Story Shot [The bodyguard]
My Goddess.Ch.1
Rate : T and will be M soon.
By : Anhy
Pairing : Anh/Shizuma X Shizuru
ฉันไม่เคยคิดอยากเป็นทหารมาก่อนเลยในชีวิต แต่ฉันก็ขัดความต้องการของคุณพ่อไม่ได้ ท่านอยากให้ฉันสืบต่อกิจการของครอบครัว ฉันจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการรับตำแหน่งของประธานบริษัทคนต่อไปของตระกูล เพราะหากไม่ใช่ฉัน ก็ไม่มีใครจะมาทำหน้าที่นี้ได้อีกแล้ว เพราะฉันเป็นลูกคนเดียวของท่าน และทายาทคนเดียวของตระกูลฟูจิโนะ
แต่มาวันนี้ ฉันคงต้องขอบคุณคุณพ่อและกฎบังคับของครอบครัวเรา เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้ฉันได้พบกับเค้า.. คนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต..
ตอนนั้น..ครั้งที่ฉันได้มาเหยียบพื้นดินภายในรั้วโรงเรียนนี้เป็นครั้งแรก ฉันต้องพยายามที่จะระงับความตื่นเต้นของตัวเองกับโรงเรียนใหม่ที่ฉันต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ตามลำพัง คุณพ่อส่งฉันมาเรียนที่นี่ในที่สุด แม้คุณแม่จะพยายามทัดทานยังไงก็ตาม ท่านทั้งสองแค่มาส่งฉันและบินกลับประเทศบ้านเกิดของเราไปภายในวันนั้น คุณพ่อไม่สนใจที่จะอยู่ดูความเป็นอยู่ของฉันที่นี่เลย ท่านปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว ท่ามกลางคนที่ไม่รู้จักมากมายในประเทศนี้ที่ห่างไกลจากบ้านและพวกท่าน หรือนี่จะเป็นวิธีของท่านที่พยายามฝึกให้ฉันเข้มแข็ง ท่านจึงต้องทำใจแข็งเพื่อจะสร้างฉันให้แกร่งพอที่จะดูแลกิจการของท่านแทนท่านได้ในอนาคตข้างหน้า ซึ่งก็เป็นความคิดที่ดีที่ฉันไม่อาจจะปฏิเสธมันได้ว่าท่านคิดถูก เพียงแต่ว่า..คุณพ่อลืมไปแล้วรึเปล่าว่า ฉันแค่อายุสิบห้าเท่านั้นและเป็นผู้หญิง
แต่มันคงไม่แปลกอะไรนักกับสิ่งที่คุณพ่อตัดสินใจเลือกทำแบบนี้กับฉัน เพราะตั้งแต่เด็กมาแล้วที่ฉันมักจะถูกฝึกมาให้รู้จักความอดทน ด้วยการที่คุณพ่อฝึกฉันให้เป็นกุลสตรี และเป็นสุภาพบุรุษในเวลาเดียวกัน ยังไงน่ะเหรอ.. น่างงใช่มั้ย.. ก็ฉันจะได้เรียนและฝึกทุกอย่างตามแบบที่ผู้หญิงพึงทำ ทั้งกิริยามารยาทต่างๆและการปฏิบัติตัวต่อที่สาธารณะชน และในระหว่างนั้น ฉันก็ได้ถูกฝึกให้ได้เรียนรู้สิ่งที่ผู้ชายทำด้วย ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานในการป้องกันตัวเอง หรือศิลปะการต่อสู้ในแบบต่างๆ ฉันก็เลยเหมือนถูกหลอมออกมาใหม่จากเบ้าที่ได้รับการผสมผสานมาแบบนี้ ฉันไม่มีสิทธิ์เลือกทำอะไรเอง เพราะมีหน้าที่ในอนาคตที่ฉันต้องรับมัน และนั่นจึงทำให้น้อยครั้งมากที่ใครๆจะรู้ว่า ฉันรู้สึกยังไง ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงความอ่อนแอหรือแข็งกระด้างเกินไปให้ใครๆเห็น มันจึงเหมือนกับว่า..ฉันเกิดมาเพื่อเป็นคนเสแสร้งอยู่ตลอดเวลา ต้องใส่หน้ากากที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ แม้กระทั่งคนในครอบครัวของตัวเอง ฉันเป็นแบบนั้นมานานมากจนชินกับมัน คล้ายทุกสิ่งทุกอย่าง การเสแสร้งแบบนั้น มันเรื่องธรรมดามากสำหรับฉัน ซึ่งมันก็แน่นอนเลยว่า..จะไม่มีใครได้เห็นความเป็นฉัน..ตัวจริง..
