Story Shot [The bodyguard]
My Goddess. Ch4.
Rate : M
By : Anhy
Pairing : Anh/Shizuma X Shizuru
เวลานี้ฉันคล้ายกับว่าเป็นคนที่แต่งงานแล้ว มีครอบครัว น่าแปลกไปไหมที่ฉันรู้สึกแบบนี้ ทั้งๆที่ฉันเพิ่งจะย่างสิบหกเท่านั้น หรือเพราะฉันมีแฟนแล้ว และเราอยู่ด้วยกัน อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ แต่ว่า..ฉันจะดูจริงจังกับความรักครั้งแรก ครั้งนี้ของฉันมากเกินไปไหม กับความเป็นเด็กที่ฉันมี ไม่รู้สินะ..อาจเพราะว่าเค้าทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น แอนทำให้ฉันรู้สึกว่า..เค้าไม่ได้เป็นแค่แฟนของฉัน เค้าเป็นได้ทุกอย่าง เป็นพี่และเพื่อนของฉัน และเค้าเองก็ดูจริงจังกับความสัมพันธ์ของเรามาก จนฉันไม่คิดว่า มันจะมีอะไรเปลี่ยนไปได้ระหว่างเรา หรือต่อให้นานแค่ไหน เค้าก็จะรักษาสัญญาที่มีให้กับฉันในคืนนั้น เค้าจะไม่ทิ้งฉันไป..
แล้วฉันล่ะ.. ฉันแน่ใจตัวเองได้แล้วหรือว่า..ฉันจะไม่เปลี่ยนใจไปสนใจคนอื่นนอกจากเค้า.. ฉันจะหยุดเวลาของตัวเองไว้แค่กับเค้าเท่านั้นได้จริงๆเหรอ.. แต่นั่นก็เป็นคำถามที่ต้องอาศัยเวลาเป็นคำตอบให้มัน เพราะฉันคงต้องยอมรับว่า..เวลาเปลี่ยนก็อาจจะทำให้คนเปลี่ยนไป อย่างน้อยเมื่อเวลาเปลี่ยนไป เมื่อฉันโตขึ้นกว่านี้ เรียนสูงกว่านี้ ฉันก็คงจะมีความคิดอ่านเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และคงไม่ต้องคอยให้เค้าต้องห่วงมากขนาดนี้ก็ได้
ฉันอยากจะเป็นคนที่เดินพร้อมๆไปกับเค้าได้ ในแบบที่เหมาะสมกัน ไม่ต้องการจะเป็นภาระให้กับคนที่ฉันรัก ฉันคิดถูกแล้วใช่มั้ย...
แอนกำลังจะเข้าไปทำงานรับราชการทหารตามที่เค้าอยากจะเป็นแล้วในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ส่วนฉันเพิ่งจะขึ้นปีสามสำหรับการเป็นนักเรียนเตรียมที่โรงเรียนเดิม และเมื่อถึงเวลานั้น เราทั้งสองคนก็คงจะมีเรื่องให้ต้องทำมากขึ้นกว่าการนั่งเล่นพูดคุยหรือไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างที่เคยทำได้สมัยยังเรียนกันอยู่ทั้งสองคน แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นจริงๆ แอนก็เสนอความเห็นออกมาว่า ช่วงเวลาว่างที่ยังพอมีอยู่ก่อนเค้าจะไปทำงานและก่อนที่ฉันจะเปิดเทอม เราสองคนน่าจะไปพักผ่อนและทำอะไรที่อยากทำก่อนที่จะไม่มีเวลาจะได้ทำ ซึ่งเรื่องนี้ฉันก็เห็นดีกับเค้าด้วย เพราะความคิดนี้อาจจะช่วยให้เราทั้งสองคนได้ชาร์ตแบตในตัวของพวกเราให้เต็มที่ เอาไว้ลุยงานที่จะต้องเจอในวันข้างหน้า ซึ่งคาดว่ามันต้องหนักมากแน่ๆ
แต่ว่า..เราจะไปไหนกันดีนะ สำหรับฮันนี่มูนครั้งนี้..
