The Phantom of the night [Sisters Side Story] Ch.19
Pairing : Anh x Shizuru x Alyssa
Rate : M
Genre : Drama – Romance
By : Anhy
My Sister - 7 : Shizuru’s POV
ตอนนี้ฉันมีหน้าที่ใหม่แล้ว ฉันดีใจและเริ่มรู้สึกชอบมัน ถึงจะบอกว่า พยายามทำใจอยู่นานกว่าจะเคยชินกับมันก็ตาม แต่ฉันก็ทำมันได้ดี อย่างน้อยก็ในเวลานี้ ฉันพอใจเพียงแค่ที่ฉัน..เป็นอาของหลานสาวตัวน้อยของฉัน ไอจัง..
ฉันต้องปลีกเวลางานของทุกวันไปดูแลหลานของฉันที่บ้านเนินเขาที่เป็นของอลิสซ่า เพราะคิดว่า มันน่าจะดีกว่าที่จะปล่อยให้สองแม่ลูกนั่นอยู่กันตามลำพัง ฉันคิดว่ามันยากเกินไปสำหรับมนุษย์ธรรมดาที่จะต้องเลี้ยงเด็กที่ไม่ธรรมดาแบบนั้น ใช่แล้วล่ะ..หลานของฉันก็เป็นเหมือนทุกคนในตระกูลของเรา เค้าเป็นแวมไพร์..
อลิสซ่ายกบ้านเนินเขาของเค้าให้หลานตั้งแต่ที่หลานยังไม่ได้เกิดด้วยซ้ำ แค่รู้ว่าแอนมีลูก เค้าก็ดีใจจนน้ำตาไหลตอนที่ฉันไปบอกข่าวกับเค้า ฉันไม่แน่ใจนะว่าทำไม ฉันอ่านใจอลิสซ่าไม่ออกว่าทำไมเค้าถึงจะต้องดูดีใจมากๆแบบนั้นด้วย หรือเค้าเองก็อยากมีลูกเหมือนกัน ก็เลยดีใจมาก ไม่รู้สินะ
อลิสซ่าคงจะชอบเด็กมากล่ะมั้ง เพราะฉันแทบไม่ต้องขอเค้าเลยตอนที่จะพาไมจังกับลูกในท้องมาอาศัยที่บ้านของเค้าตอนนั้น และอีกไม่นาน เค้าก็คงจะมาเจอหน้าหลานจริงๆเหมือนกัน ใช่..ต่อมาอลิสซ่าก็มาหาหลานบ่อยมากเท่าที่เค้าจะทำได้ ถึงจะไม่ได้มาทุกวันเหมือนฉันก็เถอะ เพราะเค้าต้องมาไกลมากถึงทรานซิลเวเนีย
ฉันไม่ปฏิเสธเลยว่า ไมจังเป็นแม่ที่ดี เธอเลี้ยงลูกของเธอได้ดีทีเดียว สำหรับเด็กสาววัยแค่สิบแปดปี คงเป็นเพราะสัญชาตญาณของการเป็นแม่ที่มีอยู่ในตัวของผู้หญิงทุกคนก็ได้ที่ทำให้เรื่องยาก กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที หรือจะบอกได้ว่า มันเป็นเพราะความรักที่เธอมีให้กับเค้า ลูกสาวของเธอเอง เธอไม่ได้มองว่าเด็กคนนี้เป็นอะไรที่ไม่เหมือนเธอ กลับกันไมจังพยายามที่จะทำความเข้าใจในความเป็นเด็กพิเศษของไอจัง จนกระทั่งฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แค่มาดูเธอเฉยๆเท่านั้น
แรกๆครั้งที่ยังเป็นทารก ไอจังก็ยังดื่มน้ำนมจากอกแม่เหมือนเด็กทั่วๆไป เพราะเค้ายังไม่รู้จักความกระหายแบบพวกฉัน เค้ายังไม่ต้องการดื่มเลือดสดๆ แน่นอน..เพราะเด็กทารกยังไม่จำเป็นกับการได้รับของคาวโดยตรงแบบนั้น น้ำนมของแม่เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเค้าในเวลานี้ เพราะยังไงซะ ไอจังก็มีเลือดของมนุษยธรรมดาอยู่เกินครึ่งในตัวของเค้า พ่อของเค้าเป็นครึ่งมนุษย์ ส่วนแม่ก็เป็นมนุษย์เต็มตัว ฉันเลยแทบไม่คิดว่า ไอจังเป็นแวมไพร์เหมือนคนในครอบครัวเรา ถ้าเค้าไม่ได้โตเร็วมากแบบนี้ เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เค้าก็เดินได้ด้วยขาของตัวเอง ต่อมาก็พูดได้คล่องแคล่ว วิ่งเล่นกับฉันได้แล้วด้วย ทั้งที่เค้าเพิ่งจะเจ็ด แปดเดือนเท่านั้นเอง แต่มันก็ไม่ได้ประหลาดอะไรเลยในความคิดของฉัน เพราะฉันก็เคยเป็นแบบนี้มาเหมือนกัน
แต่พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันก็จำได้ว่า ตอนที่ฉันต้องห่างจากแอนตอนเด็กๆ ฉันกับเค้าก็เพิ่งจะเดินได้ พูดได้ คงจะอายุเท่าไอจังในตอนนี้นี่แหละ และความที่เราโตเร็วเกินกว่าคนปกติ ก็ทำให้เรามีจิตใจที่คล้ายจะอ่อนแอเกินไปสำหรับการที่เป็นเด็กตัวโตขนาดนี้แล้ว ฉันต้องห่างจากพี่ฝาแฝดทั้งที่เราเพิ่งอายุได้ไม่ถึงขวบ มันเป็นอะไรที่ทรมานเหมือนกันนะ เพราะฉันจำได้ว่า ฉันร้องไห้ตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่มีแอนอยู่ด้วยบนเตียงด้วยกัน ท่านพ่อพาเค้าไปอยู่อังกฤษกับท่าน ตั้งแต่ตอนที่ฉันหลับ ท่านไม่ต้องการให้ฉันร้องตามแอน เพราะท่านเองก็คงจะทนดูไม่ได้เหมือนกัน ฉันคิดไปว่า..ท่านคงจะสงสารเรา แต่ก็จำเป็นต้องทำเพราะอะไรหลายๆอย่างบังคับให้ท่านจำใจ แค่ท่านเห็นแอนน้ำตาคลอในเวลาที่ท่านกำลังจะพาเค้าไปกับท่านแล้ว ท่านก็คงจะอดใจรู้สึกใจสลายไม่ได้ และยิ่งถ้าเห็นฉันร้องไห้เหมือนจะตาย ท่านก็คงจะทำเรื่องที่ท่านคิดไว้ไม่สำเร็จแน่ๆ ฉันแน่ใจว่า ถึงท่านพ่อจะเป็นคนดุมากสักแค่ไหน ท่านก็ไม่เคยที่จะไม่รักพวกฉันสองคน
ฉันยังจำได้ถึงเวลาที่ท่านอุ้มฉันกับแอนขึ้นด้วยแขนคนละข้าง แอนอยู่ขวา ฉันอยู่ซ้าย มีท่านแม่อยู่กับเราด้วย อยู่ใกล้ๆฉัน เราสี่คนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในตอนนั้น แต่ท่านพ่อก็ต้องไป เพราะท่านไม่สามารถอยู่ในที่ที่มีแต่มนุษย์แบบที่บ้านของท่านแม่ที่ญี่ปุ่นไม่ได้ มันอันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ที่จะอยู่กับความเสี่ยงแบบนั้น ก็มันไม่ใช่มีแค่ท่านพ่อเท่านั้นที่ไปหาฉันกับแอนที่นั่น ลูกน้องของท่านพ่อก็ต้องติดตามไปด้วย นั่นแหละที่ท่านคิดว่ามันอันตราย ท่านจึงจำเป็นต้องกลับไปอยู่ในที่ของท่าน ที่ของแวมไพร์ ไม่ใช่ที่ประเทศอังกฤษ ก็เป็นทรานซิลเวเนีย
