หายไปนานพอสมควรกับการแปลเรื่องนี้ เพราะข้าพเจ้ามีอะไรมากมายที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนฟิกของตัวเองและการแปลโดจินหรือมังงะ แต่ก็ไม่ได้ลืมที่จะทำสิ่งนี้ต่อนะคะ ต้องขอโทษด้วยที่มาต่อเรื่องช้า สำหรับผู้ที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอด วันนี้มาแล้วค่ะ
ขอให้สนุกนะคะ
Human Again.
Rated: M
English - Horror/Romance
Alice & Claire R.
By : andella07/FanFiction.net
Translated to Thai : Anhy
Chapter 22 : Related
“มันอยู่รวมๆกันน่ะครับ ดอกนี้ใช้ปลดล็อกด้านบน..” แองเจิ้ลหยิบกุญแจสีเงินดอกหนึ่งขึ้นมาขณะอธิบายให้อลิซฟัง จากนั้นเขาก็หยิบอีกดอกขึ้น “และดอกนี้ สำหรับตรงกลางครับ..” ถัดมาเขาก็ชี้อีกดอกในวงเดียวกัน “และนี่เป็นอันที่สาม..”
“ขอบคุณค่ะแองเจิ้ล..” สาวเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลกล่าวอย่างโล่งใจขณะที่เธอและแคลร์เดินไปที่บันได ผู้รอดชีวิตที่เหลือเดินตามหลังมาด้วย การจัดการกับลูเทอร์ต่อหน้าพวกเขา ทำให้เธอกลายมาเป็นจุดสนใจ มันเป็นภาระที่เธอไม่ต้องการจะมี และหนึ่งในนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และไม่อาจลังเลใจ หากมันเกี่ยวกับการหาสิ่งที่ดีขึ้นในกับแคลร์
ดวงตาของนักโทษหนุ่มเหลือบขึ้นขณะที่เขามองเห็นอลิซเดินเข้ามาพร้อมกุญแจในมือ “เฮ้..อะไรกันเนี่ย.. ช่วยบอกหน่อยสิว่า คุณจัดการเขาซะไม่เป็นท่าเลยน่ะ..” เขาพูดกับสาวผมสีน้ำตาล เสียงดังก้องไปทั้งห้องขังเมื่อมันเงียบแบบนี้ ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรมากไปกว่าการได้เป็นอิสระ
อลิซนำลูกกุญแจใส่เข้าไปในจุดล็อกชั้นแรกและเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันทำแบบนั้นแหละ..”
คริสส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างพอใจ “ฉันอยากจะจ่ายเงินเยอะๆเพื่อดูมันเลย..”
สิ่งที่อ้างถึงเรื่องในอดีตทำให้อลิซรู้สึกหงุดหงิดใจแต่เธอก็ไม่พูดอะไรถึงมัน ยังคงปลดล็อกต่อไป “กับอารมณ์แบบนี้ของลูเทอร์ ตอนที่เขาตื่นขึ้นมา นายอาจจะได้เห็นมันซ้ำก็ได้นะ..”
ความเงียบเข้าปกคลุมสถานที่อีกครั้งขณะที่สาวร่างสูงปลดกุญแจอันสุดท้าย ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆก้าวถอยหลังออกจากระยะของห้องขังนั่นระหว่างที่เธอเปิดประตู และปล่อยให้คริสก้าวเดินออกมาอย่างผู้เป็นอิสระ เขาหันมองไปรอบๆตัวเพื่อสบตากับทุกคนในที่นั้น และอ่านปฏิกิริยาตอบสนองที่เกิดขึ้น
อลิซสามารถบอกได้ว่ามันเป็นยังไง.. เบนเนต คิมยองและเวนเดลหลีกห่างจากเขา แองเจิ้ลยืนตัวแข็งทื่อ คริสตัลยิ้มเหมือนเด็กไฮสกูล และคนสุดท้ายก็มองเหมือนไม่สนใจอะไร
“แคลร์..?”
สำหรับอลิซแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คริสจะรู้จักชื่อของแฟนสาวของเธอ คริสตัลหรือใครบางคนอาจจะบอกเขาก็ได้ แต่น้ำเสียงที่เขาใช้เรียกชื่อแคลร์ มันทำให้เธอตกใจ
สาวผมแดงพูดเสียงสั่นกลับมา “อะไรนะ..”
เขาก้าวเดินอย่างรีบร้อนมาใกล้หล่อนและพูดว่า “แคลร์.. ฉันเอง..” เมื่อเขาได้มาประจันหน้ากับเธอแล้ว ก็ยกมือขึ้นมาเพื่อสัมผัสใบหน้าของแคลร์ “คริสไงล่ะ..”
