The Phantom of the night [Sisters Side Story] Ch.18
Pairing : Anh x Shizuru x Alyssa
Rate : M
Genre : Drama - Romance
By : Anhy
My Curse - 6 : Alyssa’s POV
ฉันทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้ในห้องโถงขนาดเล็กในบ้านของฉัน หลังจากที่อายไปแล้ว เธอจากฉันไป และคงจะไม่กลับมาอีกแล้ว..
ฉันนั่งอยู่ที่นี่ที่เก้าอี้ตัวนี้และโต๊ะนั่งเล่นชุดนี้ที่ประจำของอาย ที่ที่เธอจะมานั่งอ่านหนังสือรอฉันกลับมาบ้าน เรานั่งคุยกันที่นี่เสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะบ้านของเรามันเล็กกว่าปราสาทวิโอล่าหลายเท่านัก ห้องที่จะให้ความสะดวกกับเราได้ก็มีแค่ห้องโถงเล็กๆนี้กับห้องนอนเท่านั้น
ฉันไล้มือไปตามเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่ เพราะคิดถึงว่าอายเคยนั่งอยู่ตรงนี้และฉันก็นั่งอยู่ใกล้ๆเธอ มองเธออ่านหนังสือบ้าง ทำงานบ้าง แค่เท่านั้นฉันก็มีความสุขมากแล้ว แต่วันนี้ฉันคงจะไม่มีความสุขแบบนั้นอีกแล้วล่ะ
สายตาของฉันมองเหม่อไปเรื่อยๆภายในห้องโถงเล็กหรือที่เรียกติดปากก็ห้องนั่งเล่น จนไปเห็นโซฟายาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชุดโต๊ะรับแขกนี่ ฉันลุกขึ้นยืนและไปนั่งลงบนโซฟา ตอนนั้นอายเคยนั่งอยู่ตรงนี้อ่านหนังสือตามเคย แต่ฉันกลับนอนหนุนตักอุ่นๆของเธออย่างสบายใจ ฉันเอนตัวลงนอนในที่สุดและวางศีรษะลงกับที่พักแขนของมัน ความแข็งของมันที่ฉันรู้ได้ เทียบไม่ได้เลยกับตักนุ่มๆของสาวสวยคนนั้นของฉัน ฉันหลับตาลงในเวลาต่อมาและคิดไปว่า ฉันนอนหนุนตักอาย ฉันนึกถึงความสุขตอนนั้น
ฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง เพราะความรู้สึกไม่สบายตัวนักเมื่อฉันเทียบมันกับตอนที่เคยมีอายอยู่ตรงนี้ด้วยกัน ฉันลุกขึ้นนั่งอย่างยอมแพ้และมองไปยังโต๊ะนั่งเล่นตัวเดิม ฉันเห็นอายกำลังนั่งทานอาหารอยู่ที่นั่น ใช่..เพราะบางทีอายก็นำอาหารของเธอมานั่งทานที่นี่ในขณะที่ฉันนั่งดูเธอทาน เพราะแวมไพร์อย่างฉันไม่จำเป็นต้องทานอะไร ฉันนั่งดูเธอแล้วก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่คนเดียว จนอายหันมาทำตาเขียวใส่ฉัน แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังยิ้มได้ เพราะรู้ดีว่า อายก็แค่กำลังเขินอยู่เท่านั้น ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อเธอหยิบช้อนขึ้นมาพร้อมอาหารที่เต็มพูนแล้วเอามาป้อนใส่ปากฉัน เธอบังคับให้ฉันทาน และฉันก็จำเป็นต้องกลืนมันลงคอไปทั้งที่รู้สึกผะอืดผะอม เพราะอายใช้มือเธอปิดปากฉันไว้ไม่ให้คายมันออกมา ฉันเห็นเธอยิ้มสะใจ ฉันก็เลยแกล้งทำหน้าบูดใส่เธอไปบ้าง แต่ก็ทำได้ไม่นาน ความอ่อนหวานจากริมฝีปากของอายที่เข้ามาสัมผัสกับปากของฉัน ทำให้ฉันไม่กล้าจะทำตัวเกเรกับเธอ มิหนำซ้ำ ดวงตาสีดอกลาเวนเดอร์ที่มองฉันอยู่ก็บอกให้ฉันได้รู้ว่าอะไรที่เธอต้องการ
ใช่..อายไม่ได้อยากทานอาหารบนโต๊ะอีกต่อไปแล้ว และฉันรู้ว่า อะไรที่อายต้องการตอนนี้ ฉันเลยไม่รีรอที่จะเข้าไปทำให้ความต้องการของอายได้รับการเติมเต็ม
ฉันลุกขึ้นยืนเพื่อมองดูภาพแห่งความทรงจำที่กำลังเล่นซ้ำให้ฉัน ตอนนี้ฉันตามมันมา กระทั่งเดินเข้ามาในประตูห้องนอนและ..ฉันเห็น...