ไม่มีใครสักคนที่ฉันไว้ใจมากพอที่จะเปิดเผยความเป็นตัวเองให้เห็น..นอกจากเค้าคนนั้น... สุดที่รักของฉัน...
ฉันอยู่ในงานปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ในวันนั้น วันที่ฉันเจอเค้าครั้งแรก มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉันจะสะดุดตาในตัวเค้า ก็เพราะเค้าตัวสูงโดดเด่นขนาดนั้น แถมยังมีสีผมไม่เหมือนใคร เส้นผมยาวสีแปลกของเค้าดึงดูดสายตาของฉันให้หันไปมอง เพราะมันส่องประกายรับกับแสงพระอาทิตย์ยามเช้าในวันนั้น วันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งไม่มีเค้าของเมฆฝนอย่างที่เคยเป็นในวันปกติของประเทศนี้ อากาศดีแบบนั้นทำให้ฉันเผลอคิดไปว่า เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจงใจให้ฉันได้เห็นเค้าได้ถนัดชัดเจน เพื่อให้ฉันได้เจอคนที่ฉันค้นหามาแสนนาน
คนที่ฉันจะสามารถจะเป็นตัวเองได้ในเวลาที่อยู่กับเค้า..
ฉันนั่งบนเก้าอี้ในแถวหน้าเวทีที่กำลังมีพิธีการต้อนรับนักเรียนใหม่อย่างพวกฉันเป็นเพื่อนๆร่วมรุ่นอย่างเป็นทางการ ท่านผู้อำนวยการของโรงเรียนกำลังส่งเสียงพูดอะไรบางอย่างที่ฉันไม่ได้ฟัง เพราะฉันสนใจอย่างอื่นอยู่ แต่ก็พอรู้ว่ามันเป็นคำปราศรัยสำหรับนักเรียนใหม่ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีการวันนี้ ซึ่งก็คงไม่น่าสนใจอะไรมากเท่ากับคนที่ยืนอยู่ในตำแหน่งของสายตาฉันพอดีคนนั้น ผู้หญิงตัวสูงโดดเด่นกว่าใครในจำนวนของพวกเค้า นักเรียนปีสามที่อยู่ในชุดนักเรียนทหาร ซึ่งถ้าฉันเดาไม่ผิดละก็ พวกเค้าเหล่านั้นจะต้องมีหน้าที่คอยดูแลและจัดระเบียบให้กับงานในวันนี้ เพราะต่างคนก็ต่างเก๊กขรึมกันหมดทุกคน แต่ทำไมฉันถึงได้สนใจกับเค้าคนนั้นอยู่คนเดียวกันนะ ทั้งที่ในจำนวนรุ่นพี่นั่น ก็มีผู้ชายหน้าตาดีๆตามแบบฉบับของชนชาติตะวันตกอยู่เต็มไปหมด หรือจะเป็นเพราะว่า ฉันถูกชะตากับคนสวยที่มีเสน่ห์แบบแปลกๆมากกว่าที่จะสนใจผู้ชาย นี่ฉันเป็นอะไรไปแล้วนะ ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ไปได้เลย ไม่เคยคิดว่าฉันจะหลงเสน่ห์คนเพศเดียวกัน
แต่ก็นะ..จะไม่ให้ฉันสะดุดตากับผู้หญิงอย่างเค้าได้ยังไง ถึงฉันเองก็ไม่คิดว่าตัวฉันเองจะชอบผู้หญิงเหมือนกันได้แบบนี้ แต่กับเค้า ฉันกลับไม่ได้คิดว่าตัวเองผิดปกติอะไรที่ฉันรู้สึกถูกชะตาหรือจะเรียกได้ว่า..