Ara..แต่นี่ไม่ใช่ทริปหลังแต่งงานซะหน่อยนะ..ฉันคิดอะไรอยู่เนี่ย..
ถึงฉันจะรู้ว่ามันไม่ใช่การฮันนี่มูนกับการไปเที่ยวของเค้ากับฉันตามลำพังในครั้งนี้ เพราะว่าเรายังไม่ได้มีพิธีแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ แต่สำหรับฉัน การได้อยู่กับเค้าแบบนี้ ฉันก็ถือว่า ฉันมีครอบครัวแล้ว มันคล้ายฉันได้แต่งงานไปแล้วทางพฤตินัย และการมีแอนไปไหนมาไหนด้วย ไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม ก็ทำให้ฉันไม่ได้รู้สึกว่า ฉันลำบากหรืออึดอัดใจอะไรเลย ฉันชอบที่มีเค้าอยู่ใกล้ๆ ทุกนาทีได้ยิ่งดี
แบบนี้..จะเรียกว่า..รักหรือหลงกันแน่นะ สำหรับความรู้สึกของฉันที่มีให้เค้า.. หรืออาจจะทั้งสองอย่าง...
ฉันวุ่นวายอยู่กับการหาที่เที่ยวของเราอยู่หลายวัน นับตั้งแต่วันที่แอนเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา มันเพราะว่า ฉันมีที่ที่อยากจะไปเที่ยวกับเค้าหลายที่ ฉันเลือกมันไม่ถูกเลยสำหรับช่วงเวลาหนึ่งเดือนนี้ที่ฉันขอให้เป็นเวลาว่างสำหรับเรา ฉันจะเลือกเอาที่ใดที่หนึ่งจากหลายที่ที่ฉันอยากจะไปนั่น และอยู่เที่ยวตรงนั้นให้นานๆจนหมดเวลา หรือว่า..ฉันจะไปหลายที่ในเวลาเพียงเท่านี้ดีกันนะ ฉันใช้เวลาในการหาข้อสรุปกับเรื่องนี้อยู่นานกว่าจะทำมันได้ เพราะแอนยกหน้าที่นี้ให้ฉันจัดการ และเพราะเห็นว่าเค้าไว้ใจฉันแบบนี้ ฉันก็เลยต้องทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด
และฉันก็เลือกไปที่เดียวที่ที่ทั้งฉันและเค้าจะรู้สึกสนุกและมีความสุขกับมันได้ เพราะคิดว่า..การเดินทางบ่อยๆกับช่วงเวลาเท่านี้ที่มีอยู่ในมือ คงจะน้อยเกินไป ฉันไม่ชอบทำอะไรรีบร้อน เพราะมันจะทำให้ไม่รู้สึกว่า ได้รับการพักผ่อนอย่างแท้จริง แล้วตอนนี้ฉันจึงมีปัญหาใหม่ ว่าที่ไหนกันล่ะที่จะเราจะไปกัน ยากเหมือนกันเนี่ย แค่มีเงินเที่ยว อย่างเดียวไม่พอเสียแล้ว
หรือฉันจะเรื่องมากเกินไปกันนะ..