เราอยู่บนเตียงด้วยกัน เตียงของฉันและของอาย เตียงของเรา ฉันอุ้มอายเข้ามาในห้องนอนเหมือนที่เธอชอบให้ฉันทำ เหมือนที่เธอชอบให้ฉันอยู่ด้านล่างของตัวเธอแบบนี้ อายกำลังนั่งคร่อมตัวฉันอยู่และจูบฉัน ไม่ใช่สิ..เราจูบกัน ฉันถึงจะอยู่ด้านล่างก็ไม่ได้ยอมให้อายทำตามทางของเธอคนเดียว มือของฉันข้างหนึ่งละออกมาจากการกดหลังอายให้ลงมาหาฉันใกล้ๆ เพื่อจะสัมผัสกับหน้าอกของเธอที่ก็เหมือนกำลังรอให้ฉันทำแบบนี้กับมัน อายส่งเสียงครางในลำคอเบาๆในระหว่างที่เราจูบกันอยู่แบบนั้น เสื้อผ้าของเราเหมือนจะเกะกะเกินไปเลยในเวลาแบบนี้ อายกระซิบข้างหูฉันให้เอามันออกจากตัวเธอให้ หลังจากที่เธอยอมออกจากจูบของเรา เพื่อเติมอากาศลงในปอดของเธอ และตอนที่ฉันเอาเสื้อผ้าออกจากตัวอาย อายก็ทำแบบนั้นกับฉันเหมือนกัน แต่เธอไม่ได้ถอดมันออกเปล่าๆ ริมฝีปากของเธอก็ไล่ลงมาจากริมฝีปากของฉัน ผ่านลำคอฉัน ไหปลาร้า และค่อยๆไต่ลงมาเรื่อยๆในเวลาที่สองมือเธอค่อยๆปลดเม็ดกระดุมเสื้อเชิ้ตของฉัน ตัวฉันสั่นแต่ก็แอ่นขึ้นเพื่อรับสัมผัสจากเธอ หูของฉันได้ยินเสียงตัวเองร้องคราง เมื่อรู้สึกปลายลิ้นของอายที่หน้าอกตัวเอง ฉันเกร็งจนรู้สึกได้ว่าตอนนั้น มือของฉันที่อยู่กับทรวงอกของอายก็เผลอออกแรงบีบมันอย่างแรง รู้สึกได้ว่า อายสะดุ้งกับสัมผัสแรงๆแบบนั้น ฉันจึงเอามือออกให้ห่างจากทรวงอกสวยๆนั่น เพราะกลัวว่าจะทำร้ายมันอีก แต่อายสิ กลับใช้สองเต้านั่น ถูไปตามหน้าอกของฉัน และลงน้ำหนักตัวของเธอลงมาหาฉัน ด้วยการที่เธอใช้สองแขนคล้องกันหลังต้นคอของฉันเพื่อพยุงตัวเองไว้ แต่ในท่านั้นหน้าอกของเราก็เบียดกัน อายขยับตัวเธอเคลื่อนขึ้นและลงจนฉันรู้สึกได้ว่า ฉันกำลังใกล้จะคลุ้มคลั่ง ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นไปทั่วตัวฉัน เพราะนางแมวยั่วสวาทคนนี้ ฉันไม่รีรออีกแล้วที่จะทำให้อายได้สมหวังกับเรื่องนี้ เพราะฉันเองก็กำลังต้องการมัน
ฉันทำให้อายก่อนในท่าที่เธออยู่บนตัวฉันนั่นแหละ ในตอนแรก ฉันแค่ใช้ปลายนิ้วค่อยๆไล้เข้าไปในร่องเนินสวาทของเธอ แทรกเข้าไปในของสงวนนั่นแค่เพียงผิวเผิน แต่เพียงเท่านั้น อายก็ร้องครางดังขึ้น ลมหายใจร้อนๆของเธอออกมากระทบกับซอกคอของฉันเพราะหน้าของเธอซุกอยู่ตรงนั้นพอดี และฉันรู้สึกดีกับมัน