แต่จากการสัมผัสนั่น สาวผมแดงคว้ามือเขาไว้ บิดแขนเขาไปด้านหลังตัวเขาเองและล็อกมันไว้แบบนั้น หล่อนกดแรงลงกับข้อมือของเขาและคำรามใส่หู “ฉันไม่รู้จักนาย..”
คริสตกอยู่เป็นเบี้ยล่างในทันที ในท่านี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากพยายามเหลียวหน้าข้ามไหล่มา “แคลร์.. ฉันเป็นพี่ชายเธอไง.. จำได้รึเปล่า..”
อลิซไม่มีทางจะรู้เลยว่า สิ่งที่เขาพูดออกมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หรือมันจะเป็นแค่ข้ออ้างหนึ่งที่เขาอาจจะใช้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับเธอกันแน่..” เขาถามสาวผมแดงอย่างไม่เข้าใจ และอลิซจึงคิดว่าเธอควรจะก้าวเข้ามา
เธอเข้ามาด้านหลังทั้งสองคนนั่นและวางมือข้างที่ว่างลงบนแผ่นหลังของแคลร์ สาวผมแดงขยับเข้าหาสัมผัสของเธอเล็กน้อยและมองมาทางอลิซระหว่างที่เธอพูดขึ้น “ไม่เป็นไร.. ปล่อยเขาไป..” แคลร์ไม่ลังเลใจที่จะปล่อยคริสและผลักเขาไปห่างๆ
สาวผมน้ำตาลหันความสนใจมาหาคริสที่กำลังหมุนไหล่ตัวเองเพื่อทดสอบว่ามันใช้ได้ และชี้แจง “แคลร์ไม่สบายใจจากที่เรื่องที่เค้าสูญเสียความทรงจำน่ะ ถ้านายเป็นพี่ชายเค้าจริงๆล่ะก็----”
อลิซพูดเหมือนจะเตือนไปในตัว จากนั้นก็หันไปหาแคลร์เพื่อจบประโยคของตัวเอง “มันจะกลับมา..”
สาวผมสีน้ำตาลไม่ได้ไม่สนใจกับสิ่งที่รู้ใหม่นี้ แต่เธอต้องขอใช้เหตุผลในการนำชายคนนี้ออกมาเสียก่อน “โอเค..ตอนนี้ขอฟังหน่อยสิว่า.. ทางออกจากที่นี่ของนายคืออะไร..”
“มันคือทางออกประตูด้านทิศใต้ เดินไปดูกันดีกว่านะ..” เขาโต้ตอบกลับมา กลุ่มผู้รอดชีวิตคนอื่นๆหลีกทางให้เขาเดินอย่างมาดมั่นไปทางประตู
สังเกตได้ว่า เขาไม่ได้ตอบฉันตรงคำถาม อลิซคิดในใจระหว่างเดินตามเขาออกไปพร้อมแคลร์และคนอื่นๆที่เดินตามหลัง เธอไม่แน่ใจนักว่า เธอชอบกับอะไรที่คริสรู้เป็นอย่างดีนั้นว่าจะไปที่ไหน เพราะมันทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่า บางทีเขาอาจจะเป็นนักโทษจริงๆ
พวก เธอทั้งหมดก้าวเข้าไปสู่แสงตะวันยามบ่ายและพบว่าพวกตนอยู่ในลานกว้างด้านนอก ของคุกที่มีรั้วขนาดใหญ่กั้นไว้ไม่ให้กลุ่มของพวกผีดิบทั้งหลายซึ่งกำลังยืนออกันอยู่มากมายผ่านเข้ามาได้
อลิซมองรั้วนั้นอย่าง พิจารณาระหว่างที่คริสเดินไปที่ประตูโรงรถและพิงแผ่นหลังของเขากับมันพร้อม กับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนเริ่มต้นประกาศขึ้น
“ด้านหลังประตูหมายเลขหนึ่ง มีรถ UPV อยู่ เป็นรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก คุกนี้เก็บมันไว้ในเวลาจำเป็น สิบหกล้อ จานเหล็ก ปืนยิงใต้น้ำ ยี่สิบที่นั่ง ข้อมูลพื้นฐานทั่วไป และความสนุกอีกเพียบ..”
คริสเดินไปยังรั้วเหล็กที่มีพวกผีดิบเกาะตะกุยตะกายอยู่ และพวกมันก็ยิงเข้ามาหนาตาขึ้น แต่เขากลับพูดขึ้นมาอย่างไม่มีความกลัว “ขับไปลุยทับพวกมัน..”
แองเจิ้ลเดินยังประตูโรงรถและพูดขึ้น “มันล็อกนี่ครับ..”