แล้วฉันก็มีปัญหาอีกอย่างหนึ่งว่า ฉันจะพาเค้าไปเที่ยวในแบบไหนดี ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวดีจริงๆ มันยิ่งกว่าการเรียนในชั้นของฉันเสียอีกนะ หรือว่าฉันจะขอให้แอนช่วยดีล่ะ แต่เค้าไว้ใจฉันแล้วนี่นา ถึงไปถามเค้าก็จะต้องบอกว่า “ตามใจ” อีกตามเคย แอนเป็นแบบนี้เสมอเลย เค้าชอบตามใจฉัน จนฉันจะเริ่มเหลิงกับมันเสียแล้ว
จากนั้น ฉันก็เริ่มใช้เวลาว่างตอนพักเที่ยงหรือหลังเลิกเรียน หรือไม่ก็เป็นก่อนนอน เพื่อหาข้อมูลในการเลือกที่เที่ยว ฉันดูเครียดเกินไปกับเรื่องนี้ จนโดนเค้าล้อ แอนว่าฉันเว่อร์ แต่ฉันไม่โกรธหรอก เพราะฉันรู้ เค้าแค่ห่วงฉัน กลัวว่าเรื่องที่จะช่วยให้สบายใจ จะกลับกลายเป็นเรื่องให้เหนื่อยเพิ่มเสียอีกแบบนี้
แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะฉันเหลือตัวเลือกของที่เที่ยว เพียงแค่สองที่แล้วล่ะตอนนี้ หนึ่งคือทะเล และสองก็คือญี่ปุ่น บ้านของฉันเองที่แอนยังไม่เคยมีเวลาไป และต่อมาฉันก็ตัดสินใจเลือกมันได้ ว่าฉันจะกลับบ้านของฉัน บ้านเกิด ถึงฉันอยากจะพาเค้าไปมัลดีฟส์ ไปเที่ยวทะเลกันมากกว่าก็ตาม เพราะถึงจะรู้มาว่า ทะเลที่นั่นสวยมาก ขนาดพวกดารายังชอบไป แถมที่พักก็ยังดูหรูหราและทันสมัยมากด้วย และแอนก็คงจะชอบมันเหมือนกัน แต่พอคิดไปคิดมา ฉันก็ต้องตัดข้อเลือกนี้ทิ้งอย่างเสียดาย ด้วยเหตุผลที่ค่อนข้างจะงี่เง่าของตัวเอง แค่ฉันไม่อยากให้ใครเห็นที่รักของฉันในชุดบิกินนี่เท่านั้น
ฉันยอมเป็นคนที่ถูกมองว่า ไร้สาระกับเหตุผลเท่านี้ แต่ก็นะ..ลองคิดดูว่า ฉันจะทนมันได้ยังไง หากมีใครมามองเค้าตาเป็นมัน เพราะชุดอย่างนั้นที่เค้าคงจะต้องใส่ให้เข้ากับสถานที่ และมาคิดให้ดีก็อาจจะเป็นแอนเองก็ได้ ที่จะมีปัญหา หากว่ามีใครๆมายุ่งกับเรามากเกินไปในที่แบบนั้น เพราะฉันก็ต้องใส่มันเหมือนกันล่ะ ชุดว่ายน้ำ มันเป็นเรื่องปกติของการไปทะเล แต่มันก็จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราจะไม่ต้องมีปัญหาหรือทะเลาะกันเพราะเรื่องที่เกิดจากคนอื่นแบบนี้ มันจะทำให้เวลาอันน้อยนิดที่เรามี สูญเปล่าไป
และที่มากกว่านั้น ฉันอยากให้แอนได้ไปเห็นในที่ที่ฉันเกิดและอยู่มาด้วย ฉันอยากให้เค้าได้เห็นและรู้จักบ้านของฉัน เหมือนกับที่ฉันได้รู้จักบ้านของเค้าที่นี่ ที่ที่เค้าเคยทำหน้าที่เป็นไกด์พาฉันเที่ยวเป็นประจำ ฉันอยากทำให้เค้าแบบนั้นบ้าง อยากรู้ว่าเค้าจะชอบมันบ้างมั้ยกับที่ที่ทำให้ฉันมาเป็นคนแบบนี้ ที่สำคัญ ฉันอยากให้คุณพ่อ คุณแม่ได้เห็นว่า แอนน่ารักยังไง และน่าไว้ใจมากขนาดไหน สำหรับการทำหน้าที่ดูแลฉัน ตามที่เค้าขอมันกับคุณพ่อ