ปลายนิ้วของฉันเริ่มวนไปมาลึกลงในส่วนนั้นของอาย มันง่ายมากที่จะทำแบบนี้ เพราะมันมีน้ำหล่อลื่นช่วยลดการเสียดสีของเนื้อกับเนื้อได้อย่างดีทีเดียว และตอนนี้ฉันรู้สึกได้ว่าอายขยับสะโพกของเธอเข้าหานิ้วของฉัน เธอต้องการให้ตรงส่วนนั้นของเธอได้รับการสัมผัสให้มากขึ้น เหมือนทุกครั้งที่เธอเป็น ฉันก็เล่นกับเธอตรงนั้นระหว่างขยับตัวให้เข้ากับการขยับของอายและใช้แขนข้างที่ว่างอยู่โอบประคองด้านหลังของเธอไว้ด้วย เราสองคนเคลื่อนไหวเป็นจังหวะเดียวกันไปสักพักโดยที่นิ้วของฉันสองนิ้วยังอยู่แค่ผิวด้านนอกของของสงวนของอาย เพราะฉันต้องการให้เธอรู้สึกถึงอารมณ์แบบนี้ให้มากๆ พอได้โอกาสที่เสียงลมหายใจของอายเริ่มติดขัดมากขึ้น นิ้วทั้งสองของฉันจึงเข้าไปในตัวเธอ คราวนี้อายเริ่มขยับสะโพกเข้าหาฉันหนักขึ้นอีก เหมือนเธอกำลังต้องการอยากจะถึงจุดนั้นเต็มที่แล้ว และมันก็ไม่นานเกินรอ เสียงของอายก็ระเบิดออกมาจากลำคอของเธอ อายตัวสั่นเล็กน้อยและหายใจหอบ แต่ก็ไม่นาน อาการของเธอก็ดีขึ้นและเธอก็ยิ้มให้ฉัน เธอรู้ดีฉันยังไม่ได้ถึงจุดหมายนั้นเหมือนที่เธอได้ และมันก็ไม่ใช่อย่างที่ฉันคาดไว้กับอะไรที่อายจะให้ฉันตอบมา เพราะอายไม่ได้ทำอย่างเคย แล้วฉันก็ยั้งเธอไว้ไม่ได้ เมื่อปลายลิ้นของเธอไล้วนเข้าไปในจุดอ่อนไหวของฉันที่เธอวางตำแหน่งของใบหน้าสวยๆของเธออยู่ในเวลานี้ หลังจากที่เธอจับขาของฉันแยกออกจากกัน และถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่วิธีการหนึ่งของการร่วมรักกันของผู้หญิงแบบเรา แต่มันก็ทำให้ฉันเข้าใจได้ว่า หากไม่ได้รักกันหรือห่วงกันจริงๆแล้ว คงจะทำแบบนี้ให้กันไม่ได้ เพราะมันเป็นการกระทำที่ให้ความรู้อ่อนโยนมากในความคิดของฉัน ก็ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลยนี่นา แต่จะว่าไปแล้ว ฉันก็เพิ่งเคยมีเซ็กซ์มายังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของชีวิตแวมไพร์คนอื่นๆเลยนี่นา
แล้วความอ่อนโยนของอายที่ฉันได้รับก็ทำให้ฉันไปถึงจุดที่ฉันต้องการ แต่มันก็น่าแปลกนะที่ฉันไม่ได้อยากกินเลือดอายเลยในเวลาที่ถึงจุดสุดยอดครั้งนี้ ฉันแค่ดึงตัวอายขึ้นมาจากตำแหน่งนั้นและจูบเธอที่ปาก จนได้รสชาติของรสสวาทนั้นของตัวเอง มันประหลาดดีไม่เบา จากนั้นเราสองคนก็นอนกอดกัน โดยมีอายนอนซบหน้าอยู่กับบ่าของฉัน จนกระทั่งเราพากันหลับไป