ตอนนั้น ถึงฉันจะเป็นเด็กอยู่ ฉันก็รู้สึกได้ว่า ฉันเหงามากๆที่ไม่มีแอนอยู่ใกล้ๆ ฉันคิดถึงเค้าที่สุด อยู่ในบ้านของท่านแม่ ก็มีคนมากมายรายล้อมฉัน ฉันมีเพื่อนเล่น ถึงมันจะไม่ใช่เพื่อนแบบถาวรอะไร เพราะฉันโตไวเกินกว่าที่เพื่อนจะตามทัน ฉันเลยต้องเปลี่ยนเพื่อนรุ่นใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะที่บ้านท่านแม่เป็นโรงเรียน ฉันได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นๆ เพียงแต่ฉันต้องเลื่อนชั้นไวกว่าใครๆ และความโตเร็วของฉันมันก็ทำให้เหงามากยิ่งขึ้น เพื่อนและโรงเรียน หรือจะเป็นท่านแม่เอง ก็แทนความเหงาในส่วนนี้ของฉันไม่ได้ ฉันคิดถึงแอน ฉันอยากอยู่กับเค้า เล่นด้วยกัน นอนด้วยกัน กินด้วยกัน เหมือนพี่น้องกันทั่วๆไป
มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหรอกสำหรับเราที่เป็นฝาแฝดที่จะต้องผูกพันกันมากแบบนี้ เราเกิดมาพร้อมๆกัน เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดนี่นา ใช่..เพราะเราเกิดมาจากท้องแม่พร้อมกัน มันคงเป็นเรื่องนี้ที่ทำให้ฉันกับเค้า เหมือนเป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกันอยู่ตลอดเวลา และทำให้ฉันรู้สึกว่า ถึงฉันจะไม่มีใครเลย แค่มีแอนคนเดียวอยู่กับฉัน ฉันก็มีความสุขมากที่สุดในชีวิต
แต่..ตอนนี้.. ฉันก็ต้องห่างจากเค้าอีกครั้ง เหมือนตอนยังเด็กด้วยกัน แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในคราวนี้มันมากกว่า เมื่อฉันกับเค้าได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ผ่านการเติมเต็มทุกส่วนทั้งใจและร่างกายให้แก่กันไปแล้วแบบนี้ จะบอกว่า ความทรมานกับการไกลห่างมันจะหายไปได้เพียงช่วงเวลาไม่กี่วัน หรือจะเป็นเดือนหรือปี ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นไปได้เลย
เพราะว่า...ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า.. ฉันรักเค้ามาตั้งแต่ที่เกิดมาพร้อมกันกับเค้าแล้ว..
Ara..จะเว่อร์ไปรึเปล่านะ..
ฉันไม่แน่ใจนักว่าทำไม ท่านพ่อถึงเลือกทิ้งฉันไว้กับท่านแม่และพาแอนไปแบบนั้น แต่ก็คงจะเป็นเพราะว่า ฉันเหมาะสมที่จะอยู่กับท่านแม่ที่เป็นมนุษย์มากกว่าแอนก็ได้ หรือไม่ก็เพราะว่า แอนเป็นพี่คนโต แอนจะต้องเป็นผู้สืบเชื้อสายตระกูลของท่านต่อไป เค้าก็เลยต้องได้รับการฝึกฝนเพื่อจะเป็นให้ได้ตามตำแหน่งที่เขาจะต้องได้มันไปเมื่อโตขึ้นมากพอ หรือจะเรียกได้ว่า แอนจะต้องถูก “สร้าง” ถูก “ออกแบบ” ใหม่ให้ต่างจากฉันเพื่อการนั้น ก็ได้ล่ะมั้ง
แอนดูเปลี่ยนไปหลังจากที่เค้าไปอยู่ท่านพ่อได้ไม่นาน เค้าดูเงียบขรึม และไม่ค่อยขี้เล่นเหมือนเดิม เหมือนเป็นผู้ใหญ่กว่าที่ฉันเป็นทั้งที่อายุเท่ากัน ฉันไม่รู้ว่า แอนต้องผ่านอะไรมาบ้าง กว่าที่เค้าจะมาเป็นเค้าอย่างทุกวันนี้ในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ทำให้เค้าเป็นแบบนี้ไปได้นั่น คงจะต้องทำให้เค้าเจ็บปวดมากๆแน่ๆ เค้าที่เคยเป็นเด็กร่าเริง ขี้เล่น คล้ายๆกับฉัน ต้องมาเป็นคนไม่พูดไม่จา ถามคำตอบคำ มีแววตาเศร้าอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ ฉันไม่รู้เลยว่า อะไรที่ทำให้พี่สาวของฉันเปลี่ยนไป แต่ก็คงจะไม่พ้นท่านพ่อแน่ๆ ก็ดูสิว่า..ท่านพ่อทำอะไรกับเค้า ท่านทำให้เค้าสามารถสร้างเด็กคนหนึ่งมาได้แบบนี้ ซึ่งมันจะไม่น่าแปลกใจเลย หากว่าแอนที่เป็นผู้หญิงเหมือนฉัน จะกลายเป็นแม่ แต่นี่เค้ากลับกลายเป็นพ่อเด็ก และเด็กคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้วในตอนนี้ หน้าตาเหมือนเค้าอย่างกับเดียวกัน จนทำให้ฉันคิดถึงเค้าในตอนเด็กด้วยกันทันที
และฉันเองก็เกือบได้จะเป็นแม่ของลูกให้เค้า.. ถ้าฉันไม่ได้เป็นยาพิษให้เค้าแบบนี้...
นึกถึงตอนนั้น ถ้าฉันมีลูกกับเค้าได้จริงๆ ตอนนี้ฉันจะเป็นยังไงกันนะ ฉันจะแท้งก่อนที่จะได้เห็นหน้าลูกรึเปล่า ฉันจะทนได้มั้ยที่จะไม่ให้เค้าทำอะไรกับฉันในตอนที่ฉันท้อง เพราะสำหรับคนท้อง อารมณ์ของความต้องการทางเพศมันจะยิ่งสูงขึ้น เพราะฮอร์โมนที่เพิ่มมากขึ้นในร่างกาย แต่ฉันก็ยังคิดว่า ถ้าฉันมีลูกกับเค้าจริงๆ ฉันก็คงจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองทำลูกตายก่อนได้จะเห็นหน้าเค้า ฉันคิดว่า ความเป็นแม่จะทำให้ฉันมีความอดทนในเรื่องนั้นมากขึ้น ฉันเชื่ออย่างนั้น..