ฉันรู้ว่า..มันเป็นความคิดที่ดูจะมากเกินไปสำหรับตัวฉันที่มีอายุเพียงเท่านี้ กับความรักครั้งแรก ที่ฉันคิดจะแต่งงานกับเค้า หยุดชีวิตการเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่นของฉันไว้แค่ที่ฉันมีแฟนคนแรกเท่านั้น นั่นมันเป็นเพราะฉันได้เลือกแล้วว่า เค้าจะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายของฉัน ฉันไม่คิดจะเผื่อใจตัวเองไว้ ไม่คิดจะมองใคร และไม่เคยคิดถึงเวลาที่อาจจะต้องผิดหวังกับความรักที่มีต่อเค้า เพราะฉันมั่นใจ มั่นใจว่าเค้ารักฉันมากพอ ฉันรู้..ฉันอาจจะคิดผิดก็ได้ ที่มั่นใจในตัวเค้ามากขนาดนี้ แต่ไม่รู้สิ แอนอาจจะมีเวทย์มนต์บางอย่างก็ได้นะ ที่ทำให้ฉันเชื่อเค้าหมดใจ เชื่อทุกคำที่เค้าพูด หรือฉันจะรักเค้ามาก มากจนมองไม่เห็นด้านไม่ดีของเค้าแล้ว
ความรักทำให้คนตาบอด.. ตัวฉัน..เข้าข่ายนี้รึเปล่านะ..
แล้วฉันกับแอนก็มาอยู่ที่นี่จนได้ ที่บ้านของฉันที่เมืองเกียวโต บ้านหลังใหญ่ที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เกิด มันเป็นบ้านเก่าแก่ของตระกูลคุณพ่อฉัน ท่านได้รับมรดกมาจากรุ่นคุณปู่ คุณย่า การตกแต่งของบ้านก็เลยดูคล้ายจะเป็นแบบญี่ปุ่นโบราณเสียส่วนมาก เพราะบ้านสร้างมานานแล้ว แต่เพราะได้รับการบูรณะอยู่ตลอดเวลา ทำให้บ้านยังดูใหม่อยู่เสมอ ถึงมันจะเป็นการออกแบบที่บอกได้ว่าจากยุคเก่าก็ตาม และนั่นก็ทำให้เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของชาวตะวันตกอย่างแฟนของฉัน แม้ว่าเค้าจะมีเชื้อญี่ปุ่นอยู่ครึ่งหนึ่งก็ตาม อันที่จริง ฉันก็เป็นลูกครึ่งเหมือนเค้า เพียงแต่คุณแม่ของฉันเป็นรัสเซีย ไม่ใช่อังกฤษ แต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่ามันน่าตื่นเต้นอะไรกับของแค่นี้ นั่นคงเพราะว่า แอนไม่ได้เกิดที่นี่เหมือนฉันด้วยล่ะมั้ง เค้าก็เลยดูว่ามันแปลกและสวย แต่กับฉัน มันเป็นของชินตา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนะว่า มันสวยจริงๆ สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณแบบนี้ รวมถึงวัฒนธรรมด้วย
การพาแอนมาบ้านครั้งนี้ ฉันได้บอกขออนุญาตคุณพ่อเอาไว้แล้ว ก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์ เพราะว่า..