น้ำตาของฉันไหลออกมาจากความทรงจำนั้นที่เล่นภาพซ้ำไปมาอยู่ในหัว ทั่วบ้านหลังนี้ไม่ว่าจะเป็นตรงจุดไหนของบ้าน ฉันก็เห็นเธอ อายอยู่ที่นี่เสมอไม่เปลี่ยนไปเลย จริงๆแล้วมันก็น่าจะเป็นเรื่องดี ที่ที่นี่มีอายอยู่เต็มไปหมด แต่ฉันคงจะทนอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีอายตัวจริงอยู่ด้วยกัน มันเหงาเกินไป
บ้านหลังเล็กหลังนี้ กลายเป็นหลังใหญ่ขึ้นมาทันที เมื่อฉันอยู่คนเดียว.. ฉันคิดถึงเธอ..อาย..
ฉันพาตัวเองเข้ามาในห้องนอนและหยุดอยู่หน้าเตียงนอนของฉัน ไม่ใช่สิ..ของเรา ของอายกับของฉัน แล้วก็นั่งทรุดลงจากนั้นก็นอนลงกับมัน เอื้อมคว้าหมอนใบนั้นเข้ามาหาตัวและกอดมันไว้ ฉันกอดหมอนใบนั้นที่อายเคยใช้มันหนุนนอนอยู่ทุกคืน สูดกลิ่นหอมที่ทำให้ฉันรู้สึกถึงตัวของอาย รู้สึกถึงตอนที่เธอให้ฉันนอนหนุนหน้าอกอุ่นๆนั่น นึกถึงร่างกายนั้นที่ฉันนอนกอดอยู่ทุกคืน แต่ตอนนี้ฉันไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว..
ฉันนอนร้องไห้อยู่เงียบๆคนเดียวในห้องนั้น จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าหมอนเปียกไปหมดแล้ว แต่ฉันก็หยุดมันไม่ได้ ความเสียใจทำให้ฉันจมดิ่งอยู่กับช่วงเวลาของการสูญเสียอีกครั้ง หลังจากที่ฉันออกตามหาเธอแต่ไม่เจอ ไม่มีใครรู้ว่าอายอยู่ที่ไหน แม้กระทั่งคุณพ่อของเธอเอง
หลายวันกับหลายคืนแล้วสินะ ที่อายจากฉันไป และหลายวันอีกเหมือนกันที่ฉันออกตามหาอาย แต่ได้เพียงมือที่ว่างเปล่ากลับมา ฉันนอนร้องไห้และคิดเรื่องที่ฉันทำผิดกับเธอ ซ้ำวนอยู่ในสมอง รู้สึกปวดหัวใจจนต้องดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงเหมือนคนเสียสติ ไม่เป็นผู้เป็นคน จนความเหนื่อยอ่อนทำให้ฉันไม่รู้สึกอะไรอีกเลย และหลับไป
ฉันนึกเกลียดช่วงเวลาในตอนเช้าขึ้นมาทันที เมื่อไม่มีคนมาปลุกให้ตื่นแบบนั้นอีกแล้ว ไม่มีคนมาจูบฉันให้ฉันตื่นจากฝันมาเจอเธอตัวจริง ไม่มีคนมาคอยดึงแขนฉันให้ลุกจากที่นอนแล้วส่งเสียงหัวเราะไปพร้อมๆกัน เวลาที่คนตัวเล็กกว่านั่นแพ้แรงของฉันจนลงมานอนทับตัวของฉันบนที่นอนแทน ไม่มีคนให้มองกันแล้วรู้สึกได้ถึงความรักเต็มเปี่ยมอยู่ในนั้นอีกแล้ว
ทำไมมันจะต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ..ทำไม..