แต่มาคิดตอนนี้คงจะไม่มีประโยชน์อีกแล้วล่ะ ฉันไม่มีทางจะมีลูกกับเค้าได้ แล้วมันก็น่าจะเป็นเรื่องดี ปัญหาที่มีอยู่มากอยู่แล้ว จะได้คลี่คลายได้ง่ายๆอย่างที่ฉันคิดไว้..ถ้าฉันทำมันได้นะ..
ไอจังเป็นเหมือนตัวแทนของแอนจริงๆ ไม่ใช่แค่หน้าตาหรือสีผม แม้กระทั่งสีผิว เค้าสองคนเหมือนกันทั้งหมด เห็นจะมีอย่างเดียวที่ต่าง นั่นก็คือสีตา ไอจังได้สีตาจากแม่ของเค้ามา และเค้าก็มีความสดใส ร่าเริงตามประสาเด็ก อย่างที่แอนในตอนนี้จะไม่มีมันแล้ว ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังจำได้ว่าเค้าเคยเป็นยังไงก่อนที่เค้ากับฉันจะแยกจากกันและถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่แอนไม่เคยเปลี่ยนไปเลย นั่นก็คือ เค้าจะใจดีกับฉันที่สุด คุยกับฉันมากที่สุด สนใจฉันมากที่สุด และถ้าฉันคิดไม่ผิดหรือเข้าข้างตัวเองมากไปล่ะก็ ฉันก็ว่า..แอนก็จะต้องรักฉันมากที่สุดเหมือนกัน
เพราะว่า..ฉันกับเค้า.. เหมือนเป็นคนเดียวกัน..
หนูน้อยของฉัน เค้าจะค่อนข้างพูดเก่งและอยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา ฉันดีใจที่เค้าเป็นแบบนี้ มันเป็นสัญญาณที่ดีว่า เค้าจะต้องฉลาด และถ้าเค้าเหมือนแอนมากกว่าที่ฉันเห็นอยู่นี่ล่ะก็ ต่อไปข้างหน้า เมื่อเค้าโตขึ้นเป็นสาว อาจจะไม่มีใครแยกได้เลยก็ได้ว่า นี่เป็นไอจังหรือแอนกันแน่ เหลือเชื่อมากจริงๆ
ตอนนี้..ฉันอยากให้พี่ได้เจอลูกของพี่จัง อยากจะเห็นจังว่า พี่จะทำหน้ายังไง ถ้ารู้ว่า พี่มีโคลนนิ่งเป็นลูกสาวของตัวเอง คิดไปแล้วก็น่าสนุกดี..
แอนยังออกตามหาลูกกับแม่ของลูกเค้าอยู่ทุกวัน ทั้งที่เค้างานยุ่งมากเพราะมันเป็นช่วงที่เค้าต้องมาสะสางงานที่เค้าทิ้งมันไปนานด้วย ใช่..เพราะตอนนี้พี่ของฉันกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว มาเป็น แอน ลู วิโอล่า ที่ดูเงียบขรึมและสง่างามเหมือนเดิม สำหรับคนทั่วไปที่มองเค้าจากภายนอก แต่สำหรับฉัน มันมีอะไรที่บอกว่า แอนไม่ได้เป็นปกติเหมือนที่คนอื่นเห็นเค้าเป็น ตาของเค้าเศร้ากว่าเดิมเสียอีก และถ้าฉันคิดไม่ผิดล่ะก็ ฉันว่าเค้ายังลืมเรื่องระหว่างฉันกับเค้าไม่ได้ เหมือนที่ฉันก็ลืมมันไม่ลง
ฉันต้องทนเห็นเค้าทำหน้าเศร้ากลับมาบ้านทุกวันเหมือนกัน เค้ากลับบ้านดึกมากจนฉันเป็นห่วง ฉันนั่งรอเค้าทุกวัน รอจนกว่าเค้าจะกลับมาบ้าน ฉันถึงจะกลับเข้าห้องตัวเอง แต่ฉันก็ไม่ค่อยให้เค้าเห็นหรอกว่าฉันนั่งรอเค้าอยู่ในห้องโถงหรือมองลงมาจากระเบียง หรือแอบมองดูเค้าเดินเข้าห้องนอน ฉันยอมรับว่า ฉันยังไม่กล้าสู้หน้าแอนเท่าไหร่ ตั้งแต่ที่ฉันไล่เค้าไปคราวนั้น เพราะจริงๆแล้ว ฉันกลัวใจตัวเอง กลัวว่าฉันจะเป็นคนทำให้ทุกอย่างที่ฉันพยายามทำมันพังลงไป ฉันต้องการให้เรื่องของฉันกับเค้ามันจบจริงๆเสียที ฉันสงสารนัทสึกิเหมือนกัน
ฉันกับนัทสึกิพยายามที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เราเริ่มหันกลับมาคุยกันมากขึ้น และฉันคิดว่าส่วนหนึ่งเพราะฉันกับเธอต้องไปเยี่ยมหลานด้วยกันทุกวัน เพราะฉันก็ต้องยอมรับว่า ความสัมพันธ์ของไมจังกับฉัน จนป่านนี้แล้ว ก็ยังไม่ดีเท่าไหร่ เธอยังคงมองฉันด้วยสายตาหวั่นๆอยู่ตลอดเวลา ฉันคิดว่า เธออาจจะกลัวฉันขโมยลูกเธอก็ได้ น่าขำจริงๆ แต่ไม่ใช่หรอก ใครๆฉันไม่รู้จักฉันจากตัวจริงที่ฉันเป็น ก็คงจะคิดว่าฉันร้ายน่าดู ไม่น่าแปลกใจที่แค่ฉันมองหน้าเธอ ไมจังก็หันหนีไปทุกครั้ง
ใช่สิ.. ฉันน่ากลัวเพราะฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่ฉันรัก แม้กระทั่งจะฆ่าใครสักคนก็ตาม แต่จริงๆแล้ว ที่ไมจังไม่ยอมมองหน้าฉันน่ะ เธออาจจะเกลียดฉันก็ได้ แต่ก็ช่างเถอะ ฉันก็ไม่ได้อยากให้ใครมารักฉันอยู่แล้ว
แต่ถึงฉันจะบอกว่า ฉันกับนัทสึกิพยายามกลับมาเป็นเหมือนเดิมต่อกัน แต่ฉันก็แทบจะไม่ได้อยู่ใกล้เธอมากเท่าไหร่ อย่างที่ฉันเคยทำเมื่อก่อน ตอนที่ฉันยังไม่มีเรื่องกับแอน เรานอนเตียงเดียวกัน ใช่..ฉันยังนอนกอดเธออยู่ แต่ฉันไม่รู้สึกที่จะอยากทำอะไรนัทสึกิมากนักอย่างที่ฉันน่าจะเป็น ฉันมันเป็นพวกเสพติดเซ็กซ์อยู่แล้ว แต่ฉันกลับนอนเฉยๆได้ ทั้งที่มีผู้หญิงสวยๆนอนอยู่ใกล้ๆแบบนี้ ฉันคงจะเหนื่อยเกินไปที่จะคิดทำอะไรที่เคยทำ นัทสึกิเองก็ดูจะแปลกใจเหมือนกัน แต่เธอก็เฉยมากกว่าที่จะพูดอะไร แน่อยู่แล้วล่ะ นัทสึกิหรือจะเป็นฝ่ายเริ่มเรื่องนั้นก่อน ไม่มีทาง แต่ฉันก็ไม่ควรละเลยหน้าที่แบบนั้นนะ มันไม่ดีสำหรับชีวิตคู่ ฉันรู้...
