เป็นเวลานานที่ข้าพเจ้าเบี้ยวงานไม่ยอมแปลฟิกนี้ต่อ แต่ส่วนหนึ่งนอกจากความขี้เกียจส่วนตัว ก็เพราะว่า ไม่มีใครรออ่านมัน เห็นได้จากเม้นท์ที่มีเพียงเม้นท์เดียว งานก็เลยมาล่าช้าแบบนี้แหละค่ะ ฮ่าๆๆ แต่สำหรับคนที่ติดตามกันมาตลอด ก็ขออภัยด้วยนะคะ วันนี้มาแล้วค่ะ อ่านให้สนุกนะคะ^^
Human Again.
Rated: M
English - Horror/Romance
Alice & Claire R.
By : andella07/FanFiction.net
Translated to Thai : Anhy
Chapter 24: Human Again.
อลิซไม่ต้องการจะคิดถึงมันอีกต่อไป ไม่ต้องการจะจดจำโศกนาฎกรรมที่เธอทำไว้กับอีกคน แต่วงล้อของความทรงจำกลับหมุนวนอยู่ในสมองของแคลร์และเธอก็สามารถระลึกได้ถึงการตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของอลิซที่โรงแรมนั่น
“ฉันว่า..เราควรลุกขึ้นได้แล้วล่ะ ฉันได้ยินเสียงคนเดินไปมาข้างนอก..” อลิซพยายามให้เหตุผล
แต่เจ้าของผมสีแดงกลับหยอกกลับมา “ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเลยนี่.. เรายังมีเวลานะ..”
อลิซถอนหายใจและพยายามจะหาคำอื่นจะพูด “ไม่ได้.. เราไม่มีเวลาแล้ว..”
สาวอายุน้อยกว่าอดทนรอฟังคำอธิบายและเธอก็ได้ยินมัน..
“แคลร์..” อลิซกัดริมฝีปากตัวเองอย่างคนประสาทเสียขณะพยายามพูดใหม่ “พอเราไปถึงเวกัสแล้ว.. ฉันก็จะไปแล้วนะ..”
แคลร์ช็อกทันทีกับคำพูดนี้ของอลิซ เธอพยายามที่จะปฏิเสธว่าเขาพูดอะไร และพยายามต่อสู้กับความจริงนั้น “ใช่สิ.. เราทั้งหมดจะไปจากเวกัส.. ไปอลาสก้า..”
อลิซจึงต้องพยายามอีกครั้ง เพื่อให้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้นกับคำพูดของเธอ ด้วยหวังให้แคลร์เข้าใจมัน “ฉันจะไม่ไปอลาสก้ากับกองคาราวาน..” แต่ที่แคลร์ได้ยินมันคือประโยคว่า “ฉันจะไม่ไปอลาสก้ากับเธอ..”
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลพยายามลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อเว้นช่องว่างระหว่างเธอกับอีกคน แต่สาวผมแดงก็ดึงเธอกลับลงมา อลิซสามารถจะผลักแคลร์ออกไปได้แต่เธอก็ไม่ทำ เพราะเธอสมควรที่จะอยู่แบบนี้
“ถ้างั้น..ฉันก็ไม่ไปเหมือนกัน ฉันจะอยู่กับเธอ..” ผู้มีอายุน้อยกว่าแย้งขึ้นอย่างดื้อรั้น
ความจริงแล้ว หากว่าแคลร์จะทิ้งเพื่อนๆและโอกาสที่จะได้อยู่อย่างปลอดภัยไว้เบื้องหลัง เพื่อจะตามเธอไป มันก็ทำให้หัวใจของอลิซเต้นได้อย่างมีความสุข แต่นี่มันเป็นความหวานที่ขื่นขม หากจะคิดดูให้ดี “ไม่ได้.. ฉันปล่อยให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอก.. ฉันไม่ปลอดภัยกับเธอ และ---” แคลร์ส่งเสียงขัดขึ้นก่อนที่เธอจะพูดได้จนจบ เสียงของหล่อนจริงจัง
“ฉันไม่สน.. อลิซ..ฉันรักเธอ..” แคลร์รู้ดีว่านี่มันออกจะเร็วไปหน่อยที่พูดคำนี้ออกมา แต่เธอก็รู้เหมือนกันว่า นี่ไม่ใช่การพูดแค่ว่าจะหยุดยั้งอลิซไม่ให้ไป เพราะมันคือความจริง ไม่ว่าอีกคนจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ก็ตาม
อลิซไม่ยอมอนุญาตให้ตัวเองแสดงทีท่าอะไรตอบกลับให้อีกคน ถึงความรู้สึกจริงๆในใจของเธอ แม้จะรู้ดีว่าเธอเองก็คิดเหมือนกันกับแคลร์แต่นั่นก็เป็นอะไรที่ไม่ปลอดภัยอยู่ดี เธอคิดถึงความทรมานทางร่างกายกับสิ่งที่เธอทำลงไป แคลร์..ยกโทษให้ฉันด้วย.. ถ้าเธอทำแบบนี้ มันจะช่วยทำให้สิ่งที่เธอพูดน่าเชื่อถือขึ้น เธอจะหยุดไม่ได้ เธอไม่มีสิทธิจะแสดงความรู้สึกอะไร..