ทำไมเธอไม่ยอมฟังฉันอธิบายบ้างล่ะ.. เธอไม่รักฉันแล้วเหรอ..อาย..
เธอจะรู้บ้างไหม.. ฉันรักเธอ...
แล้วฉันก็ลุกขึ้นจากที่นอนและเดินออกจากห้องนอนของฉันไปโดยตั้งใจไว้ว่าจะไม่คิดเหลียวหลังกลับมามองมันอีก ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อแล้ว มันทรมานเกินไป ฉันอยู่ไม่ได้ เมื่อยังเห็นเธออยู่ทุกที่..ที่นี่
ที่นี่..มันเป็นของเธอ..อาย..
ฉันยืนจ้องมองบ้านของฉันอยู่นอกประตู ห่างไกลประมาณสิบเมตร มือของฉันข้างหนึ่งยื่นออกไปด้านหน้าและกางมือออกไป รวบรวมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับแค่ที่มือข้างนั้น แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ ตรงฝ่ามือของฉันมีไฟลุกพุ่งออกมา ใช่..ฉันตั้งใจจะเผาบ้านหลังนี้ทิ้ง ให้มันหายไปกับการลบความทรงจำของฉันที่นี่ ที่มีแต่เธอ..
ทุกสิ่งที่ฉันเจอมันตลอดมา เหมือนมันจะหนักจนเกินไปจนฉันไม่คิดจะทนมันอีกต่อไปแล้ว ความสูญเสียของฉันมันไม่เคยหยุดทำร้ายฉันเลย นำของรักมาให้ฉันได้ชื่นชมแค่เพียงเวลาไม่นาน แล้วก็อันตรธานหายไปจนเหมือนไม่มี..
ไม่ว่าจะเป็นสามีชั่วข้ามคืน ลูกสาวที่อุ้มได้ไม่ถึงครึ่งวัน คนที่ฉันรักแค่หนึ่งคืน และคนที่รักฉันแค่เพียงไม่กี่เดือน ทุกคนล้วนแล้วแต่ทิ้งฉันไปหมด ไม่เหลือเลย.. ทำไม..โลกใบนี้ทำร้ายฉันได้ขนาดนี้กัน..
หรือทั้งหมดที่เกิดขึ้นมานั่น..มันเป็นเพราะความผิดของฉันคนเดียว เพราะฉันสาปตัวเอง..
แต่ในนาทีที่ฉันจะเผาบ้านตัวเองทิ้งนั่น ภาพของอายก็เข้ามาในหัวฉันอีก ตัวฉันสั่นทันที เพราะดวงตาสีดอกลาเวนเดอร์ที่มองจ้องฉันมา มันเหมือนจะบอกว่า อย่าทำร้ายเธอ ฉันจึงทำอะไรไม่ได้ต่อไป ได้แต่ทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่หน้าบ้านและร้องไห้เหมือนคนบ้าอยู่นานหลายนาที แล้วอยู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหูของฉันว่า..
“รักเธอนะ..อลิสซ่า..”
ฉันยิ้มทั้งน้ำตาเพราะเสียงที่ไม่รู้มันมาจากไหนในเวลานี้ เพราะเจ้าของมันไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว แต่..ฉันจะคิดถึงเธอและรักเธอเหมือนเดิม..อาย..