แล้วคืนหนึ่งฉันก็ทำมันสำเร็จ ฉันเริ่มมั่นใจที่จะมีเซ็กซ์กับนัทสึกิได้ ฉันพยายามที่จะไม่คิดว่า เวลานี้ฉันอยู่กับแอน แต่มันก็ยากเหมือนกัน แปลกมากทั้งที่ฉันก็น่าจะเคยชินกับการเป็นฝ่ายเริ่มทำอะไรกับตัวของอีกฝ่าย แต่นี่ฉันกลับดูเก้ๆกังๆเหมือนเด็กเพิ่งเริ่มมีเซ็กซ์ครั้งแรกอย่างนั้น หรือเพราะฉันลืมไปแล้วว่า อีกคนที่กำลังจะเริ่มต้นทำอะไรด้วยกันนั่น ไม่ค่อยประสาเรื่องแบบนี้ ใช่แล้วล่ะ เพราะนัทสึกิขี้อายเสมอ แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธนะ ถ้าฉันจะเริ่มทำมันก่อน ร่างกายเธอจะตอบสนองมันได้ดี และทุกอย่างมันก็จะเป็นไปตามทางของมัน ตามที่ฉันควบคุม
ฉันเพิ่งจำได้ว่า สาวน้อยในอ้อมอกของฉันน่าทะนุถนอมมากขนาดไหน กลิ่นของเธอหอมมาก จนฉันไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะซุกไซ้ไปทั่วตัวของเธอ เพื่อสูดดมกลิ่นหอมเหล่านั้น นัทสึกิอายุสิบเจ็ดเท่านั้นเอง ฉันได้เธอมาครั้งแรก เธออายุสิบห้า ฉันนี่มันเลวจริงๆนะ เหมือนพรากผู้เยาว์ ก็ใช่น่ะสิ ฉันน่ะอายุร่วมร้อยกว่าแล้ว ที่ฉันเจอนัทสึกิตอนนั้น แต่นัทสึกิก็ไม่คิดหรอกว่า ฉันจะอายุร้อยกว่า ก็ฉันยังเหมือนสาวอายุสิบเจ็ดอยู่เหมือนเธอ แล้วก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไปจนกว่า ฉันจะตาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกัน แต่ก็คงจะเป็นเวลาเดียวกับที่แอนไม่อยู่บนโลกอีกแล้วนั่นแหละ
แต่ตอนนี้..ฉันจะไม่นึกถึงพี่ก่อนนะแอน.. ฉันกำลังยุ่งมากเลย..
นัทสึกิร้องเรียกชื่อฉัน ทุกครั้งที่นิ้วของฉันเข้าและออกในตัวเธอ ครั้งนี้นัทสึกิเหมือนจะมีอารมณ์กับเรื่องแบบนี้มากๆ ฉันแทบจะนับไม่ได้ว่า เธอถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้งในคืนนี้ คงเป็นเพราะฉันห่างหายจากการทำแบบนี้กับเธอไปนานมากก็ได้ และก็เป็นไปได้ที่นัทสึกิเองก็กระหายอยากได้มันเหมือนกัน เหมือนที่ฉันก็อยากได้เธอมากๆแล้วตอนนี้ สารพัดท่าที่ฉันทำกับเธอ แต่นัทสึกิก็ไม่ว่าเลย เธอยอมทุกอย่างและตอนนี้นัทสึกิก็จูบฉันเก่งมากกว่าเดิมด้วย แทบจะตลอดเวลาเลยเหมือนกัน ถ้าเธอมีโอกาส เหมือนอยากจะช่วยให้ฉันมีอารมณ์ทำเรื่องแบบนี้มากขึ้น และมันก็ได้ผล ฉันทำได้แล้ว ในที่สุด ฉันกับนัทสึกิก็ได้มาใกล้ชิดกันเหมือนเดิม ฉันจำได้ว่า ฉันกัดคอเธอแค่ครั้งเดียวหรือสองครั้งเท่านั้น ถึงจะถึงจุดออกัสซึ่มมาไม่รู้กี่ครั้งก็เถอะ แต่ฉันก็ได้รู้ว่า เลือดอุ่นๆจากตัวของนัทสึกิยังรสชาติดีเหมือนเดิม มันทำให้ฉันมีแรงมากกว่าตอนที่ฉันดื่มเลือดเลียนแบบของเธอจากถุงที่ฉันผลิตเองนั่นเสียอีก และตอนนี้ฉันก็รู้สึกแล้วว่า ฉันรักนัทสึกิอยู่เหมือนเดิม และเธอรักฉัน ไม่เปลี่ยนไปเลย
แต่อยู่ๆฉันก็นึกถึงแอนขึ้นมา ทั้งที่มีนัทสึกินอนหลับอยู่บนอกตัวเอง แล้วน้ำตาฉันก็กำลังจะไหลออกมา เพราะความรู้สึกแปลกๆในใจ ฉันก็เลยต้องขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงในตอนนั้น ฉันไม่อยากให้นัทสึกิตื่นมาถามว่า ฉันเป็นอะไร ฉันพยายามทำทุกอย่างให้เบาที่สุด ที่จะให้นัทสึกิไม่ตื่นระหว่างที่ฉันขยับตัวเธอที่นอนซบตัวฉันให้เธอไปนอนหนุนหมอนแทนและห่มผ้าให้ นัทสึกิขยับตัวเล็กน้อยแต่เธอไม่ตื่น ฉันคิดว่าเธอคงจะเหนื่อยจนไม่มีทางตื่นแล้ว ถ้าไม่ใช่เป็นตอนเช้าของพรุ่งนี้
ฉันจูบนัทสึกิที่หน้าผากของเธอ เห็นเธอยิ้มทั้งที่หลับตา เหมือนจะรู้ว่าเป็นฉันที่จูบเธอแบบนั้น ก็ใช่สินะ คงไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอ เพราะว่า ถ้านัทสึกิจะยอมให้ใครสัมผัสตัวเธอได้ ก็จะต้องเป็นฉันคนเดียวเท่านั้น คนอื่นไม่มีทาง นี่แหละนะที่ทำให้ฉันรู้สึกผิดมาจนกระทั่งวันนี้ เพราะฉันไม่เหมือนเธอ ตัวของฉันแปดเปื้อนไปด้วยผู้หญิงคนอื่นๆมากมาย แต่ก็โชคดีมากที่นัทสึกิไม่รังเกียจที่จะสัมผัสร่างกายที่มีมลทินทั่วตัวแบบฉัน
โธ่..นัทสึกิที่รัก.. ฉันไม่คู่ควรกับเธอเลยนะ ทำไมฉันไม่ปล่อยเธอไป แต่ถ้าฉันทำแบบนั้น ฉันก็รู้ว่า ฉันจะไม่มีทางได้เห็นหน้าเธออีกแน่นอน เจ้าหญิงแสนดื้อรั้นของฉัน จะไม่มีทางให้ฉันเจอเธอแน่ๆ ถ้าเราเลิกกัน ฉันรู้ดี.. และความเห็นแก่ตัวแบบนี้เอง ฉันถึงยังพยายามเหนี่ยวรั้งเธอไม่ให้ไป
เลวจริงๆเลยนะ..ฉันเนี่ย..