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลพูดขึ้นใหม่ด้วยท่าทางจริงจังและยืนยันหนักแน่น “เธอต้องอยู่.. กองคาราวานต้องการเธอ แต่ฉันไม่.!”
มันเป็นสิ่งที่เธอทำลงไป อลิซสามารถเห็นได้ว่าหัวใจของแคลร์มีเลือดไหลซึมออกมาขณะที่ดวงตาของหล่อนเอ่อท้นไปด้วยน้ำตา
“เธอไม่น่าจะทิ้งพวกเราไป.!” แคลร์พูดโพล่งออกมาก่อนที่เธอจะถอยหลังออกจากอีกคน แต่ความโกรธของเธอก็หายไปอย่างรวดเร็วและมีอารมณ์เปลี่ยนไป “ฉันดูแลพวกเค้าไม่ได้ ตั้งแต่เธอไม่อยู่..” น้ำตาเธอไหลออกมาจนสามารถล้างฝุ่นผงบนใบหน้าของเธอได้ เหลือทิ้งไว้เพียงผิวสะอาดเป็นทางตามสายของน้ำตานั่น “ฉันเคยเข้มแข็งและควบคุมตัวเองได้เสมอ แต่หลังจากที่เธอไป... ฉันก็เกิดทำอะไรไม่ได้ขึ้นมา.. ฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป..”
สาวผมแดงหยุดพักเพื่อสูดลมหายใจเข้าปอดขณะที่อลิซยืนอยู่ด้วยความตกตะลึงเหมือนกวางที่ถูกส่องด้วยสปอร์ตไลท์
“เราใช้เวลาหลายเดือน.. กว่าจะไปถึงอลาสก้าได้.. แต่พอเราไปถึง.. ที่นั่นก็ไม่มีใครสักคน.. มีแค่เครื่องบินพวกนั้น.. เราพักอยู่ใกล้เฮลิคอปเตอร์ในคืนแรก แต่ฉันกลับสั่งอะไรไม่ได้เลย ฉันหาที่พักที่ดีกว่านั้นไม่ได้ ไม่ได้เช็คความปลอดภัยของที่พักอะไรทั้งนั้น..!” ความโกรธของแคลร์กลับมา แต่เธอยังพูดไม่จบ “ฉันทำตัวเหมือน เจ้าพวกนั้น.. ไม่มีสติ ไม่สนใจอะไร ไม่มีสมอง.. ตลอดเวลานั้น..”
กับประโยคนี้อลิซรู้ดีว่าแคลร์พูดถึงอะไร ตัวเธอเองก็เป็นอยู่ไม่ต่างกัน
“ฉันพาพวกเค้าทุกคนไปเสี่ยง เพราะ... ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ..” คำสารภาพนี้ถูกกระซิบเข้ามาในหูของอลิซ
“ฉันขอโทษ..”