บ้านของฉันเป็นตระกูลเก่า จึงมักต้องมีพิธีรีตองมาก ฉันจะนึกพาใครมาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ คนสนใจในเรื่องของฉันเยอะพอสมควร เพราะความที่ฉันเป็นทายาทคนเดียวของ ฟูจิโนะคอร์ป ฉันจำเป็นต้องเดินตามกรอบที่คุณพ่อวางไว้ให้ แต่สำหรับงานนี้ คุณพ่อเปิดไฟเขียวให้ฉัน เพราะท่านก็พูดมันไปแล้วนี่นาว่า ท่านยกฉันให้แอนไปแล้ว ท่านไม่มีสิทธิ์คืนคำ ถึงแม้คนในวงสังคมที่นี่จะยังไม่รู้ แต่ฉันไม่แคร์ ฉันไม่สนใจ คนพวกนั้นจะเห็นฉันเป็นพวกวิปริตผิดเพศก็ได้ ฉันไม่ใส่ใจหรอก สำหรับฉัน แค่คุณพ่อคุณแม่โอเค.. ฉันก็โอเค.. แล้วอีกอย่างนะ การได้แฟนอย่าง แอน ลูเป็นแฟน ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร ไม่ใช่เรื่องที่ควรปกปิด มันเป็นเรื่องที่ต้องประกาศมากกว่า ว่าฉันกับเค้าเป็นแฟนกัน เพราะคนอย่างเค้ากับครอบครัวเค้า มีแต่จะทำให้ครอบครัวของฉันดูดีขึ้นเสียอีก นั่นแหละที่คุณพ่อฉันต้องการ ท่านบอกว่า มันดีกว่าการที่ฉันได้ผู้ชายนิสัยไม่ดี ตระกูลดีหรือแย่มาเป็นแฟน แบบนั้นมันน่าอับอายมากกว่า แล้วอีกอย่าง คุณพ่อฉัน ท่านก็ดูจะมั่นใจในตัวแอนไม่แพ้ฉันเลย ท่านมั่นใจว่า..แอนจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ..
Ara..พี่ผ่านฉลุยเลยนะแอน.. เก่งจริงๆ.. แต่..จะเก่งแบบนี้ได้สักแค่ไหนกันนะ..
ตลอดไปเลยได้มั้ย...
แอนดูสวยแปลกไปจากเดิม ในเวลาที่เค้าอยู่ในชุดแบบนี้ เค้าดูดีทีเดียว ถึงจะดูเคอะเขินไปบ้างก็ตาม แต่ก็ดูน่ารักดี เหมือนตุ๊กตาตัวโต แก้มแดงๆ คล้ายตุ๊กตาฝรั่งตาน้ำขาวที่โดนจับมาใส่ชุดแบบเอเชีย ใช่แล้วล่ะ..ฉันให้เค้าลองใส่กิโมโน ทำไมเหรอ ทำไมฉันทำกับเค้าแบบนั้น ก็นะ..มาถึงญี่ปุ่นทั้งที จะไม่ลองใส่ก็ดูกระไรอยู่นะ ถึงจะหาชุดให้เค้าใส่ได้ยากอยู่ก็เถอะ ความสูงของเค้าเป็นอุปสรรคมากเหมือนกันสำหรับกิโมโน ผู้หญิงญี่ปุ่นที่ไหนกันล่ะ จะสูงได้เท่าเค้า ขนาดฉันที่สูงน้อยกว่าเค้าเป็นสิบเซน. ก็ยังต้องตัดเหมือนกัน ไม่แปลกเลยที่ต้องตัดให้เค้าใหม่ ถึงจะได้ใส่มันไม่กี่ครั้งก็ตาม เค้าไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำนี่นา งานของเค้าก็คงไม่ได้ใช้มันอีกเหมือนกัน แต่เพราะฉันคิดว่า เราก็ยังเก็บมันไว้ได้อยู่ เก็บไว้เป็นที่ระลึก มันไม่เสียทีที่ได้ทำหรอกนะ ยูกะตะก็เหมือนกัน ฉันให้เค้าใส่ทั้งสองแบบเลย เพราะมันต่างกัน และแม้ว่า แอนจะดูสวยกับทั้งสองชุดที่ฉันให้เค้าใส่เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้แบบนี้ แต่ฉันก็ชอบที่เค้าใส่ยูกะตะมากกว่า คงเพราะว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนเรามีความต่างกันบ้างล่ะมั้ง ไม่ใช่มาแข่งกันสวยไปเสียหมดแบบนั้น หรือฉันอาจจะอิจฉาก็ได้ว่า แอนใส่กิโมโนแล้วสวยกว่าที่ฉันใส่ น่าตลกดีนะ กับความคิดแบบนี้ ก็เค้าสวยจริงๆนี่นา ไม่ได้แกล้งชมนะ ขนาดคุณพ่อยังแซวฉันเลย เจ้าเรโตะญาติสนิทของฉันเหมือนกัน นายนั่นดูจะชอบแฟนฉันเสียแล้ว บังอาจนัก..