ฉันเดินออกมานอกห้องนอนในกลางดึกคืนนั้น ใส่เพียงเสื้อคลุมนอนตัวเดียว กะว่าจะมาสูดอากาศนอกห้องเพราะนอนไม่หลับ หลับตาลงทุกครั้ง ฉันกลัวเหลือเกิน แอนยังอยู่ตรงนั้น ในฝันของฉันทุกคืน ฉันไม่อยากนอน แต่ก็เหมือนฉันจะหนีเค้าไม่พ้น ฉันเดินผ่านระเบียงที่มันเป็นที่ประจำที่แอนจะมานั่งเล่นเวลาเค้านอนไม่หลับ และฉันเห็นเค้านั่งอยู่ เค้ากำลังนั่งเหม่ออยู่นิ่งๆ ในมือของเค้าถือแก้วเหล้าไว้ด้วย เค้าไม่ได้ดื่มมันมานานมากแล้วแท้ๆ ทำไมเค้าถึงดื่มมันกันนะ หรือว่า เค้าจะกลับมาใช้มันเป็นเพื่อนอีกครั้ง เหมือนเมื่อก่อนตอนที่เค้าไม่มีใคร ไม่มีฉัน เค้าคงจะเหงา ใช่แน่ๆ แอนต้องเหงาอยู่แล้ว เค้าแสดงมันออกมาทางแววตาของเค้าที่เศร้าแบบนั้น นี่แหละคือข้อแตกต่างระหว่างคนที่หน้าตาเหมือนกันกับเค้า ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อ อลิสซ่า หรือจะเป็นลูกของเค้าเอง..ไอจัง จริงๆแล้ว แอนกับท่านพ่อมีแววตาที่คล้ายกัน คือดุมาก เวลามองแล้วขนหัวลุกทีเดียว แต่ท่านพ่อไม่ได้มีแววตาที่ดูเศร้าและโดดเดี่ยวอย่างที่แอนมี แอนเป็นคนเดียวที่มองตาแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกสงสารเค้าจับใจ ส่วนอลิสซ่ากับไอจัง สองคนนั้น เหมือนกันตรงนี้ พวกเค้าจะสดใสและมีแววตาขี้เล่นเสมอ ต่างกันที่ว่า อลิสซ่าจะมีโหมดที่จริงจังหรือขรึมอยู่บ้าง ก็ต้องเป็นแบบนั้นสินะ เพราะอลิสซ่าโตแล้ว ไม่เหมือนเจ้าหนูน้อยของฉันที่ยังเล็กมากอยู่เลย เด็กเล็กๆจะรู้เรื่องอะไรกันล่ะ ไอจังจะรู้มั้ยนะว่า ปะป๊าของเค้านั่งซึมและดื่มเหล้าทุกคืนแบบนี้
แต่ไม่นานหรอกนะพี่ อีกไม่นาน พี่ก็จะไม่เหงาแล้วแอน อดทนหน่อยนะ..พี่จ๋า..
ฉันยืนแอบดูแอนอยู่หลังเสาต้นใหญ่ใกล้ๆระเบียง ไม่กล้าให้เค้าเห็นฉัน แต่ก็ไม่แน่นะ เค้าอาจจะรู้ก็ได้ว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ อาจจะรู้ว่าฉันมา เพราะว่าเค้าต้องได้กลิ่นฉันอยู่แล้ว ฉันแน่ใจว่าเค้าต้องจำได้และแยกกลิ่นได้ว่าใครเป็นใคร แต่แอนก็ซึมเกินกว่าจะสนใจอะไร เค้านั่งจิบของเหลวสีอำพันนั่นอย่างไม่คิดจะมองอะไรอย่างอื่นนอกจากดาวบนฟ้า ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนร้องไห้อยู่เงียบๆไม่กล้าเข้าไปหาเค้า ฉันกลัว ฉันไม่ได้กลัวเค้าหรอก แอนคงจะไม่คิดทำอะไรฉันตอนนี้ หลังจากที่เค้ารู้ว่าเค้ามีลูกกับคนอื่น และรู้ว่าฉันไม่ได้ชอบเค้าแบบนั้น ไม่ใช่สิ ฉันทำให้เค้ารู้สึกว่า ฉันไม่ได้รักเค้า แต่กลับกัน ฉันรักเค้ามากกว่าเดิม มากกว่าที่แรกเริ่มรักเสียอีกและสงสารเค้ามากด้วย และก็ยังรู้สึกผิดที่ไม่ยอมให้เค้าเจอลูกกับภรรยาของเค้า ถึงฉันจะทำตามคำสั่งท่านพ่อก็ตาม ท่านพ่อยังไม่เลิกทำโทษแอน จนกว่าจะครบกำหนดหนึ่งปี ซึ่งก็อีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้แล้ว และตอนนั้น ไอจังก็คงจะพร้อมที่จะเจอปะป๊าของเค้าแล้วเหมือนกัน
แต่ฉันก็ห้ามใจไม่ได้ที่จะไม่เข้าไปหาแอนในคืนนี้ เพราะตอนนี้เค้าหลับไปแล้ว นั่งซบหน้าอยู่กับแขนของเค้าบนโต๊ะนั่งเล่นตรงนั้น เมาแล้วล่ะมั้ง พี่ฉัน ฉันรอดูเค้าจนกระทั่งรู้แล้วว่าเค้าหลับสนิทแล้วจึงเดินเข้าไปหาเค้า หน้าขาวๆของเค้าเป็นสีแดงระเรื่อที่สองแก้ม โคมไฟตรงระเบียงนั่น ทำให้ฉันเห็นหน้าเค้าถนัดมากขึ้นกว่าสายตาปกติของแวมไพร์ที่สามารถมองเห็นได้ในตอนกลางคืน ฉันรู้ดีว่า ทำไมผิวขาวๆซีดของแอนทำไมถึงเปลี่ยนเป็นสีแดงแบบนี้ได้ ก็เพราะเหล้าที่เค้ากินนั่นแหละ แบบนี้แล้ว เค้าก็เลยดูสวยมากขึ้นไปอีกกว่าเดิม เวลาหลับตาแบบนี้ มันทำให้ฉันเห็นขนตาที่ยาวเป็นแพของเค้า ฉันเผลอกลืนน้ำลาย เพราะสติที่เริ่มล่องลอย ฉันต้องตบหน้าตัวเองไปสองทีให้หายจากอาการบ้าๆบอๆนั่น ที่ฉันคิดอยากจะจูบเค้า ริมฝีปากสวยๆที่เผยอออกเล็กน้อย มันช่างดูเชื้อเชิญมากเหลือเกิน ฉันยังจำรสชาติของมันได้ และจำได้ว่า เจ้าของมันเก่งแค่ไหนสำหรับเรื่องจูบ ตัวของฉันทั้งตัว เค้าก็จูบมาหมดแล้วนี่นา เหมือนกับที่ฉันก็จูบเค้ามาทั้งตัวแล้วเหมือนกัน แต่ว่า ตอนนี้ฉันจะทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว เราสองคนไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
พี่เป็นแค่พี่ของฉันเท่านั้น..แอน..