“เดี๋ยว-.. มันยังมีอีก..” แคลร์ขยับมือขึ้นมาบีบขมับของเธอขณะที่เธอพยายามเรียกความทรงจำกลับคืนมา
“เคมาร์ทเป็นคนเห็นเรือนั่นก่อนคนอื่น.. อาร์คาเดีย.. เค้าทำสัญญาณไฟกับคนอื่นๆ และมันก็ไม่นานที่พวกคนบนเรือมาหาเรา ตอนที่พวกเขามาถึงชายหาด ก็เป็นเคมาร์ทอีกที่เห็นโลโก้ของอัมเบรลล่าปักอยู่บนเสื้อผ้าของพวกนั้น และฉันก็จำมันได้เหมือนกันแต่ไม่ได้สนใจ ฉันมองดูคนอื่นวิ่ง เคมาร์ทก็กำลังจะไปเหมือนกัน แต่เค้าก็กลับมาหาฉัน นั่นแหละมันเป็นตอนที่พวกนั้นจับเราทั้งคู่ได้และเอาแมลงมาใส่ เคมาร์ทผลักพวกนั้นออกไปและดึงฉันให้วิ่งตาม เราวิ่งเข้าไปในป่าเพื่อซ่อนตัว มีการปะทะกันที่ชายหาด.. เค้ามองมาที่ฉัน มองมาหาฉัน.. ฉันทำอะไรไม่ได้.. เค้าบอกฉันว่า เค้าจะไปช่วยคนอื่นๆแต่ฉันก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะหยุดเค้าไว้..” แคลร์กำมือที่มีผ้าพันแผลของตัวเองแน่น อย่างรู้ดีว่าถ้าไม่มีวัสดุนุ่มๆระหว่างเล็บของเธอกับฝ่ามือ มันจะต้องเกิดแผลขึ้นแน่ๆ “เค้าวิ่งกลับไปที่ชาดหาด ฉันได้ยินเสียงร้องตะโกน ได้ยินเสียงร้องกรี๊ด และ..ทั้งหมดนั้นก็คือสิ่งที่ฉันจำได้ จนกระทั่ง ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับสองมือที่ถูกมัดไว้กับเครื่องบิน..”
สาวผมแดงหยุดเล่าเรื่องและเดินถอยหลังไปอีกก้าว แคลร์เกรงว่าอารมณ์และความรู้สึกทางร่างกายของเธอที่ถูกปลดปล่อยออกมาจะทำอะไรบางอย่างที่น่ากลัว และเธอรู้ว่าอีกคนคงไม่หยุดเธอแน่ๆ
อลิซหวาดหวั่นและกลัวว่าแคลร์จะเดินจากไปเพราะความทรงจำของความโกรธที่เพิ่งระลึกได้ เหมือนที่หล่อนเคยทำมาก่อน “ฉันได้เจอเธอ เพื่อที่จะเสียเธอไปอีกครั้ง.. มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย..”
ถ้อยคำของอีกคนเต็มไปด้วยความรู้สึกปวดร้าวและเสียใจ และมันก็ไม่เคยมีอะไรที่ชัดเจนไปมากกว่านี้สำหรับแคลร์ที่พวกเธอทั้งสองอาจจะตายในวันพรุ่งนี้ก็ได้ เธอไม่ควรปล่อยให้ความโกรธครอบงำตัวเอง ไม่ควรให้อลิซขังตัวเองอยู่กับความผิดในอดีตที่ทอดทิ้งเธอ
สาวผมแดงสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจและปล่อยให้ความรู้สึกขึงโกรธเหล่านั้นมันหลุดไป ความตึงเครียดทั้งหลายหายไปจากกล้ามเนื้อของเธอ ลบล้างความทรงจำไม่ดีเหล่านั้นเหลือทิ้งไว้เพียงความโศกเศร้าที่อ่อนโยน แคลร์เดินกลับมาหาอลิซและยกสองแขนขึ้นคล้องคอเขา และจำได้ทันทีถึงแผลเป็นของอลิซ จึงถามขึ้น “ฉันไม่เข้าใจ.. ทำไมหลังเธอถึงได้..?”