อลิซยกพวงกุญแจขึ้นและเลิกคิ้วเป็นสัญญาณ แต่แองเจิ้ลกลับส่ายหน้า “เอ่อ..เราคงต้องตัดมันออก..” เขาตอบโต้ “รอเดี๋ยวนะครับ แล้วผมจะกลับมา..” ทหารหนุ่มเดินออกไปและอลิซก็เดาได้ว่า เขาคงจะไปหาเครื่องมือมาตัดเหล็ก นั่นคือกุญแจลูกยักษ์นี้
ไม่กี่นาทีผ่านไป ลูเทอร์เดินอย่างล่องลอยเข้ามาที่ลานกว้างตามอย่างคนอื่นๆ อลิซเกร็งขึ้นเพื่อเตรียมแต่เขาไม่ได้มาหาเธอ ไม่มองเลยแม้แต่น้อย แต่มองไปหาคริส
“เฮ้..ลูเทอร์..” อลิซเอ่ยเรียกเขา
ชายผิวสีหันมาหาเธอและเธอจึงได้เห็นรอยแดงเล็กๆจากหางตาของเขา อลิซพยายามอย่างมากที่จะไม่ยิ้มอย่างพอใจกับสิ่งนั้นและโยนกุญแจคืนให้เขาไป เพราะแน่ใจว่า เธอไม่ต้องใช้มันอีกแล้ว แต่ก็รู้ว่าเธอจะได้มันกลับมายังไงอีก ถ้าเธอต้องการมันอีกครั้ง เขารับมันด้วยทักษะที่มีแต่จำเป็นต้องโซเซไปในทิศทางที่แองเจิ้ลเดินกลับมา
ทหารหนุ่มเข็นถังออกซิเจนสีเขียวมะกอกมาด้วยรถเข็นสองล้อ เขาจัดตั้งมันอย่างไม่มีปัญหาอะไร และในเวลาไม่กี่นาทีก็สามารถเริ่มต้นตัดลูกแม่กุญแจที่ล็อกประตูนั้นออก
อลิซสงสัยว่าแคลร์กำลังคิดถึงพวกผีดิบที่นับจำนวนไม่ได้ด้านนอกนั้นหรือไม่ ภาพของถุงมือหนังของแองเจิ้ลนั้นทำให้เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงอะไรบางอย่าง แต่สาวผมแดงไม่ได้แสดงสัญญาณอะไรที่บอกว่าคิดถึงมันเหมือนที่เธอเป็น หล่อนกำลังตั้งใจมั่นที่จะสนใจกับคนที่คิดว่าเป็นหนึ่งในครอบครัวเดียวกัน
อดีตโปรเจ็คพิจารณาพวกเขาทั้งสองคน และเริ่มต้นนับความคล้ายของพวกเขา ท่วงท่าในการเดินหรือเคลื่อนไหว ดวงตาสีเขียวเหมือนกัน การคิดในเรื่องของลูเทอร์เหมือนๆกัน คงไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่า พวกเขาทั้งสองเกี่ยวข้องกันแต่เธอไม่รู้ว่า เกี่ยวกันอย่างไร
แองเจิ้ลปิดวาร์ลถังออกซิเจน ดับแสงไฟจากเครื่องอ๊อก และยกหน้ากากบังไฟขึ้นขณะที่คริสเดินผ่านหน้าเขาเพื่อเข้าไปเปิดประตู ชายผู้เป็นอิสระแล้วดึงมือจับและเผยให้เห็นยานพาหนะสีดำอยู่ด้านในโรงรถ มันเป็นเหมือนที่เขาสาธยายบอกมาเมื่อครู่ ล้อมากมาย ลักษณะภายนอกดูแข็งแกร่ง มีปืนใหญ่อยู่ด้านบน สิ่งที่เห็นจริงกับสายตา เป็นอะไรที่งดงามกว่าคำอธิบาย มันเป็นความรู้สึกก่อนที่อลิซจะได้เห็นเครื่องยนต์แขวนห้อยลงมาจากเพดานด้วยโซ่
หรือจะแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่ทำให้เรื่องมันจบแบบนี้กันนะ อลิซถามตัวเอง จากนั้นเธอก็หันหน้าไปหาแองเจิ้ล “คุณจะซ่อมมันได้มั้ย..”
“ผมทำได้นะ แต่มันคงจะใช้เวลาเป็นอาทิตย์..” เขาพูดตอบอย่างหมดหวัง
“ฉันช่วยนายได้..” คริสเสนอออกมา อย่างที่ทำให้อลิซรู้สึกประหลาดใจ “เราจะทำมันเสร็จภายในสองวัน..”