ฉันเดินไปที่ประตูหน้าบ้านและจัดการล็อกมันใหม่หมด ก่อนไปฉันยังมองดูให้แน่ใจว่ามันยังอยู่ดีทุกอย่าง ฉันยิ้มให้กับอายที่ยืนมองฉันอยู่หน้าประตูหน้าบ้านนั่น เหมือนทุกครั้งที่เธอเดินออกมาส่งฉันไปทำงาน เพียงแต่ครั้งนี้อีกนานกว่าที่ฉันจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง มันคงจะเป็นหลังจากที่ฉันพอจะทำใจได้บ้างว่า ทุกอย่างระหว่างเธอและฉัน เวลานี้เหลือเพียงแค่ความทรงจำเอาไว้ให้ระลึกถึงและยิ้มกับมันได้ แล้วฉันก็หายตัวไปจากที่นี่ทันที พร้อมคำพูดสุดท้ายที่ฉันอยากจะพูดกับเธอ
“รักเธอนะ..อาย.. ฉันรักเธอ..อาย ลู..”
และเธอจะอยู่ในใจของฉันตลอดไป.. ตราบนิจนิรันดร์...
To be continue…
2 ความคิดเห็น:
อีกครั้งที่เรื่องราวดราม่าแล่นเข้าสู่สมองของข้าพเจ้า.. ยิ่งอ่านชื่อของตัวละครในตอนนี้แล้วมันก็ยิ่งรู้สึกอะไรบางอย่างในหัวใจ.. ฮ่าๆๆๆ.. บ้าไปแล้ว.. อ่า.. ข้าพเจ้าควรจะเอามันออกจากสมองไปก่อนจะเม้นท์ตอนนี้..
สงสารอลิสซ่านะ.. เพราะเหมือนเห็นใครบางคนที่ถูกคนที่ผูกพันทิ้งไปทีละคน ทีละคน.. เจ็บเจียนตาย ตายทั้งๆที่ยังหายใจอยู่ ความทรงจำที่เคยอยู่ร่วมกันของคนรักมันก็เริ่มผุดขึ้นมาทีละอย่างหลังจากที่สูญเสียเค้าไป แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยให้มันเข้ามาทำรายหัวใจตัวเองอยู่อย่างนี้ ความทรงจำที่แสนดีที่วนเวียนอยู่ข้างตัวเมื่อมีใครอีกคนอยู่เคียงข้าง แต่บัดนี้ความรู้สึกโหยหานั้นก็ได้กลับมาทำร้ายตัวเอง เพราะตัวเราเองที่เป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น.. เอาความรู้สึกของคนอื่นมาล้อเล่น รักเพราะเห็นภาพของคนอื่นมาซ้อนทับ.. สร้างความเจ็บปวดให้ทั้งตัวเองและคนที่บอกว่ารัก.. แล้วตอนนี้ทำอะไรได้บ้าง ก็ต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น.. อายไปแล้ว ทุกอย่างกลายเป็นความหลังที่คอยจะมาทิ่มแทงตัวเองทุกครั้งที่คิดถึง..
อา.. ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ตอนนี้ข้าพเจ้าเม้นท์ได้เพียงเท่านี้ มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก จริงๆข้าพเจ้าก็ไม่กล้าอ่าน POV ในช่วงนี้มากสักเท่าไหร่ เพราะข้าพเจ้าอ่อนไหวเหลือเกินกับเรื่องแบบนี้.. อยากร้องไห้ทุกครั้งเลย.. ไม่ได้หมายความว่าไรเตอร์จะมาตอกย้ำความรู้สึกที่อยู่ลึกของข้าพเจ้านะคะ แค่ข้าพเจ้าอินมากก็เท่านั้นเอง.. ขออภัยด้วย..