อลิซรู้สึกโล่งใจมากที่แคลร์ไม่ได้ทิ้งเธอไป เพราะมันไม่ได้หากันได้ง่ายๆกับเหตุการณ์นี้ รวมถึงที่หล่อนถามอะไรแบบนี้ด้วย
“ฉันคิดว่าเธอจะไม่เจ็บซะอีก..” แคลร์ถามอีกครั้งด้วยความสงสัย
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลกลับมาสู่การเกิดแก่เจ็บตาย มาสู่ความเป็นมนุษย์จริงๆ ทอดทิ้งความประหลาดในตัวเองไป หลายปีที่เธออยู่กับมัน ทำให้เธอไม่ชินกับการที่ขาดมันไป เป็นเวลาหลายเดือนที่เธอจะคุ้นเคยกับการเป็นมนุษย์อีกครั้ง เหมือนกับเวลาที่เธอเดินทางไปอลาสก้า มันไม่ใช่แค่ความสามารถใหม่ของเธอเท่านั้น แต่มันมีความหมายถึงทางด้านจิตใจด้วย มันน่ากลัวในตอนเริ่มต้นสำหรับอลิซที่เธอไม่สามารถเชื่อมโยงกับร่างกายของตัวเองได้ ทุกการเคลื่อนไหวต้องคู่ไปกับการระมัดระวัง การขาดพลังพิเศษเป็นอะไรที่แปลกใหม่และไม่เป็นที่ต้องการ แต่เธอก็พบว่า ถึงจะขาดมันไป สิ่งอื่นๆที่สำคัญก็ได้หวนกลับมา ตามมาด้วยความต้องการอย่างเห็นแก่ตัวของเธอ
“ฉันเป็นมนุษย์อีกครั้งแล้ว..” อลิซเน้นน้ำหนักลงกับคำนี้ของเธอ พยายามที่จะให้ความหมายของมันให้มากกว่านี้ เหตุผลที่เธอไม่สามารถอยู่กับแคลร์ได้ในครั้งนั้น และเธอก็ภาวนาให้สาวผมแดงมองเห็นมันด้วย
“อลิซ..” แคลร์โต้ตอบ “ฉันไม่เคยสนใจหรอก.. และไม่สนใจมันเลยตอนนี้..” และด้วยประโยคนี้ สาวอายุน้อยกว่าก็ทิ้งความสงสัยทั้งหมดในตัวอลิซไป และแทนที่มันด้วยความมั่นใจ
“ฉันรักเธอ..” อลิซสารภาพ
แคลร์ไล้มือทั้งสองข้างไปตามลำคอด้านหลังของคนตัวสูงกว่า ระหว่างที่อีกคนนำนิ้วมือของเขาเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของเธอเพื่อดึงตัวเธอให้เข้าใกล้ๆ ริมฝีปากของพวกเธอคล้ายดังแม่เหล็กที่ดูดเข้าหากัน ความอบอุ่นของกันและกันสื่อถึงกัน และนั่นก็ทำให้แคลร์คิดได้ว่า เธอสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ เพื่อจูบอลิซ..
“ฉันก็รักเธอ..”
To be Continued.
2 ความคิดเห็น:
โอ้.. ไม่ได้อ่านนานเลยอ่ะสำหรับฟิกเรื่องนี้.. ยินดีที่ได้อ่านมนอีกครั้ง อิอิ..
ว่าแต่.. อลิซยังเอาแต่ใจตลอดเลยเนาะ แสดงว่ารักใครไม่ค่อยเป็นสิท่า ฮ่าๆๆๆ ถ้ารักแคลร์นะ เธอก็ต้องพร้อมที่จะดูแลเค้า ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง เธอต้องไม่ยอมให้แคลร์ออกห่างจากกายไปไหน.. เพราะที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด เธอจะมั่นใจได้ยังไงว่าไม่มีเธออยู่กับแคลร์แล้ว แคลร์จะไม่เป็นอันตรายน่ะ.. เหอๆๆ..
แล้วอีกอย่าง คนที่เคยอยู่คนเดียว เมื่อมามีความรัก หนึ่งกลายเป็นสอง แล้วถ้าเธอกับแคลร์สองคนแยกจากกันไป สองมันก็จะกลายเป็นศูนย์ทันที.. เพราะฉะนั้นทำตามที่หัวใจต้องการ อยากอยู่กับแคลร์ก็อยู่ อยาได้เอาข้ออ้างต่างๆนานามาพูดเพื่อจะไป..
คนรักกันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ.. เนาะ.. อิอิ..
ขอบคุณนะคะ.. ที่แปลมาให้อ่าน.. คิดถึงสองคนนี้จับใจเลยค่ะ.. อิอิ.. ^^
มาลงชื่ออ่านค่ะ
อลิซนี่น้า เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
แสดงความคิดเห็น