ชอบเค้าตั้งแต่แรกเห็น ก็ดูเอาสิ ก็เค้าทั้งตัวสูงมากๆ สูงกว่าผู้ชายบางคนด้วยซ้ำ น่าจะมากกว่า 185 เซน. จากการประเมินด้วยสายตาที่ฉันเห็นเค้ายืนอยู่ไกลๆ เค้าก็ยังดูเท่กว่าผู้ชายหลายคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน แต่ก็สวยได้อย่างน่าอัศจรรย์ในเวลาเดียวกันนั่นด้วย บุคลิกของเค้าที่ฉันเห็นตอนนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกดีที่ได้มอง ถึงจะได้แค่มองอยู่ไกลๆก็ตาม ในตอนนั้นพวกเค้า เหล่ารุ่นพี่ปีสามกำลังแค่ยืนคุมสถานการณ์ความเรียบร้อยของงานอยู่ สาวสวยตัวสูงชะลูดนั่นก็กำลังอยู่ในทีมนั้นเหมือนกัน แต่เป็นจุดสนใจของสายตาฉันเพียงคนเดียว เค้าผิวขาว ขาวมากคล้ายไม่เคยเจอแดดมาก่อนทั้งชีวิต อาจจะเป็นเพราะเค้าเป็นคนอังกฤษก็ได้ ผิวของเค้าถึงได้ขาวแบบตะวันตกแบบนั้น แต่ก็น่าแปลกที่ในความขาวของเค้า หน้าตาของเค้าไม่ได้จืดอย่างที่ควรจะเป็น เหมือนคนยุโรปทั่วไป เค้าดูคมกว่า ตาสวยมาก สีเขียวน้ำทะเล จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าเรียวรูปไข่ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันหันไปมองเค้าเต็มตาแบบนี้ทั้งที่อยู่ไกลกัน ก็เพราะสีผมที่ไม่เหมือนคนอื่นอย่างที่เค้ามี ผมของเค้าเป็นสีเงิน บลอนด์เงินไม่ใช่บลอนด์ทอง แต่มันก็ไม่ใช่แค่นี้หรอกนะที่ฉันใช้เวลาที่มีอยู่นั่นพิจารณาตัวเค้า บุคลิกของเค้าก็แสนจะน่าประทับใจ อยู่ในหน้าที่แบบนี้ เค้าดูทั้งนิ่ง เยือกเย็น ดูคล้ายไม่สนใจใคร ไม่แคร์ว่าจะถูกใครมอง หน้าสวยๆของเค้า มักจะหันไปทางอื่น นอกงานอยู่ตลอดเวลา ฉันไม่รู้เหมือนกันว่า เค้ากำลังมองอะไร หรือเค้าจะแค่เบื่องานที่มีคนมากๆก็ได้ ฉันเดาเอาจากคิ้วเรียวสีเดียวกับเส้นผมของเค้าขมวดเข้าหากันอยู่ตลอดเวลา คล้ายๆจะยืนหน้าบึ้งอยู่ตลอด ขี้เก๊กอยู่ตลอด แต่ฉันกลับเห็นว่าสิ่งต่างๆที่เค้าเป็นอยู่แบบนั้น มันเท่มากๆ และดูมีเสน่ห์ได้อย่างที่หาคำอธิบายอะไรไม่ได้ มันคล้ายกับว่า ตัวเค้าเป็นอะไรที่น่าค้นหา คล้ายหนังสือที่น่าอ่านเล่มหนึ่งทีเดียว ฉันอยากรู้จักเค้า อยากได้อ่านหนังสือเล่มนี้เหลือเกิน แต่ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ
จริงๆแล้ว ฉันเป็นคนเข้ากับคนง่าย ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่า ฉันต้องออกงานกับคุณพ่อคุณแม่บ่อยๆตั้งแต่เด็ก ฉันถึงไม่มีปัญหากับการอยู่ต่อหน้าคนมากๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย แก่ เด็กหรือรุ่นเดียวกัน ฉันก็สามารถจะอยู่และปรับตัวคุยกับพวกเค้าได้ไม่เลือก แต่ถึงฉันจะมั่นใจในความสามารถของตัวเองในเรื่องนี้ กับเค้าคนนั้น ที่ฉันรู้สึกเหมือนจะชอบเค้าตั้งแต่แรกเห็นแบบนี้ ฉันก็ยังไม่กล้าเข้าไปหาเค้า ไปคุยเริ่มหาเรื่องคุยกับเค้าเองเลย กระทั่งคิดว่าจะเดินผ่านหน้าเค้า ฉันยังขาสั่นเสียแล้ว นี่ฉันคงได้แค่มองเค้าเท่านั้นเองน่ะเหรอ แย่จังนะ แต่ก็เหมือนว่า โชคชะตาจะเข้าข้างฉัน ที่ฉันได้มาเป็นน้องรหัสของเค้า และในที่สุดฉันก็ได้รู้จักเค้าจริงๆ ได้คุยกับเค้า ได้มองเค้าใกล้ๆเสียที และได้รู้ว่า..เค้าคนที่ฉันแอบสนใจชื่อว่า..