แต่ฉันไม่กลัวหรอก.. แอนไม่ชอบผู้ชาย.. ฉันมั่นใจ.. เพราะอะไรเหรอ..
เพราะเค้าจูบฉันต่อหน้าเรโตะ.. แต่เค้ากล้ามากไปมั้ยนะ.. ฉันกลัวน้องหมั่นไส้จัง แต่ก็ช่างเถอะ.. เจ้าหนุ่มน้อยนั่นจะได้เลิกคิดจะตีท้ายครัวฉันซะที.. มากกว่านั้น..ผู้ชายคนอื่นที่มางานเลี้ยงที่บ้านฉันในคืนนั้น ก็จะได้รู้ตัวเหมือนกันว่า.. พวกเค้าหมดสิทธิ์แล้ว ที่จะคิดแย่งแฟนฉัน พวกสาวๆนั่นก็เหมือนกัน
ให้รู้ซะบ้างว่านี่ของใคร..
ใช่สิ..แอนเป็นของฉัน เหมือนกับที่ฉันเป็นของเค้า เค้ายืนยันเรื่องนี้กับฉันอยู่เป็นประจำ ด้วยวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลจริงจัง แค่เรากอดกันและส่งมอบความรักให้แก่กันและกัน ด้วยการประสานร่างกายของเราไว้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยเซ็กซ์..
เราสองคนไม่เคยเบื่อหน่ายที่จะทำเรื่องนี้ด้วยกัน แม้ตอนนี้เราจะอยู่ด้วยกันมานานจนเกือบจะสองปีแล้วก็ตาม สำหรับเรา เซ็กซ์มันมีความหมายมากพอๆกับการดูแลเอาใจใส่กันในเรื่องอื่น มันช่วยแสดงถึงความรักที่คงมั่นของเรา อาจดูคล้ายเราเป็นพวกหมกมุ่น หรือเสพติดเซ็กซ์ ซึ่งถ้าใครจะเรียกอย่างนั้น ฉันก็ไม่ว่า.. มันเป็นเรื่องจริงนี่.. ฉันชอบเซ็กซ์ ฉันติดมัน.. แต่ก็เฉพาะกับแอนเท่านั้น
แต่เวลานี้.. ฉันคงต้องจบเรื่องเล่าของฉันกับเค้าสำหรับวันนี้ไว้เท่านี้ก่อน ฉันต้องไปลงแช่น้ำกับเค้าที่ออนเซน แอนรอฉันอยู่ ให้เค้าคอยนานคงไม่ดี เดี๋ยวคนขี้น้อยใจจะแอบงอนฉันอีก แย่เลย.. แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะว่า..
เกิดอะไรขึ้นกับเราสองคนบ้างที่ออนเซน..
แต่ที่แน่ๆ.. ฉันจะต้องได้เจอนางฟ้าของฉันในชุดวันเกิดที่นั่น.. ฉันคงต้องรีบไป..
ก่อนที่ใครจะขโมยสุดที่รักของฉันไปก่อน.. ฉันไม่ยอมแน่..
รอหน่อยนะแอน..