แล้วในที่สุดความพยายามจะตัดใจไม่สัมผัสเค้า มันก็แพ้จนได้ ฉันขยับมือขึ้นสัมผัสหน้าผากของเค้าและใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆที่แก้มขาวที่แดงระเรื่อนั่นอย่างเบามือที่สุด สุดท้ายก็เป็นริมฝีปากสีชมพูอ่อนๆนั่น และฉันก็จูบมันจนได้
ฉันคิดถึงพี่เหลือเกิน..แอน ฉันรักพี่..
จะให้ฉันทำยังไงดี.. ฉันถึงจะลืมความรู้สึกนี้ได้.. มันทรมานเหลือเกิน..
น้ำตาฉันไหลออกมาระหว่างที่ฉันก้มลงจูบเค้าที่กำลังหลับ แต่สักพักก็รู้สึกว่าปากของแอนขยับเพื่อจูบตอบฉัน เค้าครางเบาๆในลำคอเหมือนพอใจที่ถูกจูบ ฉันเองก็เหมือนจะเพลินไปกับจูบแบบนั้น เลยไม่ยอมถอนตัวออกไป แต่พอรู้สึกได้ว่ามือของเค้าเริ่มขยับขึ้นมาสัมผัสแก้มฉัน ฉันก็รีบผลักตัวเองออกจากเค้า ฉันรีบหายตัวไปจากที่นั่นทันที เพราะแน่ใจว่าแอนตื่นแล้ว จูบของฉันปลุกเค้าให้ตื่น ฉันมันบ้าที่สุด ทำไมถึงทำอะไรที่เสี่ยงแบบนั้นกันนะ แย่จริงๆ
ฉันมาโผล่อยู่ในห้องน้ำของตัวเองและปล่อยให้น้ำเย็นๆจากฝักบัวในห้องน้ำนั่นราดหัวฉัน ถอดเสื้อคลุมออกให้น้ำเย็นๆมันผ่านทั่วตัวฉัน หลับตาและเอาหน้าผากพิงผนังห้องน้ำไว้ ร้องไห้เหมือนคนบ้า เวลานั้น ฉันก็ใช้มือตัวเองสำรวจดูจุดอ่อนไหวที่หว่างขา เป็นไปอย่างที่คิด น้ำแห่งตัณหามันหลั่งออกมาตั้งแต่ตอนที่ฉันจูบเค้า ฉันแน่ใจเลยว่า ฉันคงจะเป็นโรคจิตหรือฮีสทีเรียแล้วตอนนี้
แต่ไม่ใช่หรอก ฉันไม่ได้เป็นฮีสทีเรีย ฉันแค่เป็นโรคขาดรัก เป็นมันมานานมากแล้วล่ะ มันเป็นโรคของคนที่ต้องการความรักไม่มีหยุดหย่อน เหมือนเด็กขาดความอบอุ่น ฉันเหมือนคนเติมไม่เคยเต็ม ทั้งๆที่ฉันมีคนที่รักฉันมาตั้งแต่เด็ก อยากได้ใครก็ได้ แต่ฉันคงจะเป็นแบบนี้ เพราะฉันไม่ได้คนที่ฉันต้องการจริงๆ แรกๆที่ฉันยังไม่ได้มีนัทสึกิเป็นแฟน ฉันก็นอนกับใครๆไปทั่ว ใช้ประโยชน์ของความเป็นแวมไพร์ที่ไม่มีทางเป็นโรคตายนั่นแหละ นอนกับผู้หญิงทุกคนที่ฉันพอใจ แต่พอมามีนัทสึกิ ฉันก็อยากจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่มีคู่นอนเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะฉันรักเธอ และก็คิดว่า มีแค่เธอก็พอ แต่พอฉันมามีสัมพันธ์ทางเพศกับแอน ฉันก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ฉันเพิ่งจะได้รู้ว่า จริงๆแล้ว เป็นแอนนั่นเองที่ฉันปรารถนาอยากได้เค้ามาตลอด ในตอนนั้น ฉันไม่ต้องการใครอีกเลย แค่ให้เค้ากอดฉันก็พอ ฉันได้รับการเติมเต็มอย่างแท้จริง แอนกลายเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ฉันหาเจอ แต่ฉันก็ต้องเสียจิ๊กซอว์ตัวนั้นไป อย่างที่ไม่มีทางที่จะได้กลับคืนมา..
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ฉันช่วยตัวเอง เพราะคิดถึงเค้า..