แอน ลู...
แอนที่ฉันรู้จักจริงๆวันนี้ ก็ไม่ต่างจากที่ฉันเห็นเค้าเป็นวันนั้นในครั้งแรกนั่นเท่าไหร่ เค้ายังเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไร ขรึมและขี้เก๊ก เหมือนว่า ถ้าเค้าจะพูดอะไรออกมาสักคำ ก็ต้องมีเรื่องให้ต้องพูดจริงๆเค้าถึงจะพูดได้อย่างนั้นแหละ ฉันก็เลยต้องเป็นฝ่ายหาเรื่องคุยกับเค้าเอง ถ้าอยากได้ยินเสียงนุ่มๆเพราะๆของเค้า
ใช่..เสียงของเค้าเพราะมากจนอยากให้เค้าพูดอยู่ตลอดด้วยซ้ำ แต่เค้ากลับไม่ใช่คนช่างพูดซะอีก น่าเสียดาย และมันคงต้องเป็นหน้าที่ฉันตลอดไปที่จะต้องทำให้เค้าพูด ใช่รึเปล่านะ..
ตอนนี้ฉันไม่เกร็งแล้วเวลาที่อยู่กับเค้า ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เราอยู่กันตามลำพัง โดยที่ไม่มีเพื่อนของเค้าหรือของฉันอยู่ด้วย เวลาที่เราต้องติวหนังสือกันหรือเวลาที่เค้าต้องช่วยฉันฝึกปฏิบัติในเรื่องที่เรียนมา อย่างเช่น เรื่องเกี่ยวกับปืน การดูแลรักษา ทำความสะอาด การประกอบมันเข้าที่ หรือศิลปะป้องกันตัวอื่นๆที่รุ่นพี่อย่างเค้ารู้มากกว่า เพราะเค้าดูใจดีกว่าที่คิดไว้มาก ถึงจะดูนิ่งและไม่ค่อยยิ้ม จนเหมือนคนขี้เก๊กแบบนั้นก็ตาม
นับวันฉันก็ยิ่งชอบเค้ามากขึ้นทุกที ฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่ตัวเองถูกดวงตาสีเขียวสวยนั่นมอง มันทำให้ฉันรู้สึกถึงความอ่อนโยนในแววตาของเค้าที่ทำท่าเหมือนจะดุอย่างกับเสือ อาจจะเป็นเพราะว่า ฉันได้เห็นอะไรในตัวเค้ามากกว่าที่คนอื่นเห็นก็ได้ แอนดูคล้ายทำตัวสบายๆขึ้นเวลาเราอยู่ด้วยกัน เค้าเริ่มหาเรื่องมาคุยกับฉันก่อนบ้างแล้ว อย่างน้อยก็เวลาที่เราเดินสวนกันตอนเปลี่ยนคาบเรียนหรือตอนที่บังเอิญเดินออกจากหอพักนักเรียนประจำมาพร้อมกัน เค้าเริ่มทักฉันก่อน แม้มันจะแค่คำว่า “เฮ้..” ก็เถอะ