แต่ข้าพเจ้าก็บอกได้เลยว่าทุกเรื่องทุกตอนที่ไรเตอร์บรรจงเขียนขึ้นมา มีความหมายและสนุกสำหรับข้าพเจ้ามากเลยค่ะ.. เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ.. ^^
Lookgolf’s comment…
โอ่ ฟิกตอนของน้องสุดท้องผู้แสนอาภัพ..เหอๆๆ
...และก็คงเป็น..เพราะความดราม่าและอาภัพมากมายนี่เองกระมัง..ที่ทำให้อลิสซ่าจังได้รับความเห็นใจจากคนอ่านคนนี้มากที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน..และเหตุที่เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่มองว่าอลิสซ่าจังทำถูกต้องหรือดีกว่าคนอื่นหรอก แต่เป็นเพราะอลิสซ่าจังไม่เคยมีอะไรในชีวิตสักเรื่องสมหวังต่างหาก..เลยทำให้รู้สึกหดหู่ เห็นใจ และสะเทือนใจไปกับชะตากรรมที่แสนอาภัพและรันทดของแวมไพร์เลือดแท้ผู้นี้เหลือเกิน เหอๆๆ
ในตอนนี้ยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนจากปฏิกิริยาของอลิสซ่าจังที่มีภายหลังจากที่อายทิ้งหรือหายตัวไป..ว่าการจากไปของอายนั้น มันส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อชีวิตของอลิสซ่าจังมากกมายขนาดไหน...และผลกระทบนี่ก็มาจากความรักที่ทั้งอลิสซ่าจังและอายต่างมีต่อกันอย่างไม่ต้องสงสัย..และสิ่งนี้เองที่เป็นคำตอบต่อคำถามที่เคยเกิดขึ้นในใจของอลิสซ่าจังว่ารักและคบกับอายในฐานะที่เป็นภาพสะท้อนของชิจังพี่สาวที่ตนเองหลงรัก หรือรักอายที่เป็นตัวตนของอายเอง..จริงอยู่ ความสนใจในตัวอายของอลิสซ่าจังนั้นมาจากความคล้ายคลึงกันในรูปร่างและหน้าตา และอลิสซ่าจังประสงค์จะให้อายมาเป็นภาพซ้อนของชิจังเพื่อเติมเต็มความรักที่ไม่มีทางสมหวังอันนั้นของตน..แต่จุดประสงค์นั้นก็เป็นเพียงเจตนาแรกเริ่ม และได้แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา..จนกระทั่งอายได้ครอบครองหัวใจของอลิสซ่าจังด้วยความเป็นตัวตนของอายเอง..แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองไม่มีโอกาสได้เอื้อนเอ่ยความรู้สึกนั้นออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้อย่างตรงไปตรงมา อายก็เข้าใจผิด(หรืออาจจะเข้าใจถูกแค่เพียงบางส่วน)และหนีไปในทันที..โดยที่อลิสซ่าจังก็น่าจะเพิ่งรู้ใจตัวเองอย่างกระจ่างชัดในตอนที่เสียอายไปแล้วนั่นเอง...และนี่ก็เป็นอีหหนึ่งของความไม่สมหวังที่มีแวดล้อมอยู่รอบตัวของอลิสซ่าจังมากมายนั่นเอง...เหอๆๆ..เมื่อใดนะ ความอาภัพของอลิสซ่าจังจะสิ้นสุดลง และถูกแทนที่ด้วยคำว่า “ความสุขสมหวัง” ซะที..แต่ก็นะ ในเมื่อชีวิตมีไว้ให้ดำรงอยู่ อุปสรรคก็มีไว้ให้ฝ่าฟัน และความทุกข์ก็มีไว้ให้ปลง..เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องย่อมรับและปล่อยมันไป..พยายามทำให้เต็มที่และดีที่สุด..นอกเหนือจากนั้น ก็อย่ากังวลหรือคิดมาก และต้องลืมในสิ่งที่ควรจะลืมนะ อลิสซ่าจังเอ๋ย..แล้วสักวันจะต้องเป็นวันของเรา..เพราะไม่มีท้องฟ้าผืนใด ที่ฝนไม่เคยหยุดตกหรอกนะ เหอๆๆ
ขอบคุณนะคะ ไรท์เตอร์..น่าสงสารอลิสซ่าจังสุดๆเลยล่ะ..เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ ฮ่าๆๆๆ..เขียนได้สะเทือนใจจริงๆ เลยนะคะ ไรท์เตอร์..จะรอติดตามตอนต่อไปอย่างแน่นอนจ้า อิอิ
แสดงความคิดเห็น