ฉันสัมผัสตัวเอง และร้องครางท่ามกลางเสียงสายน้ำจากฝักบัวที่ไหลอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้คนที่นอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของฉันได้ยินมัน ฉันรู้ว่ามันผิดที่ฉันทำอยู่ ฉันมีความต้องการทางเพศเพราะอยากได้คนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองแล้ว แต่ฉันทำไม่ได้ที่จะหยุดมัน อย่าห้ามฉันได้ไหม ฉันไม่ได้จะไปขอนอนกับเค้าอีก ฉันขอแค่คิดถึงเค้าแบบนี้ ฉันไม่ได้โทษนัทสึกิที่เธอเติมเต็มในเรื่องนี้ให้ฉันไม่ได้ เธอไม่ได้ผิดอะไร ฉันแค่ต้องการมันมากเกินไปกว่าที่เธอจะให้ฉันได้เท่านั้น และฉันก็จำเป็นต้องเติมมันให้เต็มด้วยตัวเองนี่แหละ ใครจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนอีก
นิ้วของฉันเองที่สอดใส่ไปในตัวฉัน มันเหมือนจะเล็กไปจนฉันต้องใส่มันเป็นสามนิ้วให้ฟิตพอดี ฉันยืนไม่ไหวเพราะแข้งขาสั่น ต้องลงมานอนในอ่างน้ำและช่วยตัวเอง มือหนึ่งบีบหน้าอก อีกมือก็วุ่นวายอยู่ตรงหว่างขา สะโพกของฉันขยับเพื่อตอบรับสิ่งที่ฉันทำกับตัวเองนั่น มันก็พอจะแทนกันได้บ้างเมื่อนึกว่าแอนเป็นคนทำแบบนี้ ฉันรู้ว่าฉันบ้า แต่ฉันก็พอใจ เมื่อสุดท้ายแล้ว ฉันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนกับมัน มีแต่ฉันที่นอนร้องไห้อยู่ในอ่างน้ำคนเดียว หลังจากที่ร้องเรียกชื่อเค้าซ้ำๆในตอนที่ถึงจุดไคลแมกซ์และอาฟเตอร์ช็อก และเมื่อฉันลืมตาขึ้นหลังจากที่เสร็จกิจที่ฉันต้องการมัน ฉันเห็นเลือดไหลนองในอ่างที่ฉันนอน ใช่..แน่นอน มันเป็นเลือดฉัน ฉันกัดแขนตัวเองเหมือนครั้งนั้นไม่มีผิด ถ้านัทสึกิมาเห็นเธอคงจะเสียใจ แต่ฉันก็คงจะสะกดเธอให้ลืมมันให้หมด ถ้าเธอบังเอิญมาเห็นฉันแบบนี้จริงๆ
พอฉันร้องไห้จนพอใจแล้ว ฉันก็เปิดน้ำใส่อ่างน้ำแทนฝักบัวที่ไหลอยู่นานเกินไปนั่น แช่ตัวอยู่ในน้ำที่เป็นสีเลือดของฉัน สุดท้ายก็ล้างอ่างด้วยน้ำใหม่ รวมถึงล้างตัวเองด้วย แขนของฉันไม่มีแผลแล้ว มันหายดี นี่แหละข้อดีของความเป็นอมตะแบบฉัน แต่ข้อเสียมันก็มากมาย ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ อยู่นานเกินไปจนบางครั้งก็ทำให้ทำอะไรโดยไม่นึกว่าจะทำให้ใครเสียใจบ้าง จิตสำนึกมันจะน้อยลงทุกทีจนไม่แคร์ใครอีกต่อไป หวังว่า ฉันคงจะไม่เป็นถึงขนาดนั้นหรอกนะ
เพราะพรุ่งนี้..ฉันก็จะเป็นน้องที่ดีของพี่เหมือนเดิม..แอน..
แล้วมันก็มาถึงเสียที วันที่พี่ของฉันจะได้สมหวัง วันที่เค้าจะไม่ต้องเหงาอีกต่อไป ไม่ต้องเอาเหล้าเข้าปากเพื่อให้ลืมความเหงาในหัวใจของเค้า ฉันจะให้เค้าเจอลูกกับแม่ของลูกเค้าในวันนี้ ฉันยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อนึกถึงหน้าแอนยิ้มและแววตาสดใสอีกครั้ง ฉันคิดถึงรอยยิ้มบนหน้าสวยๆของเค้าที่สุด แค่นี้..ฉันก็มีความสุขมากแล้ว..
และวันนี้แหละ..พี่ก็จะได้เจอเทพธิดาตัวน้อยที่นางมารร้ายอย่างฉันซ่อนตัวเค้าไว้มาแสนนาน..
ไอจัง..หลานจ๋า.. วันนี้อาจะพาปะป๊าของหนูมาให้แล้วนะ.. อยู่กับปะป๊าให้มีความสุขนะลูก.. และอย่าลืมใช้ความรักในตัวหนูช่วยให้ปะป๊าของหนูหายเหงาด้วยนะ
อาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่หนูคนเดียว..ไอจัง..
รักพี่เหลือเกินเลย..แอน...
To be continue….
2 ความคิดเห็น:
ถึงจะมีเรื่องอื่นมาให้ทำ แต่ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องจิตตกเหมือนเดิมนะชิจัง.. ยิ่งเห็นไอจังก็ยิ่งคิดถึงพี่สาวตัวเองอ่ะนะ เพราะหน้าตามาพิมพ์เดียวกันเลย เหมือนถ่ายเอกสารออกมายังไงอย่างงั้นเลยอ่ะ.. เหอๆๆๆ..
แต่ก็ยังดีที่ยังพอมีเรื่องมาให้คิดบ้าง ดีกว่ามานั่งหมกมุ่นคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดถึงอย่างแรง ไม่ใช่ไม่ให้คิดถึงหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้ความคิดถึงของชิจังที่มีต่อแอนจังน่ะ มันไม่ธรรมดา ถ้าวันไหนที่ปรับความคิดถึงให้มันเป็นปกติได้ ค่อยคิดถึงแล้วกันนะ.. อาจจะปรับไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ให้มันลดน้อยกว่าที่เป็นอยู่นี่ไปบ้าง คงจะดีกว่านี้อ่ะ..
อืม.. หันหน้าไปหาคนข้างๆบ้างก็ดีนะ เพราะไม่ว่ายังไงผู้หญิงคนนี้เค้าก็ไม่เคยจะคิดหนีไปไหน หรือนอกใจชิจังได้เลย รักมาก ไม่ว่ายังไงก็รัก.. เพียงแต่นัทสึกิเองไม่ถนัดการแสดงออกแค่นั้นเอง ที่ทำหน้าซื่อ เฉยเมย นั่นไม่ได้แปลว่าเค้าไม่สนใจ แต่นั่นเป็นการแสดงออกว่าสนใจมากนั่นแหละ เพราะนัทสึกิซึนไง แต่ถ้าอยากรู้ว่าคิดยังไงอยู่ล่ะก็ ต้องมองที่ตานะ ตรงนั้นจะทำให้ชิจังรู้ทุกเรื่องที่นัทสึกิกำลังคิดอยู่ได้เลยล่ะ.. และเรื่องบนเตียง ที่นัทสึกิไม่ขอไม่ใช่ว่าไม่ต้องการ เพราะปากหนัก แล้วดูเหมือนไม่ค่อยคล่องกับเรื่องแบบนั้นสักเท่าไหร่นั่นแหละ.. แล้วยิ่งมีเซ็กซืกับคนที่รักอ่ะ ทำไมเค้าจะไม่ต้องการล่ะ.. อุฮิอุฮิ..