แค่เท่านี้ฉันก็รู้แล้วว่า สำหรับเค้า ฉันพิเศษมากกว่าใคร เพราะเท่าที่เห็นมา ฉันไม่เคยเห็นเค้าทักใครก่อนเลยสักครั้ง และแทบไม่มีใครเดินกับเค้าด้วย นอกจากเพื่อนสนิทซึ่งก็มีไม่กี่คน บ่อยครั้งเลยที่ฉันเห็นเค้าเดินคนเดียว ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจนักว่า ผู้หญิงที่ทั้งสวยและเท่บาดใจอย่าง แอน ลู ทำไมถึงไม่มีใครอยู่ใกล้ๆแบบนี้ ทั้งที่น่าจะมีคนชอบเค้ามากกว่าที่เห็นอยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่า ภายนอกที่ทั้งขรึมและดูดุ บรรดาสาวๆหรือหนุ่มๆที่ดูเหมือนจะสนใจเค้า จึงทำได้แค่แอบมองเค้าเดินผ่านแล้วหันไปกรี๊ดกร๊าดกันหรือไม่ก็แค่ซุบซิบกันเอง ไม่มีใครสักคนกล้าเข้ามาหา มาทักเค้า นอกจากฉัน และก็เหมือนว่าไม่มีใครเหมือนกัน ที่เค้าจะเข้าไปทักก่อนอย่างฉัน หรือจะเพราะว่า ฉันเป็นน้องรหัสที่เค้ามีหน้าที่ต้องดูแลโดยตรงกันแน่นะ
แต่ต่อมา ฉันกับเค้าก็เหมือนว่าจะห่างกันไป ฉันต้องคอยอยู่รับหน้าบรรดาเพื่อนๆร่วมรุ่นหรือไม่ก็พวกรุ่นพี่ที่เหมือนมีท่าทีมาชอบฉัน ใช่แล้วล่ะ..ฉันเป็นเด็กใหม่ที่ค่อนข้างจะดังมากที่สุดในรุ่นฉัน ที่ฉันไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไรกับมันเลย ฉันไม่อยากจะอยู่กับพวกเค้าสักนิด ไม่เคยรู้สึก เพราะฉันนึกถึงแต่พี่รหัสคนสวยตัวสูงเท่คนนั้นคนเดียว แต่ฉันก็หาโอกาสจะได้อยู่กับเค้าตามลำพังได้น้อยเต็มที หลายครั้งที่ฉันพลาดโอกาสที่จะได้ไปทักเค้า เพราะบรรดาแฟนคลับที่ฉันไม่อยากมี เข้ามาขวาง ฉันที่ถูกเลี้ยงมาให้เป็นคนมีมารยาทและปฏิเสธคนได้ยาก ก็เลยต้องอยู่กับพวกนั้น แทนจะได้ไปหาเค้า คนที่เหมือนกำลังจะเดินเข้ามาหาฉัน ฉันแทบอยากจะผลักคนอื่นๆที่มาขวางหน้าฉันแบบนั้นทันทีที่เห็นดวงตาคู่สวยสีเขียวน้ำทะเลนั่น ส่งสายตาผิดหวังมาให้ ก่อนที่เค้าจะเดินหายไปลับตาฉัน ฉันอยากจะร้องไห้ในความไม่เด็ดขาดของตัวเองที่ไม่เลือกที่จะปฏิเสธบรรดาแฟนคลับงี่เง่าพวกนี้ เพื่อไปหาคนที่ฉันอยากอยู่ใกล้ตลอดเวลาคนนั้น แล้วฉันจะได้อยู่กับเค้าแบบนั้นอีกมั้ยนะ
ฉันคิดถึงพี่จัง..แอน..
