กว่าจะได้มาลงเรื่องนี้อีกครั้ง ก็เล่นเอาคนอ่านลืมตอนเก่าๆไปเสียหมด ขอโทษนะคะ พอดีว่า..งานเยอะน่ะค่ะ แต่ตอนนี้ก็มาแล้วนะ ถึงจะสั้นไปหน่อยก็ตาม
ขอบคุณที่มาอ่านกันค่ะ
Human Again.
Rated: M
English - Horror/Romance
Alice & Claire R.
By : andella07/FanFiction.net
Translated to Thai : Anhy
Chapter 23: Then It Was You
“อลิซ.. เราคุยกันหน่อยได้มั้ย..” แคลร์ถามขึ้นมา
หรือว่า..พวกมันจะไม่น่าสนใจเลยกันแน่นะ.. อลิซคิดขึ้นมา แต่ก็ตัดสินใจโต้ตอบสาวอายุน้อยกว่าอย่างรวดเร็ว “ได้สิ.. เรากลับไปที่ห้องกันมั้ย.. คุยกันที่นั่นก็ได้..”
เมื่อกลับมาถึงห้อง สาวร่างสูงกว่าก็นั่งบนเตียงและทำท่าทางชวนแคลร์ให้มานั่งด้วยกัน แต่หล่อนกลับยืนอยู่อย่างนั้นต่อไป
“อลิซ.. เกี่ยวกับคริสน่ะ... เอ่อ..ฉันจำเค้าได้.. เค้าเป็นคนหนึ่งที่..จับมือฉันในงานศพของพ่อแม่เรา..” พูดออกมาครั้งนี้ แคลร์เริ่มออกเดินไปทางความยาวของห้อง “ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอเค้า มันเป็นก่อนหน้าที่จะมีโรคระบาด ฉันออกตามหาเค้า รู้มาว่าเค้าอยู่ที่แอลเอ แต่ก็ไม่เจอเค้าที่นั่น ผ่านไปหลายเดือน ฉันจึงออกไปตามทางของฉันและไม่สนใจใคร แต่ต่อมาวันหนึ่ง ฉันเข้าไปหาเสบียงในร้านสะดวกซื้อที่เท็กซัส ที่นั่นแหละที่ฉันเจอกับเคมาร์ท..” แคลร์ยิ้มให้กับความทรงจำนี้ แต่ก็ยังคงหลีกเลี่ยงการสบตากับอลิซ “เคมาร์ทอยู่ตามลำพังและยังเด็กมาก.. ฉันทิ้งเค้าไว้คนเดียวไม่ได้ หรือไม่ ฉันก็ยังเหนื่อยที่จะอยู่คนเดียว ในบางครั้ง..มันก็ยากนะที่จะแค่อยู่เพื่อตัวเองน่ะ หลังจากนั้นมา..ก็คล้ายกับว่า ทุกๆที่ที่เราไป เราก็ได้คนใหม่ๆมาเรื่อยๆ..”
คิ้วเรียวของแคลร์ขมวดเข้าหากันระหว่างที่กำลังคิดเรื่องต่อไปและหยุดเดินไปมา “และต่อมา..ก็เป็นคาลอสและแอลเจ ไมกี้..และคนอื่นๆ..”
อลิซสามารถรู้ได้เลยว่า ต่อไปแคลร์จะพูดอะไร และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำเฉยไว้ก่อน และลุกขึ้นยืน..
“จากนั้นก็เป็น..เธอ..” แคลร์พูดขึ้นเหมือนกำลังประหลาดใจ แต่จากนั้นก็ยิ้มออกมาและตะโกน
“ฉันจำเธอได้..” สาวผมแดงพุ่งเข้าหาอลิซและสวมกอด ซึ่งก็ไม่ผิดหวังที่ได้รับการกอดตอบกลับมา
แคลร์สังเกตว่า อลิซทำเหมือนไม่รู้สึกดีใจเท่าไหร่นัก จึงเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนตัวสูงกว่าทั้งที่ไม่ยอมปล่อยเขาจากอ้อมกอดของเธอ จากนั้นเธอก็จำมันได้กับดวงตาสีฟ้าที่เธอเคยเห็นมันซึ่งมองเธอด้วยความรู้สึกที่ต่างจากคนอื่นๆ มันเป็นความรักที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์ท่ามกลางทะเลทราย เธอรู้สึกแล้วในตอนนี้ว่า มันเป็นสายตาที่อลิซใช้ในการมองเธออยู่ตลอดเวลา เธอยอมรับกับอลิซในเรื่องนั้น เรื่องในคืนหนึ่งนั่น เธอจำได้ถึงช่วงเวลาที่ได้ค้นหาความพึงพอใจและผ่อนคลาย แต่ก็ได้ค้นพบกับอะไรที่มากกว่านั้น
“ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันว่า.. เราเป็นแฟนกัน.. ว่าฉันรักเธอ.. ว่าเธอรักฉัน..?”