แต่แล้ว.. ความอดทนมันก็มีขีดจำกัด.. จริงๆแล้วชิจังน่าจะเรียกว่าเป็นคนไม่มีความอดทนมากกว่านะ ถ้าจะทำ ถ้าจะอดทน ชิจังมันต้องทำได้อยู่แล้ว เพราะบุคลิกของชิจังน่ะ ถ้าจะพูดตรงๆก็คือ "เกิดมาเพื่อเสแสร้ง" เพราะคนไม่สนิทจริงๆจะไม่มีทางรู้ว่าคิดอะไรยังไงได้เลย.. เพราะการปิดบังความรู้สึกของตัวเอง นั่นมันก็เกิดจากความอดทนนั่นแหละ.. แต่เรื่องของแอนเนี่ย ชิจังมันไม่ทน มันต้องการ มันโหยหา เพราะเรื่องความรักสำหรับชิจังแล้วมัน.. เรื่องใหญ่มากๆๆๆๆๆ.. ใหญ่มากจริงๆ.. ขาดการเติมเต็ม.. เพราะไม่ว่าใครที่ให้ความรักมา มันก็เหมือนกับการเทน้ำลงในแก้วที่มีรูรั่ว.. เทใส่เท่าไหร่ก็ไม่เต็มซะที.. เพราะคนที่เอาน้ำมาเท ไม่ได้อุดรูรั่วนั้นไว้.. และคนเดียวที่สามารถอุดรูรั่วนั่นได้ก็มีเพียงคนเดียว.. ก็คือแอนนั่นแหละ.. เพราะถ้าไม่ใช่แอน.. ชิจังมันไม่ยอมให้ใครมาปิดรูนั่นหรอก.. เหอๆๆๆ
ขอบคุณนะคะไรเตอร์.. ตอนใหม่ี้ค่อยลดระดับความดราม่าลงบ้างแล้ว.. ฮ่าๆๆๆ.. นึกว่าจะต้องทำน้ำตาท่วมจออีก แต่ก็ดีสำหรับหัวใจคนอ่านนะคะ.. อิอิ.. ไว้มาต่ออีกนะคะ ข้าพเจ้าจะรออ่าน.. ^^
Lookgolf’s comment…
อืม..อีกตอนของชิจังผู้กลับใจ (หรือเปล่านะ) ฮ่าๆๆๆ
ตอนนี้ได้ฟังเรื่องราวตั้งแต่ชิจังยังเด็กจนกระทั่งโต..ก็ทำให้เข้าใจนิสัยและความเป็นชิจังได้ดีขึ้นเลยทีเดียว..และรู้สึกเห็นใจชิจังอยู่ไม่น้อย กับความโดดเดี่ยวและช่องว่างในจิตใจที่มีตอนเด็กที่ต้องแยกจากพี่สาวฝาแฝดของตน และอยู่อย่างลำพังด้วยพัฒนาการแปลกแยกจากผู้อื่น..ซึ่งส่งผลให้ชิจังกระหายความอบอุ่นจากผู้อื่นอย่างที่เป็นอยู่จนถึง ณ ขณะนี้....แต่ก็นะ เมื่อทุกคนต่างก็มีปัญหาในแบบฉบับของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น เมื่อเรารู้ข้อบกพร่องหรือนิสัยที่ไม่ดีของตน ก็ควรที่จะปรับเปลี่ยน และจัดการตัวเองให้ได้ด้วยเหมือนกันนะ ชิจังเอ๋ย..เพราะไม่ใช่ชิจังเพียงคนนี้ที่เป็นเช่นนั้น ทั้งแอนจัง อลิสซ่าจัง หรือบรรพบุรุษของพวกชิจัง ก็ล้วนแต่เจอเรื่องราวในทำนองนี้มาด้วยเช่นกัน แม้จะแตกต่างกันมากน้อยแล้วแต่สถานการณ์แวดล้อมก็ตามที..อย่าคิดมากในสิ่งที่ผ่านไปแล้วเลยนะ มองไปข้างหน้าและเลือกทำในสิ่งที่ยังทำได้จะดีกว่า..เพราะการมองอดีตที่ขมขื่น ย่อมนำมาซึ่งความขมขื่นดุจกัน นอกจากมันจะบั่นทอนกำลังใจและสติปัญญาของเราแล้ว มันจะยิ่งทำให้เราและคนรอบข้างไม่สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยนะ..ไม่มีใครที่ได้ทุกคนที่ตัวเองอยากได้หรอก และบ่อยครั้งที่การไม่ได้นั้น ไม่ได้มาจากความผิดของเรา
..การมีชีวิตอมตะ โดยส่วนตัวของคนอ่านแล้ว มันเป็นคำสาป มากกว่าจะเป็นพรอันประเสริฐ อย่างไม่ต้องสงสัย..อาจมมองว่า เรามีเวลาอีกเป็นอนันต์ เพื่อแก้ไขความผิดพลาดของตน แต่ก็นะ ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ ก็อาจจะไม่เคยได้เริ่มเลยก็ได้ แล้วคนที่เขาไม่ได้มีเวลามากมายเช่นเราล่ะ อาจจะไม่ได้อยู่รอจนถึงวันที่แก้ไขนั้นก็เป็นได้...อย่างไรก็ดี เมื่อคนทุกคนล้วนมีข้อบกพร่อง และมีเพียงคนที่ไม่ทำอะไรเลยเท่านั้นที่จะไม่ทำผิดพลาด..สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปแล้ว ก็เก็บไว้เป้นความทรงจำที่ดี หรือเป็นบทเรียนสอนใจก็พอ..ดังนั้น ก็ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าด้วยเถิดนะ ชิจัง..อย่าอาลัยอาวรณ์กับอดีตนั้นเลย.. และเริ่มต้นใหม่ให้ดีละกัน
ขอแสดงความเสียใจกับชิจังด้วยใจจริง..เพราะเชื่อว่า การมีไอจัง..ทำให้โอกาสที่สองพี่น้องนี้จะได้รักและอยู่ด้วยกันตามใจปรารถนานั้นกลายเป็นศูนย์อย่างแท้จริง..นั่นก็เพราะคำว่า “ครอบครัว” นั่นเอง
ส่วนนัทจังเองพร้อมให้อภัยและรอการกลับมาของชิจังเสมอล่ะ..ไม่ว่าชิจังจะทำตัวเช่นไร นัทจังก็ยังอยู่ตรงนี้เพื่อรอชิจังกลับมาอยู่ดี..และนี่คือสิ่งที่หาได้ยากมากเลยนะ นับว่าชิจังโชคดีจริงๆ ที่นัทจังเป้นเช่นนี้..ดังนั้น อย่าตำหนิตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนัทจังอีกเลย เอาความรู้สึกตรงนั้นมาแปรเปลี่ยนให้เป็นความตั้งใจที่จะทำเพื่อคนที่รักและรอเราอยู่ตรงนี้เสมอดีกว่านะ..แม้ว่าตอนนี้จะยังทำได้ไม่ถนัดนัก แต่ถ้าพยายามต่อไป วันนี้ก็ต้องดีกว่าเมื่อวาน และพรุ่งนี้ก้ต้องดีกว่าวันนี้อย่างแน่นอนล่ะ เหอๆๆ
หวังว่าไอจังจะเป็นแสงสว่างที่ถักทอใจที่อ่อนล้าและหมดหวังของสามพี่น้องนี้ให้กลับมาเข้มแข็งและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังอีกครั้งสมกับที่ทุกคนรอคอยเถอะนะ อิอิ
ขอบคุณนะคะ ไรท์เตอร์ ตอนนี้มีอารมณ์หลากหลายปะปนกันไป ใจหนึ่งก็สงสารชิจัง อีกใจก็อยากเตือนสติให้ชิจังมองคนอื่นและมองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นเช่นนี้ต่อไป เหอๆๆ..จะรออ่านตอนต่อไปแน่นอนนะคะ..เริ่มเห็นแววท้อแท้ในตัวชิจังบ้างแล้วสิเนี่ย เหอๆๆ
แสดงความคิดเห็น