ฉันเหงามากทั้งที่มีคนมากมายรายล้อมแบบนี้ เพราะในบรรดาคนพวกนั้น ฉันไม่ได้ต้องการจะอยู่ใกล้เลยแม้แต่คนเดียว คนคนเดียวที่ฉันอยากจะอยู่กับเค้าทุกเวลา แต่เค้าก็ห่างออกไปทุกที จนเหมือนจะคว้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
แอนเหมือนค่อยๆปลีกตัวห่างจากฉันไป ไม่ค่อยมาทักฉันอีกแล้ว เวลาเดินสวนกัน เค้าก็แค่มองฉัน เราได้สบตากัน แค่ไม่ถึงนาทีแล้วเค้าก็หันหน้าไปทางอื่น ตาคู่สวยของเค้าเหม่อลอยออกไปจากฉัน หรือจะเพราะว่า ฉันไม่ได้เดินคนเดียว ในขณะที่แอนยังเดินคนเดียวอยู่เสมอ แบบนี้เค้าจะรู้มั้ยว่า ฉันเหงา.. แล้วเค้าล่ะ เค้าเหงาบ้างมั้ย.. หรือเค้าพอใจที่จะอยู่คนเดียวแบบนั้น
ความเบื่อ และเหนื่อยในการต้องพยายามปั้นหน้าให้ดูดี ทำให้ฉันต้องพยายามหาทางหลีกเลี่ยงแฟนคลับที่ฉันไม่อยากมีแต่หนีมันไม่ได้พวกนั้น ฉันมีที่ประจำของฉันที่ไม่มีใครเคยรู้ นอกจากแอน ใช่..เพราะเค้ากับฉันเคยมานั่งติวหนังสือกันที่นี่ แต่ก็นานมากแล้วที่เราสองคนไม่มีเวลานั้นด้วยกัน เพราะฉันผิดเอง ฉันไม่เด็ดขาดกับการกระทำของตัวเอง มันก็สมควรแล้วสินะ ที่ฉันจะต้องมานั่งร้องไห้เพราะเหงาแบบนี้ ฉันเคยมาที่นี่เพราะฉันคิดถึงบ้าน คิดถึงคุณพ่อ คุณแม่ คิดถึงประเทศบ้านเกิดของฉัน แต่ในวันนี้ ฉันมาเพราะฉันคิดถึงเค้า คนที่เคยมาด้วยกัน แต่เค้าคงจะลืมมันไปแล้วล่ะมั้ง ฉันไม่เห็นเค้ามาอีกเลย
..แอนพี่เป็นอะไรไปนะ.. หรือฉันจะทำสนใจพี่น้อยเกินไป.. พี่ไม่เข้าใจฉันบ้างเลยเหรอ.. เข้าใจในสิ่งที่ฉันเป็น นี่ฉันจะต้องเสียพี่ไปจริงๆแล้วใช่มั้ย..
แต่ในเวลาที่ฉันคิดว่า ฉันกำลังจะต้องสูญเสียคนสำคัญของหัวใจไปอย่างถาวร เพราะความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันแบบนั้น ฉันก็กลับได้รับความสนใจจากเค้ากลับมา หลังจากวันที่ฉันแอบไปนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในที่ของเรา หรือว่า เค้าจะแอบไปเห็นฉันร้องไห้วันนั้นพอดีก็ไม่รู้ แต่ช่างเถอะ..ฉันรู้สึกดีที่ได้พี่กลับมา มาอยู่ข้างๆฉันต่อไป..
แอน.. พี่รู้มั้ย.. ฉันรักพี่มากเลยนะ.. ฉันเพิ่งมารู้ตัวเองจริงๆก็ตอนนี้เอง.. ตอนที่เหมือนพี่จะไม่กลับมาเหมือนเดิมกับฉันอีกแล้ว พี่จะรู้มั้ยนะ..ฉันดีใจมากแค่ไหนที่ได้อยู่ใกล้พี่อีกครั้ง..แบบนี้..