To be continue…
1 ความคิดเห็น:
แหม.. เด็กสาวอายุ 16 นี่น้า.. ดูเหมือนเพิ่งผ่านการแต่งงานกับการเปลี่ยนคำนำหน้าและนามสกุลเลยอ่ะ.. อิอิ..
การเอาใจใส่ในรายละเอียดของคนที่รักและให้ความสำคัญกับสิ่งเล็กๆน้อยๆแบบนี้แหละ ที่จะทำให้เค้าเห็นว่าเราเองก็รักเค้าไม่แพ้ที่เค้ารักเหมือนกัน ชิจังน่ะ เป็นพวกที่ชอบแสดงออกความรู้สึกทางด้านความรักให้คนที่รักรู้อยู่เสมอนั่นแหละ ดูได้จากการที่เคร่งเครียดกับการหาสถานที่เที่ยวนี่ไง นั่นก็เพื่อเพียงว่า "อยากให้คนที่รักมีความสุขในสิ่งที่ฉันได้พิถีพิถันเลือกให้เค้า" ประมาณนั้น.. ช่างดูเป็นภรรยาที่แสนดีจังเลยน๊า.. อิอิ..
แต่ถ้ามีเรื่องให้โกรธล่ะก็.. คงจะต้องตายกันไปข้างนึงล่ะ.. โดยเฉพาะใครที่จะบังอาจมาแย่งของสำคัญ อาจจะเป็นการมองด้วยสายตา หรือพูดจาเกี้ยวพาราสีแอน.. คนนั้นมันก็คงได้นอนฝันร้ายไปเป็นปีๆแน่นอน.. ฟังแล้วจะมีใครขนลุกบ้างมั้ยเนี่ย.. ฮ่าๆๆๆ..
ดีแล้วล่ะที่ชิจังตัดสินใจพาแอนจังไปเที่ยวที่เกียวโต เพราะที่นั่นถึงจะเป็นที่สนใจต่อใครมากมาย แต่มันก็น้อยกว่าริมหาดที่มัลดีฟล่ะ.. แถมชุดที่ใส่ตอนอยู่เกียวโตก็ต่างจากที่มัลดีฟมากมาย.. ข้าพเจ้าเองก็ไม่อยากให้ใครมาเห็นทั้งชิจังและแอนจังไปใส่ชุดนุ่งน้อยห่มน้อยแบบนั้น.. ยิ่งถ้าเป็นบิกินีแล้ว มันคงจะปิดอะไรต่อมิอะไรไม่ค่อยมิดเท่าไหร่อ่ะนะ ฮ่าๆๆๆ..
เอาใจช่วยให้คู่นี้ผ่านมรสุมของเวลาให้กลายเป็นคู่รักทรหดนะ (ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะรู้ปลายทางแล้วก็เถอะ แต่ก็อดเชียร์สองคนนี้ไม่ได้ อิอิ) ปัจจุบันสองคนกำลังมีความสุขอยู่กับการได้อยู่เคียงข้างกัน แต่เมื่อแอนจังต้องจากไปทำงาน เวลาของการอยู่ด้วยกันมันก็จะลดลง ทั้งระยะทาง และเวลา มันอาจจะทำให้อะไรๆเปลี่ยนแปลงไปได้.. การรอคอยมันค่อนข้างเหนื่อย ยังไงก็ให้สองคนนี้รักกันเหนียวแน่นนะจ๊ะ.. ^^
ขอบคุณค่าไรเตอร์ น่ารักไม่เปลี่ยนเลยค่ะสองคนนี้น่ะ ชิจังเองก็ยังทะลึ่งไม่เปลี่ยนแปลง ยิ่งตอนท้ายเนี่ย จะไปทำอะไรในออนเซนเหรอคะ.. ฮ่าๆๆๆ.. อยากอ่านตอนหน้าไวๆ อิอิ.. ว่างๆก็อย่าลืมมาต่อนะคะ.. สู้ๆๆๆ
แสดงความคิดเห็น