจะไปได้ดีเกินไปสำหรับเธอ เธอก็มักจะทำลายมันด้วยตัวเอง
ในทางหนึ่ง เธอแย่มากกว่าอัมเบรลล่า บริษัทนั่น อย่างน้อยก็แค่ทำตามทางของพวกเขา แต่นั่นแหละ ที่ทำให้อลิซดูแย่กว่า ทำลายอะไรต่ออะไรมากกว่า เธอล้มเหลวกับการไม่สามารถปกป้องไวรัสทีจากคนไม่ดี ล้มเหลวกับการสร้างยารักษาที่แท้จริง ล้มเหลวที่จะทำลายอัมเบรลล่า เธอล้มเหลวกับแคลร์และกองคาราวานของหล่อนสำหรับคำสัญญาที่จะทำให้พวกเขาปลอดภัย ผลสะสมทั้งหมดของมันก็คือ..
การเผาไหม้อย่างช้าๆ
To be continue….