แอนใจดีกว่าเดิมเสียอีกในครั้งนี้ที่เค้ากลับมา ฉันไม่แน่ใจว่า เค้ามีเหตุผลอะไรเหมือนกันกับการทำดีกับฉันแบบนี้ เค้าเอาใจใส่ฉันมากขึ้น ถึงจะยังนิ่งและขรึม ขี้เก๊กเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยก็ตาม เค้าพยายามจะออกมาจากห้องพักของเค้าให้ทันฉัน เพื่อจะเดินเข้าโรงเรียนด้วยกัน มารับไปกินข้าวเที่ยง เดินกลับหอพักด้วยกันตอนเลิกเรียน หรือไม่ก็เอาร่มมาให้ ตอนที่ฉันลืมมัน แต่ที่ทำให้ฉันรู้สึกได้มากที่สุด กับเรื่องที่เค้าใส่ใจฉันและห่วงฉันมาก ก็ตอนที่ทั้งฉันและเค้าไม่ได้เอาร่มมา ทั้งที่ไม่ควรลืมมัน สำหรับการอยู่ในประเทศนี้ที่ฝนตกได้ตลอดปี ตกได้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก็เคยเป็น แต่นั่นคงเป็นเพราะอะไรบางอย่างจงใจให้ฉันได้เห็นอะไรในตัวเค้าที่มากขึ้นก็ได้
ใช่..เพราะฉันได้เห็นตัวตนที่อบอุ่นของเค้า คนที่เงียบๆ คล้ายๆไม่สนใจใครแบบนั้น คนเย็นชาที่ยอมถอดเสื้อยูนิฟอร์มนักเรียนเตรียมของเค้าออก เพื่อมาบังฝนให้ฉัน ฉันประทับใจในการกระทำครั้งนี้ของเค้ามาก เพราะนอกจากที่ฉันจะได้รับการดูแลที่เหมือนกับเป็นคนรักจากเค้าแบบนี้ ฉันยังได้เห็นว่า ภายใต้ชุดยูนิฟอร์มที่ดูเคร่งขรึม แอนมีความสวยแบบผู้หญิงยังไง ผิวของเค้าขาวมากใต้ร่มผ้านั่น ถึงฉันจะเห็นได้แค่ส่วนที่ไม่มีเสื้อกล้ามพอดีตัวของเค้าปิดบังอยู่ก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้ฉันยืนยันกับตัวเองได้ว่า แอนเหมือนนางฟ้ามากจริงๆ และความตัวสูงมากของเค้าก็ไม่ได้มีอุปสรรคอะไรกับความสวยในแบบผู้หญิงที่เค้ามีซ่อนอยู่นั่นเลย ความคิดหนึ่งของฉันเกิดขึ้นทันที ฉันยอมรับว่ามันไม่ดีเลยสำหรับเด็กอายุสิบห้าอย่างฉัน ฉันอยากสัมผัสเนื้อตัวของผู้หญิงตัวสูงที่กำลังเดินข้างฉัน กางเสื้อของเค้าบังฝนให้ฉัน คนนี้เหลือเกิน.. ฉันอยากรู้สึกถึงตัวของเค้า เวลาที่เค้ากอดฉัน หรือเรากอดกัน..
ฉันไม่ได้ผิดใช่มั้ย ที่ฉันอยากสัมผัสคนที่ฉันรักแบบนี้..
บอกฉันหน่อยสิแอน.. ฉันผิดรึเปล่า.. แล้วฉันจะมีโอกาสนั้นมั้ยที่ความหวังของฉันจะเป็นจริง ฉันจะรู้ได้มั้ยว่า พี่กำลังคิดอะไร ในเมื่อพี่ไม่เคยพูดอะไรทำนองนั้นเลย พี่แค่ห่วงเพราะฉันเป็นน้องที่เหมือนต้องการการดูแล แค่นั้นรึเปล่า หรือมากกว่านั้น..
ใครช่วยบอกฉันหน่อยสิว่า.. ฉันจะทำยังไงให้คนปากหนักคนนี้พูดมัน..
ฉันไม่ต้องการอะไร ขอแค่..เค้าบอกกับฉันว่า เค้าคิดเหมือนฉัน..
หรือยังไงก็ได้.. ฉันรับได้ทุกอย่าง..
ฉันรักพี่..
แล้วพี่ล่ะ.. รักฉันมั้ย..
เรารักกันใช่รึเปล่า..แอน...
To be continue….