คำพูดแบบนี้อีกแล้ว อลิซเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า..นี่เค้าหมายความแบบนั้นจริงๆ หรือว่า..แค่พูดเพราะจำมันขึ้นมาได้เท่านั้นกันนะ..
“ฉันไม่แน่ใจว่า..มันยังเป็นแบบนั้นอยู่รึเปล่าน่ะ..” เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลตอบเสียงเหนื่อย
“เธอหมายความว่ายังไง..” แคลร์ย้อนถามอย่างทันควัน
“เธอจะจำมันได้..อีกไม่นาน..” อลิซตอบระหว่างที่เธอคิดทบทวนกับความหลังครั้งนั้นที่ยังจำมันได้ขึ้นใจ มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทุกอย่างนี้
อลิซตื่นขึ้นมาในห้องที่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น และเจอกับร่างกายของแคลร์ที่ปราศจากเสื้อผ้า กำลังหลับอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ความทรงจำของเรื่องที่เกิดขึ้นยามค่ำคืนย้อนกลับมาและทำให้เธอยิ้มอย่างมีความสุข แต่หลังจากนั้นไม่เท่าไหร่ ความรู้สึกผิดก็เกิดขึ้นมา มันเข้ามาอยู่เหนือความรู้สึกอบอุ่นและความพึงพอใจนี้ เธอไม่ได้เสียใจที่ได้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งนี้กับแคลร์ ในชีวิตของเธอจะไม่มีวันเสียใจกับเรื่องนี้แน่นอน แต่มันเป็นเพราะว่า..สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ มันน่าจะเป็นปัญหาสำหรับเธอ แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรให้มากกว่านี้ แคลร์ก็ตื่นขึ้นและมีแววของความสุขอยู่ในดวงตา ตอนนี้รอยยิ้มของแคลร์คล้ายกำลังแข่งความสดใสกับพระอาทิตย์อยู่อย่างนั้น
“อรุณสวัสดิ์..” แคลร์ทักขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ..” อลิซตอบกลับไปขณะขยับมือเก็บปอยผมสีแดงไปทัดหูให้แคลร์ คำพูดต่อมาออกมาจากปากของเธอ ก่อนที่เธอจะสามารถหยุดมันไว้ได้ “เธอสวยมากเลย..” แคลร์หน้าแดงเพราะคำชมนี้และเธอจึงไม่สามารถจะหยุดตัวเองได้อีกต่อไป ริมฝีปากของแคลร์จึงถูกจุมพิต แต่ก่อนที่แรงปรารถนาจะเกิดขึ้นมาเพราะจูบนี้ อลิซก็ละริมฝีปากของเธอออก แต่ดูเหมือนว่าสาวผมแดงจะยังไม่พอใจ หล่อนจึงยังคงไล้ริมฝีปากของตนขึ้นลงไปตามลำคอของอีกคน จนถึงไหปลาร้า
อลิซครางออกมาทันที “โอ้..ก้อด..” เธอต้องการแทบขาดใจที่จะทำแบบนี้ต่อไป แต่นี่มันคงไม่ถูกต้องนัก “แคลร์เดี๋ยว..” คำนี้ออกมาขัดจังหวะ
สาวผมแดงเงยหน้าขึ้นและถาม “อะไรเหรอ..”
อลิซตอบโต้ “ฉันคิดว่า เราควรจะลุกขึ้นได้แล้วล่ะ ฉันได้ยินเสียงคนข้างนอกน่ะ..” เธอประหลาดใจที่อยู่ๆตัวเองก็คิดคำโกหกได้ง่ายเหลือเกิน
“ฉันไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย.. เรายังมีเวลาอยู่นะ..” แคลร์แย้งขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์
แต่อลิซถอนหายใจออกมา เธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่างที่คิดไว้ แต่ก็ไม่สามารถจะพูดออกมาได้ คล้ายน้ำท่วมปาก บอกได้แค่เพียงว่า
“เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก..แคลร์..”
To be Continued.