นี่จึงทำให้เกิดเสียงถอนหายใจออกมาจากผู้รอดชีวิตที่เหลือขณะที่พวกเขาค่อยๆสลายตัวกันไป เบนเนตและคิมยองจากไปก่อนคนอื่นๆ ตามด้วยลูเทอร์ เวนเดลเดินตามหลัง ขณะที่ดาราสาวก้าวมาหาอลิซกับแคลร์
“เอ่อ.. มันน่าผิดหวังนะคะ..” คริสตัลพูดกับอลิซ
เธอพยักหน้ารับ แม้ว่าเธอจะรู้ดีว่า พวกเธอได้ในสิ่งที่ดีขึ้นจากที่เคยมาก่อนแล้วก็ตาม
“โอ้..” คริสตัลเอ่ยต่อ “ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณจะว่ายังไงนะคะ แต่มันมีน้ำให้ใช้อยู่ที่ห้องอาบน้ำ และพวกคุณก็จะใช้มันเมื่อไหร่ก็ได้..”
อลิซรู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันที “จริงเหรอเนี่ย..”
“น้ำมันเย็นนะคะ..” นักแสดงสาวตอบ “แต่ใช่ค่ะ มันมีอยู่จริง.. เอ่อ..ฉันคงต้องไปทำอาหารกลางวันแล้วล่ะค่ะ..” เพียงเท่านั้นคริสตัลก็ตามหลังเวนเดลออกไป ปล่อยให้อลิซกับแคลร์อยู่ตามลำพังขณะที่สองหนุ่มช่วยกันจัดเตรียมของสำหรับจัดการกับเครื่องยนต์
ลืมไปก่อนเลยว่า พวกเธออยู่ท่ามกลางพวกผีดิบมากมาย และถูกขังอยู่ในตึกคอนกรีตพร้อมกับหนึ่งศัตรูแปลกหน้าและอารมณ์ไม่ดี ผิดหวังตามปกติที่กลายเป็นหนึ่งในผู้คนจำนวนน้อยที่เหลืออยู่
-อลิซจินตนาการไปว่าการได้ทำความสะอาดตัวเอง แค่เพียงการอาบน้ำก็น่าจะพอทำได้
“ของแบบนั้นก็น่าสนใจนะ..” อลิซเริ่มต้นพูด แต่แคลร์ยังอยู่ในท่าของความเป็นกังวลข้างๆเธอ และพูดขึ้นมา
“อลิซ.. เอ่อ.. เราคุยกันหน่อยได้มั้ย..”
นั่นมันไม่เคยจะเป็นสัญญาณที่ดีเลย....
To be continue…
2 ความคิดเห็น:
อา.. คิดถึงเรื่องนี้ แล้วก็คิดถึงสาวๆที่อยู่ในเรื่องนี้ด้วยล่ะ ทั้งอลิซและแคลร์.. อิอิ..
ตอนนี้ต้องหาทางหนีออกไปจากเกาะกลางซอมบี้นี่ให้ได้ก่อนสินะ ก่อนที่อาหารจะหมด.. แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือ ต้องพาทุกคนไปยังอคาร์เดียให้ได้ ที่่นั่นเป็นความหวังสุดท้ายของทุกคนที่นี่..
แต่ข้าพเจ้าก็ยังสะใจที่ลูเทอร์โดนอลิซล้มนะเนี่ย เพราะมันกร่างไม่ออกอีกต่อไป ผู้ชายเก่งแต่ปากมันต้องโดนแบบนี้แหละ.. ฮ่าๆๆๆ.. สะใจ..
โอ่.. แคลร์เจอพี่ชายแล้วล่ะ แต่ต้องขอโทษคริสด้วยล่ะนะ ที่แคลร์จำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย คริสก็เลยเจอท่าบิดข้อมือมหากาฬไปโดยปริยาย.. แต่จริงๆข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลยนะ ว่าคริสคือพี่ชายแท้ๆของแคลร์ แต่มานั่งคิดดูแล้ว จะมาโกหกหาพระแสงอะไรกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แถมยังอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดแบบนี้.. ฮ่าๆๆๆ..
ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง แถมแคลร์ยังจะมาพูดอะไรกับอลิซเป็นการส่วนตัวด้วยสิ.. ตื่นเต้น อยากรู้.. อิอิ.. งั้นต้องรอดูตอนต่อไป.. ^^
ขอบคุณมากๆเลยค่าไรเตอร์.. คุ้มค่ากับการรอคอยมากเลย.. แปลสนุกดีจริงๆ.. เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ.. ^^
ลูเทอร์หงอยเลยแฮะ
แสดงความคิดเห็น