1 ความคิดเห็น:
อ๊ายยยยย.. >///<
คิดถึงจังเลยค่า.. สามี.. อิอิ
นึกว่าจะไม่ได้เห็นที่รักในมาดแบบนี้อีกแล้วนะเนี่ย คนแบบนี้แหละที่ทำให้เราหลงหัวปักหัวปำ.. แต่ก็มานั่งนึกถึงตอนเค้าออกมาในเรื่องตอนแรก เราไปหมั่นไส้เค้าซะงั้น.. แต่ความหมั่นไส้นั่นแหละ ทำให้พบรัก.. อิอิ.. ฮิ้วววว~~~
อ่านจบตอนนี้ปุ๊บ ความรู้สึกเก่าๆก็แว๊บเข้ามาในหัว(ใจ)เลยทันที อิอิ.. มันจะแปลกใอะไรเล่าชิจัง ในเมื่อความรักมันหาเหตุผลมาประกอบว่าทำไมถึงรัก ทำไมถึงสนใจไม่ได้หรอก มันไม่ใช่เรื่องของเหตุผล มันเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก สมองถูกแบ่งไว้สองซีกไว้ก็เพื่อการนี้แหละ เพื่อที่จะให้แยกเหตุผลกับอารมณ์ออกจากกัน.. คนเราที่เจอกันครั้งแรกแล้วรู้สึกใจเต้นแรงถึง 150 ครั้งต่อนาที หรือมองแล้วไม่กล้าแม้แต่จะหายใจนั่นน่ะ เค้าเรียกว่า "รักแรกพบ" อิอิ
แต่รักแรกพบของชิจังน่ะ สะดุดที่รูปร่างหน้าตาก่อนอันดับแรกเลยเนาะ แต่ก็นั่นแหละ 95 เปอร์เซ็นต์ของมนุษย์จะสนใจใครก็ต้องมองหน้าตาเป็นอันดับแรก ฮ่าๆๆๆ.. แล้วก็ค่อยไปศึกษานิสัยดูกันอีกที.. แต่แอนจังสามีของเราเนี่ยดีทั้งนิสัยและรูปร่างหน้าตา ชิจังนี่ตาแหลมนะเนี่ย อิอิ..
บรรยากาศของการได้พบกันของสองคนนี้ดูดีเนอะ ท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดแจ่มจรัสสะท้อนแอนจังเข้าตาชิจังในทันทีทันใด จากความสนใจเล็กๆนั้นมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความที่ได้แค่แอบมองก็เริ่มเข้ามาทักทายกันจนได้พูดคุยสนิทกันมากขึ้น ความรักที่อยู่ในตัวชิจังมันก็เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ได้อยู่กับแอนจัง แต่มันก็มาไม่เข้าใจกันบ้างเล็กน้อย เพราะชิจังน่าสนใจสำหรับทุกคนในโรงเรียน เพราะความช่างพูดช่างยิ้มนั่นแหละ เป็นตัวที่ทำให้คนอื่นเค้าสนใจและเข้ามาพูดคุยด้วย แตกต่างจากแอน เค้ามีปราการป้องกันเรื่องพวกนั้น เพราะเค้าไม่ค่อยชอบอยู่ในที่คนเยอะๆอยู่แล้ว และถ้าจะให้แฟนคลับมารุมมันก็คงเป็นไปไม่ได้.. จากสถานะที่แตกต่าง ชิจังมีแฟนคลับรุมล้อม แอนจังอยู่คนเดียว มันก็เลยเกิดช่องว่างทางอารมณ์ขึ้น ต่างคนก็ต่างเหงาไปโดยปริยาย ชิจังเหงาเพราะคนที่อยู่ใกล้ไม่ใช่แอนจัง และเหนื่อยที่ต้องคอยปั้นหน้า แต่แอนจังเหงาเพราะคนที่เคยอยู่ด้วยบ่อยๆไม่ว่างมาเจอ..
แต่สถานการณ์ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ดูแล้วจะดีกว่าเดิมด้วยนะเนี่ย เพราะคนเราน่ะพอรู้ว่ากำลังจะเสียอะไรไป มันจะรู้ว่าสิ่งนั้นมีค่ามากแค่ไหน แต่พอได้กลับมาอีกครั้งก็ต้องดูแลไม่ให้มันหนีหายไปได้อีก.. อย่างที่แอนกำลังทำอยู่ในตอนนี้.. อิอิ..
แต่เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป ก็ต้องรอดูตอนหน้า.. ^^
ขอบคุณมากๆเลยนะคะไรเตอร์ ที่นำเอาเรื่องที่ข้าพเจ้าชอบที่สุดกลับมาเขียนอีกครั้ง ข้าพเจ้าคิดถึงมากค่ะ และก็ดีใจมากที่ได้อ่านอีก.. เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ สู้ๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น